ASTVผู้จัดการรายวัน - “พร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค” หวังตลาดอสังหาฯไตรมาส 2 กระเตื้องกว่าไตรมาส 1 จากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เล็งเปิด 3 โครงการมูลค่ากว่า 3,700 ล้านบาท คาดครึ่งปีแรกยอดขาย 7,400 ล้านบาท ล่าสุดเปิดขาย”เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่” วิลล่าหรู 15-88 ล้านบาท ด้าน “เบลล่า คอสต้า หัวหิน”กวาดยอดขายแล้ว 350 ล้านบาท
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แม้ว่าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 4 ของปี 2557 ซึ่งคาดหวังว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่านี้ เพราะงบประมาณเบิกจ่ายค้างปีของภาครัฐยังมีอีกจำนวนมาก พิจารณาได้จาก 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2558 รัฐบาลใช้เงินลงทุนไปเพียง 15% จากงบประมาณทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมาก คาดว่าไตรมาส 2 นี้รัฐบาลจะมีการลงทุนมากขึ้น เพื่อเอกชนจะได้มีความมั่นใจและกล้าการลงทุนตาม โดยในปีนี้ผู้ประกอบการยังมีความระมัดระวังตัวในการลงทุนกันมาก ผู้ประกอบการรายใหญ่มีการปรับแผนหันไปพัฒนาโครงการแนวราบกันมาก บางรายที่พัฒนาคอนโดฯก็ปรับความสูงเหลือ 8 ชั้น เพื่อลดความเสี่ยง
สำหรับแผนพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดของบริษัทในปีนี้ได้ปรับลดลงเหลือเพียง 1 โครงการ คือโครงการ เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 173 ไร่ ประกอบด้วย วิลล่าหรูระดับไฮเอนด์ 84 ยูนิต บนพื้นที่ 166 ไร่ ระดับราคา 18 - 55 ล้านบาท และยังมีแผนพัฒนาโรงแรมในรูปแบบบูทีคโฮเทล จำนวน 60 ห้องพัก บนพื้นที่ 7 ไร่ ด้านหน้าทางเข้าอีกด้วย รวมมูลค่าโครงการ 2,672 ล้านบาท โดยได้เริ่มแนะนำโครงการให้ลูกค้าได้เข้าชมบ้างแล้ว คาดว่าจะเปิดขายประมาณเดือนตุลาคม 2558 นี้ โดยมีบริษัท โจนส์ แลงก์ ลาซาลล์ (ประเทศไทย)จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย
ส่วนในปี 2557 ที่ผ่านมาได้เปิดตัว 2 โครงการในต่างจังหวัด 2 โครงการ คือ เพอร์เฟค เพลส เมืองเชียงใหม่ และ เบลล่า คอสต้า หัวหิน รวมมูลค่า 2,627 ล้านบาท โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์หัวหินในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในเชิงดีมานด์และซัพพลาย มีผู้ประกอบการเข้ามาพัฒนาเป็นจำนวนมาก มีการพัฒนาโครงการทั้งฝั่งตะวันตก(ฝั่งภูเขา) และฝั่งตะวันออก(ฝั่งทะเล) ของถนนเพชรเกษม โดยทำเลฝั่งภูเขา จะจำกัดอยู่ในกลุ่มชาวต่างชาติเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯหัวหินชะลอตัวไปบ้าง ผลจากการเมืองที่ร้อนแรงเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา อำนาจในการซื้อของชาวต่างชาติลดน้อยประกอบกับค่าเงินรูเบิล ของรัฐเซียนลดลง แต่หัวหินไม่ได้รับผลกระทบมากเท่ากับโซนพัทยา เพราะลูกค้าย่านหัวหินจะเป็นกลุ่มชาวยุโรป โดยเฉพาะ สแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ โดยโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดี ติดทะเล ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหัวหิน มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง มองหาสินค้าที่มีคุณภาพเป็นหลัก
จากผลการสำรวจในปี 2557 ที่ผ่านมา พบว่ามีโครงการเปิดตัวรวม 1,636 ยูนิต ประมาณ 10 กว่าโครงการ เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีเปิดตัวอยู่จำนวน 1,457 ยูนิต ซึ่งอาจจะเป็นผลจากวิกฤตทางการเมืองเมื่อปี 2557 ส่งผลให้บางโครงการเลื่อนมาเปิดตัวในปี 2557 ที่ผ่านมา แต่ปี 2558 นี้ยังไม่พบว่ามีโครงการเปิดใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของการนำโครงการที่เคยเปิดตัวมาแล้วและนำมาเปิดขายอีกรอบเพื่อกระตุ้นยอดขาย
สำหรับความคืบหน้าโครงการ เบลล่า คอสต้า หัวหิน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์เมดิเตอร์เรเนียล รวม 6 อาคาร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 4 อาคาร และ อาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 45-96 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.15-9.8 ล้านบาท จำนวนรวม 323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,677 ล้านบาท ขณะนี้มียอดพรีเซลแล้ว 350 ล้านบาท จาก 4 อาคาร โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย ส่วนต่างชาติมีเพียง 10% เท่านั้น
นายวงศกรณ์ กล่าวต่อว่าในไตรมาส 2 บริษัทฯจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 3 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท จากแผนทั้งหมด 24 โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ รวมมูลค่าเกือบ 30,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 2 ไว้ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มียอดขาย 2,900 ล้านบาท และจากการเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ทำให้คาดว่ายอดขายในครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 7,400 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปีที่ 18,000 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นยอดขายโครงการแนวราบ 60% และคอนโดมิเนียม 40%
ขณะที่บริษัทยังคงเป้ารายได้ทั้งปีตั้งไว้ที่ 18,000 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการโอน 15,000 ล้านบาท รายได้จากการขายที่ดิน 1,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาหลายราย คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในไตรมาส 2 -3 ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายยูนิลอฟท์ เชียงใหม่ เข้ากอง REIT ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าถึง 90%
อย่างไรก็ตาม หากรวมรายได้จากบริษัท TPROP จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน(backlog) อยู่ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดรับรู้ปีนี้ประมาณ 3,500 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท แบ่งใช้ซื้อที่ดิน 4,000-5,000 ล้านบาท และงบในการก่อสร้าง 10,000 ล้านบาท
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แม้ว่าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 4 ของปี 2557 ซึ่งคาดหวังว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่านี้ เพราะงบประมาณเบิกจ่ายค้างปีของภาครัฐยังมีอีกจำนวนมาก พิจารณาได้จาก 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2558 รัฐบาลใช้เงินลงทุนไปเพียง 15% จากงบประมาณทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมาก คาดว่าไตรมาส 2 นี้รัฐบาลจะมีการลงทุนมากขึ้น เพื่อเอกชนจะได้มีความมั่นใจและกล้าการลงทุนตาม โดยในปีนี้ผู้ประกอบการยังมีความระมัดระวังตัวในการลงทุนกันมาก ผู้ประกอบการรายใหญ่มีการปรับแผนหันไปพัฒนาโครงการแนวราบกันมาก บางรายที่พัฒนาคอนโดฯก็ปรับความสูงเหลือ 8 ชั้น เพื่อลดความเสี่ยง
สำหรับแผนพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดของบริษัทในปีนี้ได้ปรับลดลงเหลือเพียง 1 โครงการ คือโครงการ เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 173 ไร่ ประกอบด้วย วิลล่าหรูระดับไฮเอนด์ 84 ยูนิต บนพื้นที่ 166 ไร่ ระดับราคา 18 - 55 ล้านบาท และยังมีแผนพัฒนาโรงแรมในรูปแบบบูทีคโฮเทล จำนวน 60 ห้องพัก บนพื้นที่ 7 ไร่ ด้านหน้าทางเข้าอีกด้วย รวมมูลค่าโครงการ 2,672 ล้านบาท โดยได้เริ่มแนะนำโครงการให้ลูกค้าได้เข้าชมบ้างแล้ว คาดว่าจะเปิดขายประมาณเดือนตุลาคม 2558 นี้ โดยมีบริษัท โจนส์ แลงก์ ลาซาลล์ (ประเทศไทย)จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย
ส่วนในปี 2557 ที่ผ่านมาได้เปิดตัว 2 โครงการในต่างจังหวัด 2 โครงการ คือ เพอร์เฟค เพลส เมืองเชียงใหม่ และ เบลล่า คอสต้า หัวหิน รวมมูลค่า 2,627 ล้านบาท โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์หัวหินในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในเชิงดีมานด์และซัพพลาย มีผู้ประกอบการเข้ามาพัฒนาเป็นจำนวนมาก มีการพัฒนาโครงการทั้งฝั่งตะวันตก(ฝั่งภูเขา) และฝั่งตะวันออก(ฝั่งทะเล) ของถนนเพชรเกษม โดยทำเลฝั่งภูเขา จะจำกัดอยู่ในกลุ่มชาวต่างชาติเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯหัวหินชะลอตัวไปบ้าง ผลจากการเมืองที่ร้อนแรงเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา อำนาจในการซื้อของชาวต่างชาติลดน้อยประกอบกับค่าเงินรูเบิล ของรัฐเซียนลดลง แต่หัวหินไม่ได้รับผลกระทบมากเท่ากับโซนพัทยา เพราะลูกค้าย่านหัวหินจะเป็นกลุ่มชาวยุโรป โดยเฉพาะ สแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ โดยโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดี ติดทะเล ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหัวหิน มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง มองหาสินค้าที่มีคุณภาพเป็นหลัก
จากผลการสำรวจในปี 2557 ที่ผ่านมา พบว่ามีโครงการเปิดตัวรวม 1,636 ยูนิต ประมาณ 10 กว่าโครงการ เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีเปิดตัวอยู่จำนวน 1,457 ยูนิต ซึ่งอาจจะเป็นผลจากวิกฤตทางการเมืองเมื่อปี 2557 ส่งผลให้บางโครงการเลื่อนมาเปิดตัวในปี 2557 ที่ผ่านมา แต่ปี 2558 นี้ยังไม่พบว่ามีโครงการเปิดใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของการนำโครงการที่เคยเปิดตัวมาแล้วและนำมาเปิดขายอีกรอบเพื่อกระตุ้นยอดขาย
สำหรับความคืบหน้าโครงการ เบลล่า คอสต้า หัวหิน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์เมดิเตอร์เรเนียล รวม 6 อาคาร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 4 อาคาร และ อาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 45-96 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.15-9.8 ล้านบาท จำนวนรวม 323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,677 ล้านบาท ขณะนี้มียอดพรีเซลแล้ว 350 ล้านบาท จาก 4 อาคาร โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย ส่วนต่างชาติมีเพียง 10% เท่านั้น
นายวงศกรณ์ กล่าวต่อว่าในไตรมาส 2 บริษัทฯจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 3 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท จากแผนทั้งหมด 24 โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ รวมมูลค่าเกือบ 30,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 2 ไว้ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มียอดขาย 2,900 ล้านบาท และจากการเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ทำให้คาดว่ายอดขายในครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 7,400 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปีที่ 18,000 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นยอดขายโครงการแนวราบ 60% และคอนโดมิเนียม 40%
ขณะที่บริษัทยังคงเป้ารายได้ทั้งปีตั้งไว้ที่ 18,000 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการโอน 15,000 ล้านบาท รายได้จากการขายที่ดิน 1,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาหลายราย คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในไตรมาส 2 -3 ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายยูนิลอฟท์ เชียงใหม่ เข้ากอง REIT ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าถึง 90%
อย่างไรก็ตาม หากรวมรายได้จากบริษัท TPROP จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน(backlog) อยู่ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดรับรู้ปีนี้ประมาณ 3,500 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท แบ่งใช้ซื้อที่ดิน 4,000-5,000 ล้านบาท และงบในการก่อสร้าง 10,000 ล้านบาท