ไทยประกันชีวิตมั่นใจแนวโน้มหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น เล็งเพิ่มลงทุนอีก 2-3 พันล้านบาท แต่ปัดลงทุนอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศเพิ่ม ระบุกองทุนโครงสร้างพื้นฐานน่าสนใจ แต่ต้องให้น้ำหนักต่างกันระหว่างกองทุนที่จัดตั้งโดยเอกชนกับภาครัฐ
นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทกำลังจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยอีกประมาณ 2% ของพอร์ตการลงทุนหรือประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และจะเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์พื้นฐานดีและมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงเป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเข้าลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาสินทรัพย์ลงทุนที่มีอัตราผลตอบแทนสูง และหุ้นกู้เอกชนต่างให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง และปีนี้มีหุ้นกู้ดังกล่าวให้เลือกลงทุนค่อนข้างมาก ล่าสุดบริษัทได้เข้าลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเฉลี่ยรายละ 400-500 ล้านบาท
"การลงทุนตอนนี้มีการปรับในส่วนของหุ้นกู้เยอะ ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศตอนนี้ยังไม่ดูไว้ แต่อาจมีเรื่องกองทุนโครงสร้างพื้นฐานบ้างที่บริษัทให้ความสนใจ แต่ต้องดูด้วยว่าเป็นกองโครงสร้างพื้นฐานของเอกชน หรือกองโครงสร้างพื้นฐานที่มีภาครัฐเป็นผู้จัดตั้ง ซึ่งจะให้น้ำหนักและลงทุนในปริมาณเงินที่แตกต่างกันออกไป" นางวรางค์กล่าว
นางวรางค์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัท ณ เดือนเมษายน 57 มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 208,147 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็น ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 51.69% พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 6.59% พันธบัตรต่างประเทศ 1.4% หุ้นกู้ต่างประเทศ 7.26% ตราสารทุน 4.59% หน่วยลงทุน 2.11% หุ้นกู้เอกชน 2.2% เงินฝากสถาบันการเงิน 5.52% ตั๋วเงินธนาคารพาณิชย์ 8.66% ผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมาที่ทำใกล้ระดับ 5%
ส่วนผลตอบแทนล่าสุดเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 4% กว่าๆ แต่ถ้าหากเป็นการวัดมูลค่าตามตลาดจริงแล้วก็อาจสูงถึง 6% เพราะราคาของตราสารมันเปลี่ยนไปเกือบทุกวัน ส่วนผลตอบแทนทั้งปีน่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งต้องพิจารณาด้วยว่าตลาดหุ้นปีนี้จะเป็นอย่างไร