ASTVผู้จัดการรายวัน – สมาคมอาคารชุดไทย คาดคอนโดฯปี 58 โตแค่ 4% มูลค่าตลาด 1.48 แสนล้านบาท ระบุที่ดินหายากแถมราคาแพงกดดันผู้ประกอบการรายย่อยออกไปพัฒนาโครงการรอบนอกเมือง เหลือรายใหญ่ชนกันเอง แนวโน้มซื้อตึก โรงแรม โรงหนังเก่าทุบทิ้งสร้างคอนโดฯ ล่าสุดพฤกษาฯซื้ออาคารเก่าย่านพญาไท เตรียมทุบทิ้งสร้างคอนโดฯหรู
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ สายงานคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดคอนโดฯในปี 58 คาดว่าจะยังสามารถเติบโตโดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมในเขตกรุงเทพและปริมณฑลที่ 1.48 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปี 57 ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.42 แสนล้านบาท
โดยในช่วง 2 เดือนแรกพบว่ายอดขายเติบโตขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจผันผวนในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก พิจารณาได้จากยอดขายคอนโดฯ ของพฤกษาในช่วงเกือบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 3,000 ล้านบาท หลังจากเปิดคอนโดฯใหม่ 2 แห่งได้แก่ โครงการ แซปเตอร์วัน มิดทาวน์ ลาดพร้าว 24 และ เดอะทรี รีโอ้ บางอ้อ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 รายเปิดตัวคอนโดฯในเมือง 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยทุกโครงการจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน
สำหรับทิศทางการลงทุนของผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมในเมือง หลังจากนี้จะเป็นตลาดของผู้เล่นรายใหญ่เป็นหลัก เนื่องจากต้นทุนที่ดินสูงมากตกตารางวาละตั้งแต่ 1-2 ล้านบาท แล้วแต่ทำเล ส่งผลให้ต้องใช้เม็ดเงินซื้อที่ดินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทจึงจะซื้อที่ดินได้ไม่นับรวมกับค่าก่อสร้างและต้นทุนอื่นๆ โดยเฉลี่ยผู้ประกอบการต้องมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีเงินลงทุนน้อยต้องขยับการลงทุนออกไปยังส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้า
นอกจากนี้ที่ดินในทำเลติดรถไฟฟ้าย่านใจกลางเมืองนอกจากจะมีราคาแพงแล้วยังหายากมาก ทำให้ผู้ประกอบการหันมาซื้ออาคารเก่า ตึกเก่า โรงแรม หรือโรงหนังเก่ามาทุบทิ้งเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม โดยจะเริ่มเห็นแนวโน้มนี้มากขึ้น ซึ่งบริษัท พฤกษาฯ ได้ซื้ออาคารเก่ามาทุบทิ้งเพื่อสร้างคอนโดฯแล้ว 2-3 โครงการ ล่าสุดซื้ออาคารของร้านอาหารครัวกรุงเทพ ย่านพญาไท เนื้อที่กว่า 1 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะพัฒนาในแบรนด์ใด แต่จะใช้แบรนด์ระดับบน โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในช่วงกลางปีนี้
ด้วยข้อจำกัดของราคาที่ดิน และที่ดินที่มีอยู่น้อยมากในทำเลกลางเมือง ที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในมือของผู้มีอันจะกิน เชื้อพระวงศ์หรือเป็นของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ด้วยสาเหตุนี้จะกดดันให้ผู้บริโภคหันมาตัดสินใจซื้อคอนโดฯแบบเช่า 30 ปี หลังจากช่วงก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่มีสินค้าใหม่ออกมาหรือมีก็ราคาสูงมาก
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่หันมาพัฒนาโครงการระดับกลาง-บน เป็นส่วนใหญ่ เนื่องลูกค้าในกลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงกับตลาดที่สามารถเติบโตได้ในช่วงนั้นๆ.
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ สายงานคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดคอนโดฯในปี 58 คาดว่าจะยังสามารถเติบโตโดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมในเขตกรุงเทพและปริมณฑลที่ 1.48 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปี 57 ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.42 แสนล้านบาท
โดยในช่วง 2 เดือนแรกพบว่ายอดขายเติบโตขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจผันผวนในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก พิจารณาได้จากยอดขายคอนโดฯ ของพฤกษาในช่วงเกือบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 3,000 ล้านบาท หลังจากเปิดคอนโดฯใหม่ 2 แห่งได้แก่ โครงการ แซปเตอร์วัน มิดทาวน์ ลาดพร้าว 24 และ เดอะทรี รีโอ้ บางอ้อ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 รายเปิดตัวคอนโดฯในเมือง 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยทุกโครงการจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน
สำหรับทิศทางการลงทุนของผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมในเมือง หลังจากนี้จะเป็นตลาดของผู้เล่นรายใหญ่เป็นหลัก เนื่องจากต้นทุนที่ดินสูงมากตกตารางวาละตั้งแต่ 1-2 ล้านบาท แล้วแต่ทำเล ส่งผลให้ต้องใช้เม็ดเงินซื้อที่ดินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทจึงจะซื้อที่ดินได้ไม่นับรวมกับค่าก่อสร้างและต้นทุนอื่นๆ โดยเฉลี่ยผู้ประกอบการต้องมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีเงินลงทุนน้อยต้องขยับการลงทุนออกไปยังส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้า
นอกจากนี้ที่ดินในทำเลติดรถไฟฟ้าย่านใจกลางเมืองนอกจากจะมีราคาแพงแล้วยังหายากมาก ทำให้ผู้ประกอบการหันมาซื้ออาคารเก่า ตึกเก่า โรงแรม หรือโรงหนังเก่ามาทุบทิ้งเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม โดยจะเริ่มเห็นแนวโน้มนี้มากขึ้น ซึ่งบริษัท พฤกษาฯ ได้ซื้ออาคารเก่ามาทุบทิ้งเพื่อสร้างคอนโดฯแล้ว 2-3 โครงการ ล่าสุดซื้ออาคารของร้านอาหารครัวกรุงเทพ ย่านพญาไท เนื้อที่กว่า 1 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะพัฒนาในแบรนด์ใด แต่จะใช้แบรนด์ระดับบน โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในช่วงกลางปีนี้
ด้วยข้อจำกัดของราคาที่ดิน และที่ดินที่มีอยู่น้อยมากในทำเลกลางเมือง ที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในมือของผู้มีอันจะกิน เชื้อพระวงศ์หรือเป็นของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ด้วยสาเหตุนี้จะกดดันให้ผู้บริโภคหันมาตัดสินใจซื้อคอนโดฯแบบเช่า 30 ปี หลังจากช่วงก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่มีสินค้าใหม่ออกมาหรือมีก็ราคาสูงมาก
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่หันมาพัฒนาโครงการระดับกลาง-บน เป็นส่วนใหญ่ เนื่องลูกค้าในกลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงกับตลาดที่สามารถเติบโตได้ในช่วงนั้นๆ.