xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปิดคดีสะเทือนขวัญ ฆ่า“พระหมอ” เหมือน “จิ๊กซอว์”ยังต่อไม่เสร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เสี่ยบั๊ก” นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร ในวันที่ถูกเรียกมาให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยืนยัน ไม่รู้จักพระหมอ
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังลุ้นจนตัวโก่ง! กรณีคดีคนร้ายลอบสังหารปลิดชีพพระอาจารย์บัณฑิต สุปันฑิโต หรือ “พระหมอ” เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด ต.บ้านตาด อุดรธานี หลังเกิดเหตุ 1 มี.ค.2558 ทอดเวลาไปกว่า 20 วันการติดตามคนร้ายพร้อมของกลางอาวุธปืน รถยนต์ ฯลฯ ไม่มีวี่แววว่าจะติดตามมาได้ การทำคดีวนอยู่ในอ่าง จนคนค่อนประเทศได้ขออโหสิกรรมให้กับแก๊งคนร้ายไปแล้ว

โดยเฉพาะชาวอุดรธานีที่รู้กันว่า ใครคือผู้บงการจ้างวานฆ่าพระหมอ ด้วยความกว้างขวางเส้นสายใหญ่คับเมืองของเสี่ยใหญ่ผู้บงการ ต่างก็เชื่อว่ายากที่ตำรวจจะติดตามจับคนร้ายกลุ่มนี้ได้

แต่คนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต…ทันทีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งให้ย้าย พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.จว.อุดรธานี และ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ประจำกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สตช. และรายงานตัวก่อนเที่ยงวันที่ 24 มี.ค. 2558 พร้อมสั่งการให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ลงพื้นที่สางคดีพร้อมกับ นายตำรวจฝีมือดีชุดหนึ่ง

คราวนี้ราวกับมีปฏิหาริย์...คล้อยหลังสั่งย้าย 2 นายพลออกนอกพื้นที่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ช่วงบ่ายวันเดียวกันชุดคลี่คลายคดีก็สามารถบุกตรวจค้นเป้าหมายหลายจุด ยึดของกลางสำคัญได้หลายรายการ และในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ที่ผู้ต้องหามือปืน นายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน ลูกจ้างประจำวิทยาลัยสารพัดช่าง จ.กาฬสินธุ์ก็ถูกจับได้ โดยนายปัญจ๋ารับสารภาพหมดเปลือกพร้อมซัดทอดคนที่ร่วมขบวนการ จนนำไปสู่การจับกุม ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.อุดรฯช่วยราชการหน่วยปราบรามยาเสพติด ภูธรจังหวัดอุดร และนายบุญนาค หงษาคำ พนักงานขับรถสำนักงานชลประธาน จ.อุดรธานี

เป็นปฏิบัติการ ด่วนพิเศษ! “เช้าย้าย บ่ายค้น เย็นจับ” ชนิดที่กลุ่มคนร้ายและผู้ร่วมวางแผนฆ่าตั้งรับไม่ทัน
 
คล้อยหลังจากนั้นอีกแค่ข้ามวัน “เสี่ยบั๊ก” นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดรก็ถูกจับได้คาห้องทำงานชั้น 4 ของโรงพยาบาลหลังหมายจับออกมาได้ไม่กี่ชั่วโมง...
 
อันที่จริงตัว ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งลงพื้นที่คุมคดีหลังเกิดเหตุก็รู้อยู่เต็มอกว่า แก๊งคนร้ายกลุ่มนี้มีใครบ้างและใครเป็นคนจ้างวานเพราะชุดเฉพาะกิจจากส่วนกลางที่ถูกส่งปฏิบัติการสืบสวนคู่ขนานกับทีมตำรวจพื้นที่ตั้งแต่ต้นได้ข้อมูลหมดแล้วเพียงแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเจอ “ตอใหญ่” ขวางอยู่ ....กระทั่งมีคำสั่งย้าย 2 นายพลตำรวจออกพ้นพื้นที่ การตรวจค้นจับกุมถึงได้ราบรื่นรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง72 ชั่วโมง แม้แต่ผู้ต้องหาที่เป็นผู้จ้างวานฆ่าก็ยังไม่รอด
         
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังขาคาใจในกระบวนการวางแผนฆ่าพระหมอครั้งนี้ น่าจะมีตัวการใหญ่อีกคนที่เป็น “ผู้ออกแบบแผนสังหาร” เป็นตัวกลางระหว่าง นายบรรเจิด ผู้ต้องหาจ้างวานกับ ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่จัดหามือปืน นายปัญจ๋า (โบ้) ชารีแสนและขับรถให้นายโบ้ในวันก่อเหตุ เป็นไปไม่ได้ที่นายบรรเจิดจะติดต่อจ้างวานเองโดยตรงกับด.ต.ชาญชัย**

และเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกันที่การรับงานใหญ่ฆ่าคน โดยเฉพาะฆ่าพระภิกษุนั้น ด.ต.ชัยชาญจะไม่ปรึกษาหารือขอความเห็นจาก พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งด.ต.ชัยชาญเป็นคนสนิทรับใช้เป็นพลขับให้ พ.ต.ต.บุญลือมานานตั้งแต่ยังเป็น รองผกก.สภ.เมืองอุดรธานีจนกระทั่งเลื่อนเป็นผบก.ภ.จ.อุดรธานีก็ยังตามไปเป็นพลขับให้ ว่ากันว่าบุญคุณที่นายพลใหญ่รายนี้มีต่อ ด.ต.ชัยชาญมากล้นชนิดที่ยอมตายแทนได้

ขณะที่ พล.ต.ต.บุญลือ เองก็ให้ข้อมูลยืนยันกับ ผบ.ตร.ในวันเดียวกันที่ถูกสั่งย้ายด่วนเข้า สตช.โดยยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุฆ่าพระหมอหลายเดือน ด้วยความคุ้นเคยกัน นายบรรเจิดไหว้วานให้หาคนที่ไว้ใจได้ไปเฝ้าสังเกตุติดตามพฤติกรรมพระอาจารย์บัณฑิตเพราะสงสัยจะพัวพันฉันชู้สาวกับผู้หญิงของเขา “หมอแก้ว” จึงแนะนำงานนี้ให้กับ ดต.ชัยชาญ ต่อมาได้ให้เบอร์โทรติดต่อ ด.ต.ชัยชาญโดยตรงกับนายบรรเจิดและหลังจากนั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย คือไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น

จิ๊กซอว์ตัวนี้..คนที่ติดตามข่าวสะเทือนขวัญ “ฆ่าพระหมอ” มาอย่างต่อเนื่องยังรอให้มีการต่อชิ้นส่วนให้เต็ม ที่เห็นตอนนี้ยังต่อได้ไม่สมบูรณ์
     
 พล.ต.ต.บุญลือนั้นแม้ไม่ใช่คนอุดรแต่กำเนิด แต่รับราชการในพื้นที่นี้มานานจนกลายเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่ง หน้าที่การงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ล้ำหน้าเพื่อนนายตำรวจรุ่นเดียวกันจำนวนไม่น้อย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต ผบ.ตร.คนแรก นอกจากงานราชการแล้วเขายังทำธุรกิจอีกหลายอย่างในเมืองอุดร เช่นเปิดกิจการขุดดินขาย รับจ้างขนดิน , ทำสวนน้ำอุดรวอเตอร์เวิล์ด (ทางไปบ้านหนองลีหู แถวบ้านขวัญชัย ไพรพนา)

โดยเฉพาะการทำธุรกิจขนดินนั้นแทบจะเรียกว่าผูกขาดในเมืองอุดรก็ว่าได้ ว่ากันว่าหากเส้นทางไหนที่เขาทำมาหากินอยู่ รายอื่นต้องหลีกให้ ห้ามเข้ามายุ่ง
    
ขณะที่ “เสี่ยบั๊ก” นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ เองก็ไม่ใช่ชาวอีสานโดยกำเนิดเช่นกัน อพยพ ครอบครัวมาพร้อมน้องชาย คือนายบรรจง ฉัตรไพฑูรย์ จากปราจีนบุรี มาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อราวปี พ.ศ.2515 เริ่มต้นทำมากินด้วยการเปิดร้านขาย“ก๋วยจั๊บ”บริเวณ ถ.อุดรดุษฎี กิจการขายก๋วยจั๊บของสองพี่น้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลายปีต่อมา ชื่อเสียงของเสี่ยบั๊กเป็นที่รู้จักของชาวเมืองอุดรธานีอย่างกว้างขวาง และด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนขยัน ใจนักเลง ชอบเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้เสี่ยบั๊กได้มีโอกาสรู้จักกับ “นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีขณะนั้น

เสี่ยบั๊ก เป็นอีกคนหนึ่งที่ฉลาดใช้ในการ Connection ให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจการค้า หลังจากนายพิศาล ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ประจวบเหมาะกับขณะนั้น ช่วงปี 2518 สปป.ลาว มีปัญหาด้านการเมืองภายในประเทศอย่างรุนแรง ชาวลาวบางส่วนหนีเข้ามาอาศัยแผ่นดินไทย จนองค์การสหประชาชาติตั้งศูนย์อพยพชาวเขาเผ่าม้งขึ้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย

เสี่ยบั๊กมองเห็นช่องทางการทำธุรกิจ จึงวิ่งเต้นเข้าหาปลัดฯพิศาล จนในที่สุดได้สัมปทานจัดส่งวัตถุดิบอาหารให้กับศูนย์อพยพดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว โดยตั้ง หจก.กิจไพฑูรย์ จดทะเบียนวันที่ 17 มี.ค 19 ทุน 5 ล้านบาท มีหุ้นส่วน 6 คนคือ นางดารุณี ฉัตรไพฑูรย์ นายบรรจง ฉัตรไพฑูรย์ นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ นายบัญชา ฉัตรไพฑูรย์ นางเพิ่มพูน ประเทืองสินธุ์ นางวารุณี ฉัตรไพฑูรย์

นอกจากส่งอาหารให้กับศูนย์อพยพชาวเขาเผ่าม้งลาวที่ อ.เชียงคาน จ.เลยแล้ว หจก.กิจไพฑูรย์ยังได้สิทธิ์ส่งอาหารให้กับฐานทัพทหารอเมริกันที่มาตั้งฐานใน จ.อุดรธานีอีกด้วย

ในห้วงนี้เองที่ทำให้เสี่ยบั๊กได้มีโอกาสรู้จักกับนายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายก ทต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย ที่ถูกจับกุมในข้อกล่าวหา ““มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนออกให้ไม่ได้(อาวุธสงคราม)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เพราะขณะนั้นนายวิเวทย์รับราชการเป็นนายเวรหน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ซึ่งเสี่ยบั๊กต้องแวะเวียนเยี่ยมเยื่อนติดต่อประสานงานกับผู้ว่าฯบ่อยครั้ง

การผูกขาดส่งวัตถุดิบอาหารให้กับศูนย์อพยพฯและฐานทัพอเมริกาหรือ(GI)ถือเป็นช่องทางสร้างรายได้และผลกำไรให้กับเสี่ยบั๊กอย่างเป็นกอบเป็นกำ เขาได้รับสิทธิผูกขาดจัดส่งวัตถุดิบอาหารให้กับศูนย์อพยพดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งถึงในปี พ.ศ.2527 ศูนย์อพยพชาวเขาเผ่าม้งดังกล่าว ก็ปิดตัวลงพร้อมๆกับต่อมาฐานทัพอเมริกาถอนกำลังออก ทำให้เสี่ยบั๊กมีเงินทุนก้อนใหญ่มาทำธุรกิจของตัวเองมากขึ้น

กระทั่งต่อมามีแนวคิดอยากทำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน เพราะมองว่าคนมีฐานะดีในเมืองอุดรฯหรือพื้นที่อีสานแถบนี้หรือแม้แต่เศรษฐีชาวลาวเอง มักจะเข้าไปใช้บริการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนดังๆในกรุงเทพ เขาได้เริ่มขายไอเดีย ชักชวนเพื่อนนักธุรกิจในเมืองอุดรฯหลายรายเข้าหุ้นลงทุนสร้างโรงพยาบาล จนในที่สุดความฝันของเขาก็สำเร็จ โดยโรงพยาบาลเอกอุดรเริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2540

โรงพยาบาลเอกอุดร ก่อตั้งภายใต้ชื่อ บริษัท อุดรพัฒนา (1994) จำกัด ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 12 ไร่ ถ.โพศรี อ.เมือง จ.อุดรธานี อยู่ใจกลางเมือง เป็นอาคารสูง 12 ชั้น 2 อาคาร โดยแบ่งเป็นอาคาร A เป็นอาคารอำนวยการ การรักษาพยาบาล และชั้นดาดฟ้า เป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานและได้รับอนุญาต จากกรมการขนส่งทางอากาศ อาคาร B เป็นอาคารจอดรถในร่มสูง 6 ชั้น สามารถจอดรถได้กว่า 800 คัน รวมทั้งหอพักแพทย์, พยาบาล และอพาร์ทเม้นท์เจ้าหน้าที่พนักงาน

ภายในอาคารมีพื้นที่ใช้สอย 62,000 ตารางเมตร สามารถรับคนไข้นอกได้ถึงวันละ 1,200 คน และรับคนไข้ในได้ถึง 350 เตียง

อย่างไรก็ตาม กิจการโรงพยาบาลเอกอุดรในช่วงแรกๆไม่ประสบผลสำเร็จนัก กระทั่งหุ้นส่วนหลักๆหลายคนขอถอนหุ้นออกไป เสี่ยบั๊ก จึงได้ดึง “อรุณี จิวาศักดิ์อภิมาศ” นักธุรกิจใหญ่ ฐานะเข้าขั้นเศรษฐีอันดับต้นๆเจ้าของบริษัท อภิมาศแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด จ.หนองคาย เข้ามาถือหุ้นส่วน โดยเขานั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และช่วยกันบริหารงานโรงพยาบาลเอกอุดร จนกิจการเริ่มเติบโตผลรายได้เริ่มงอกเงย และต่อมาเสี่ยบั๊ก ได้แต่งงานกับ “อรุณี” อย่างเปิดเผย ถือเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของเขา

ขณะที่ภรรยาอีกคนก่อนหน้านั้น “วารุณี ฉัตรไพฑูรย์”เป็นลูกสาวเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เบียร์อุดร ผูกขาดเป็นเสือนอนกิน ขายปลีก เบียร์ โซดา ใน จ.อุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียงมานานเช่นกัน

ข่าวการแต่งงานกับ “อรุณี” ทำเอาสังคมชาวอุดรฮือฮาซุบซิบอย่างกว้างขวาง เพราะก่อนหน้านี้ เสี่ยบั๊กเคยแต่งงานอย่างออกหน้ามาแล้วกับ ทันตแพทย์หญิงวารุณี ฉัตรไพฑูรย์ ปัจจุบันมีบุตรสาวฝาแฝดด้วยกัน กำลังเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2554 สภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้มอบปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการตลาด ให้กับนายบรรเจิด หรือเสี่ยบั๊ก ด้วยเหตุผลที่บรรยายไว้สวยหรูว่า เป็นนักบริหารจัดการองค์กรที่มีแนวคิดในการประกอบธุรกิจที่มีส่วนช่วยเหลือสังคม ก่อตั้งโรงพยาบาลเอกอุดรขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ.2540 โดยมุ่งมั่นให้เป็นโรงพยาบาลที่มีความเป็นหนึ่งในภูมิภาคในทุกๆ ด้าน บริหารและพัฒนาโรงพยาบาลโดยใช้ความรู้ ความสามารถ และแนวคิดทางการตลาดที่โดดเด่น

คือ “หลักการตลาดเพื่อสังคม” ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลให้เป็นที่รู้จัก ควบคู่กับการสร้างคุณประโยชน์แก่สังคม โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมสาธารณะประโยชน์และโครงการการกุศล หลังรับมอบปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ครั้งนั้น ทำให้“เสี่ยบั๊ก”กลายเป็น “ดร.บรรเจิด” ไปโดยปริยาย

สำหรับ “หมอแก้ว”จักษุแพทย์สาวที่เป็นชนวนเหตุจนนำไปสู่การสั่งเก็บ “พระหมอ”นั้น เป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของเสี่ยบั๊ก

 และจนถึงวันนี้ คดีสังหารพระหมอ แม้จะสามารถจับกุมตัวละครทั้งหมดในเรื่องนี้ ทั้งมือปืน คนขับรถ คนชี้เป้า คนเชื่อมโยงระหว่างผู้บงการกับส่วนต่างๆ หรือ กระทั่งตัวผู้บงการ แต่เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงแบบคดีทั่วไปที่เห็นๆกันหรือไม่ หรือจะจบลงอย่างที่ชุดสืบสวนสอบสวนตั้งประเด็นในการสังหารว่า เกี่ยวพันกับเรื่องชู้สาวหรือไม่ คงต้องรอ ผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่ถูกจับในข้อหา บ่งการสังหาร คือ “เสี่ยบั๊ก” นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ที่จะเปิดปากในวันที่ขึ้นศาลเท่านั้น ถึงจะปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์


เสี่ยบั๊กในวันที่ตกเป็นผู้ต้องหาสั่งฆ่าพระหมอ
โรงพยาบาลเอกอุดร ของ เสี่ยบั๊ก
 ด.ต. ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.อุดรฯช่วยราชการหน่วยปราบรามยาเสพติด ภูธรจังหวัดอุดร  คนขับรถ คนชี้เป้า และคนว่าจ้างมือปืน ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมาจากลาว
ในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเสี่ยบั๊ก ก่อนออกหมายจับ
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมนายตำรวจที่มีส่วนร่วมในคดี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมทีมสังหารพระหมอ
นางอรุณี จิวาศักดิ์อภิมาศ ภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยบั๊ก มาให้กำลังใจส่งเสี่ยบั๊กขึ้นเครื่องไป สตช.ด้วย
สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ ล้วนมาจากเงินบริจาค หรือเงินสนับสนุนจากเสี่ยบั๊ก ทั้ง ห้องประชุม สะพาน อาคารอเนกประสงค์


ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ


ภรรยาและครอบครัวเข้าเยี่ยมเสี่ยบั๊กที่เรือนจำอุดรธานี
กำลังโหลดความคิดเห็น