“ศุภาลัย” หันตุนแลนด์แบงก์หลังราคาที่ดินเพิ่มเฉลี่ย 9-10% ต่อปี ขณะที่ต้นทุนการเงินแค่ 3.5% เผยมูลค่ารอพัฒนากว่า 70,000 ล้านบาท ปี 58 เตรียมเปิดคอนโดฯ 9 โครงการมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเตรียมเปิดขาย “ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ช แจ้งวัฒนะ” ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากการลงทุนพัฒนาคอนโดฯ จะต้องซื้อที่ดินก่อน ซึ่งมีราคาต่อแปลงสูงทำให้ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนสูง นอกจากนี้รายเล็กยังมีปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อ จากความเข้มงวดของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในช่วงที่ผ่านมาถือว่าไม่รุนแรงมากนัก
แนวโน้มการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะเติบโตไม่มากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การแข่งขันในตลาดมีไม่มากนัก พิจารณาได้จากการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีน้อยลงจากปกติการเจรจาซื้อที่ดินแต่ละแปลงจะต้องมีคู่แข่ง 1-2 รายหรือมากกว่านั้น แต่ปัจจุบันกว่าครึ่งไม่มีผู้ประกอบการเจรจาซื้อที่ดินแข่ง หากมีก็เพียง 1 รายเท่านั้น ทำให้เชื่อว่าการเปิดตัวในช่วงหลังจากนี้จะมีไม่มากนัก
ปัจจุบันแนวโน้มราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 9-10% ต่อปี ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินต่ำ โดยต้นทุนทางการเงินของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ทำให้บริษัทปรับนโยบายการลงทุนซื้อที่ดินใหม่ จากเดิมจะพัฒนาโครงการภายใน 2 ปีครึ่งหลังจากซื้อที่ดินหรือพัฒนาในทันที แต่จากแนวโน้มราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นในบางทำเลประกอบกับต้นทุนทางการเงินต่ำทำให้บริษัทหันมาซื้อที่ดินสะสมมากขึ้น บางแปลงนานกว่า 4 ปีจึงจะนำมาพัฒนาทำให้ในปัจจุบันมีที่ดินสะสมในมือสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 70,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งงบซื้อดินไว้ 6,000 ล้านบาท โดยจะเน้นทำเลติดแนวรถไฟฟ้าทั้งสายที่เปิดให้บริการแล้ว ส่วนต่อขยายที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงสายใหม่ที่มีแผนจะสร้าง ส่วนที่ดินบริเวณรอบนอกเมืองมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาเพียง 2-3% บริษัทจะไม่ซื้อสะสมนาน แต่หากราคาน่าสนใจก็จะซื้อ
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 58 นี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีซัปพลายเข้าสู่ตลาดไม่มาก ทำให้คู่แข่งน้อย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และแรงงานไม่ขาดแคลน ราคาค่าก่อสร้างลดลง ทำให้สร้างบ้านแบบเดิมต้นทุนค่าก่อสร้างถูกลง 1-2% โดยปัจจัยเสียงในปีนี้คือ ภาวะเศรษฐกิจ ที่เติบโตได้น้อยประมาณ 3% ซึ่งแม้ว่าผู้บริโภคจะมีงานทำ แต่รายได้โตช้า อาจส่งกระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้านได้ รวมทั้งการเมืองยังมีความเสี่ยงอยู่
นายไตรเตชะ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 58 ตั้งเป้าเปิด 9 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท โดยเปิดตัวโครงการแรกในช่วงไตรมาส 2 ราว 3 โครงการ ส่วนที่เหลือเปิดขายในช่วงครึ่งปีหลัง ล่าสุดเปิดตัวโครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท แจ้งวัฒนะ คอนโดมิเนียมจำนวน 752 ยูนิต ราคา 57,000 บาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ราคาเริ่มเปิดจองวันที่ 23-29 เมษายน 58 ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โดยตั้งเป้ายอดขายโครงการดังกล่าวในช่วงเปิดตัวไว้ที่ 1,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดฯ ในบริเวณสายสีม่วง 6 โครงการ ส่งมอบแล้ว 3 โครงการ อยู่ระหว่างส่งมอบ 1 โครงการ และอยู่ระหว่างการขาย 2 โครงการ อัตราการขาย 40-50% และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในทำเลนี้อีก 1 โครงการ แต่จะเป็นโครงการขนาดเล็ก ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดอีก 2 โครงการ ในย่านใจกลางเมือง มูลค่ารวม 6.5 พันล้านบาท ราคาขายมากกว่า 1 แสนบาทต่อตารางเมตร
ด้านยอดขายในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 3,200 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีการเปิดโครงการใหม่ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมประกอบกับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ผ่านมายังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก ส่งผลให้กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวตาม ทั้งนี้ไตรมาส 1 จะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 2/58 คาดว่ายอดขายจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/58 เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง 1% จะส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น 7-8% อีกทั้งความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ค่อนข้างมาก รวมทั้งบริษัทยังเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในไตรมาส 2/58 จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายในไตรมาส 2 ไว้ที่ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายคอนโดมิเนียมกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 39,000 ล้านบาท โดยจะทยอยโอนในปีนี้ 17,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 22,000 ล้านบาท