ผบ.ตร. แถลงจับ “เสี่ยบรรเจิด” จ้างวานฆ่า “พระบัณฑิต” ระบุหลักฐานมัดแน่น ขณะที่เสี่ยจ้างวานยังไม่ยอมรับสารภาพ ขอให้การในชั้นศาล ขณะ “ดาบชาญชัย” เปิดปากรับงานจริง ค่าจ้าง 3 แสน เสี่ยใหญ่เอาเงินใส่ซองให้ด้วยตัวเอง ชนวนเหตุหึงหวง “หมอแก้ว” พร้อมสำนึกผิดขอโทษทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (28 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประเสริฐ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.กองแผนกิจการพิเศษ พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. และชุดคอมมานโดควบคุมตัว นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาล อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม บก.ภ.จว.อุดรธานี และ นายบุญนาค หงษาคำ พนักงานขับรถสำนักงานโครงการชลประทาน จ.อุดรธานี ในฐานะผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุวางแผนยิงพระบัณฑิต สุปัณทิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้แยกตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายบรรเจิดขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าและร่วมกันฆ่าพระบัณฑิต ผู้ต้องหาที่ทำการจับกุมเพิ่มเติมได้มีทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย นายบรรเจิด ผู้จ้างวาน ถูกแจ้งข้อหาใช้ให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ด.ต.ชาญชัย ผู้ชี้เป้าขับรถพามือยิงไปก่อเหตุ และ นายบุญนาค ผู้เฝ้าติดตามพระบัณฑิตและพาไปดูเส้นทางก่อเหตุ โดยศาลทหารจังหวัดอุดรธานีได้อนุมัติหมายจับไว้แล้ว ในวันนี้นายบรรจิดไม่ขอแถลงข่าว ส่วนการดำเนินคดีนี้ได้สั่งการโอนสำนวนการสอบสวนมาไว้ที่ บก.ป. เพื่อความโปร่งใส ตนยืนยันว่า ตนและชุดทำงานทั้งหมดมีความภูมิใจที่ได้คลี่คลายคดีนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในบางสิ่งบางอย่างมีพยานหลักฐานมากกว่าคำให้การซัดทอดผู้ต้องหา แต่หลักฐานบางอย่างไม่สามารถนำมาชี้แจงได้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะนำมาสู่การจับกุมได้มีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ คำให้การซัดทอดเกี่ยวข้องจริง ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เชิญ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง อดีต ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ชาญชัย มาชี้แจงแล้วว่า รู้จักกับนายบรรเจิด เนื่องจากนายบรรเจิดเป็นคหบดีที่ จ.อุดรธานี และนายบรรเจิดมาขอร้อง พล.ต.ต.บุญลือ ให้ส่งลูกน้องติดตามพฤติกรรมของ “หมอแก้ว” (ชนวนเหตุที่นำไปสู่การสั่งฆ่าพระบัณฑิต เพราะความหึงหวง) จึงได้แนะนำให้ ด.ต.ชาญชัย ติดตามดูพฤติกรรมของหมอแก้ว โดยไม่ได้ติดตามดูพฤติกรรมเพื่อลงมือฆ่า เพียงแต่ดูเพื่อจะพิสูจน์ทราบให้รู้เห็นชัดว่า หมอแก้วมีพฤติกรรมอย่างไร ตามที่นายบรรเจิดสงสัย แต่ต่อมา พล.ต.ต.บุญลือ บอกอีกว่า นายบรรเจิด โทร.มาถามความเคลื่อนไหวอีก พล.ต.ต.บุญลือ รำคาญ จึงบอกปัดนายบรรเจิด ว่า ไม่ต้องมาติดต่อผมอีกแล้วไปคุยกันเอง จึงให้เบอร์ติดต่อหา ด.ต.ชาญชัย ไป ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเป็นสิ่งที่ พล.ต.ต.บุญลือ ได้พูด แล้วยืนยันอีกด้วยว่า พร้อมให้ถ้อยคำเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าในวันต่อไป มีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่มากกว่านี้ อันนั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้หมายความถึงเพียงแค่ พล.ต.ต.บุญลือ เพียงอย่างเดียว ใครก็แล้วแต่พยานหลักฐานมีส่วนหรือระบุได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยง เราก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เราไม่มีปกป้องช่วยเหลือถึงแม้จะเป็นตำรวจก็ตาม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งที่ย้ายผู้บังคับการ 2 นาย ออกนอกพื้นที่ก่อนเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา เพราะสาเหตุใด พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเวลาผ่านไป และคนในสังคมในพื้นที่เริ่มมีข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีส่วนเกี่ยวข้องเกรงว่าคดีอาจจะไม่มีความคืบหน้าและปกป้องช่วยเหลือตำรวจด้วยกัน จึงเป็นการแสดงให้เห็นชัดว่าไม่มีการช่วยเหลือถ้าตำรวจกระทำความผิด หลังจากนั้น จึงได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนพิเศษลงพื้นที่ติดตามคดี เพื่อความสบายใจของสังคมและเพื่อความกระจ่าง พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับ พล.ต.ต.บุญลือ ที่เคยปฏิบัติหน้าที่เป็น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ โดยจะใช้ พล.ต.ต.บุญลือ ให้เป็นประโยชน์ในการสืบสวนคดีด้วย โดยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนน้ำหนักของประเด็นในการก่อเหตุก็ให้ตามคำให้การของผู้ต้องหารับสารภาพ คิดว่าตำรวจคลี่คลายคดีทุกอย่างได้ถูกต้อง เป็นสำนวนคดีที่มีสำนวนสมบูรณ์ที่สุดคดีหนึ่ง ฝ่ายสืบสวนได้แจ้งว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งกระบวนการ โดยมีผู้กระทำความผิดและผู้จ้างวาน ส่วนสุดท้ายคดีจะเป็นอย่างไรก็อยู่ในดุลพินิจของศาล นายบรรเจิดขอให้การในชั้นศาลซึ่งได้ให้นายบรรเจิดเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่เชิญทนายออก เพราะนายบรรเจิดไม่พูด นายบรรเจิดยังคงให้การปฏิเสธที่จะให้การใดๆ แต่มั่นใจจากการพูดคุยกับทีมสืบสวนสอบสวนเป็นคดีหนึ่งที่ผู้จ้างวานจะต้องรับโทษอย่างแน่นอน โดยทางพนักงานสอบสวนได้ขอขัดค้านการประกันตัวนายบรรเจิดไว้ เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อพยานหลักฐาน ถ้าได้ประกันตัว ทั้งนี้ นายบรรเจิดยืนยันตามที่เคยมาพบพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ ซึ่งนายบรรเจิดยังคงให้การปฏิเสธไม่ทราบไม่รับรู้เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น
ด้าน ด.ต.ชาญชัย ให้การว่าหลังจากลงมือก็ไม่ได้มีการติดต่อกับนายบรรเจิดอีก แต่นายบรรเจิดได้โทร.ติดต่อมาวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า จะมีเงินมาให้ ตนได้รับว่าจ้างจากผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาหาชื่อบรรเจิด เป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท โดยนายบรรเจิดขับรถมาหาที่ลานจอดรถโรงแรมโรงแรมประจักษ์ตรา จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมนำเงินใส่ซองลดกระจกลงส่งค่าจ้างให้ โดยรับค่าจ้างงวดแรกมา 50,000 บาท จากนั้นได้รับเงินอีก 250,000 บาท รับจากนายบรรเจิดที่บริเวณวัดสะดงพังทอง จ.อุดรธานี ก่อนทำการหลบหนี ส่วนการเลือกตัวมือปืนนั้น ได้โทร.หาเพื่อนสนิทคือนายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชาลีแสน เพราะว่าชอบไปหายิงนกตกปลา แต่นายโป้ไม่มีปืน จึงได้ให้เงินงวดแรก 50,000 บาท โอนเงินให้ไปซื้อปืนวันที่ 31 ม.ค. โดยบอกให้ไปยิงพระไม่รู้ว่าชื่ออะไรแต่เป็นพระวัดป่า และให้เงินเพิ่มไปอีกจำนวน 110,000 บาท หลังก่อเหตุสำเร็จ ส่วน นายบุญนาค หรือ ต๋อง เกี่ยวข้องอย่างไรนั้น ตอนแรกจะให้นายบุญนาคและนายปัญจ๋า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยให้นายบุญนาคไปขับรถดูลาดเลาดูสถานที่ดูทางหนี โดยให้ค่าจ้างเป็นจำนวน 55,000 บาท ตอนแรกคิดว่าจะไม่ลงมือก่อเหตุดังกล่าวด้วยตนเอง
ด.ต.ชาญชัย ให้การต่อว่า ตนยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายบรรเจิดมาก่อนแต่อย่างใด แต่ขณะที่นายบรรเจิดโทร.หาได้พูดอ้างถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับการ ทุกคนที่อยู่ จ.อุดรธานี โดยเฉพาะ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง อดีต ผบก.จ.อุดรธานี ซึ่งนายบรรเจิดเป็นผู้กว้างขวางใน จ.อุดรธานี โดยใช้คำอ้างว่ารู้จักสนิทกัน ก่อนที่จะพูดเรื่องพระบัณฑิตและหมอแก้ว แล้วพูดไหว้วานว่า หามือปืนให้หน่อย มายิงพระให้ตาย ตอนแรกไม่รับปาก พอวางสายไป ก็โทร.หาตลอดตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม โทร.มาเรื่อยๆ โทร.บ่นมาตลอด จึงรับงานดังกล่าวโดยขอไปถามเพื่อน แต่ไม่ได้แจ้ง พล.ต.ต.บุญลือ รับทราบ ในการก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุเสร็จไม่ได้โทรบอกว่าก่อเหตุสำเร็จ ตนรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุดังกล่าว ตนกราบขอโทษผู้บังคับบัญชาทุกท่านที่ได้ลงมือก่อเหตุ โดยอาจจะขาดสติ ขอโทษตำรวจทุกคน ขอโทษประชาชนคนไทยทุกคน รู้สึกเสียใจ กราบมนัสการหลวงปู่สุข พ่อพระหมอ แม่ตุ๋ย นมัสการพระหมอวันนี้ตนได้รู้สึกสำนึกผิดในการที่ตัวเองกระทำลงไป ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวกับองค์กรที่ตนทำงานอยู่ ไม่ได้เกี่ยวกับใคร ไม่มีผู้ใดมาข้องเกี่ยว มีแค่ตนและเพื่อน 3 คน ลงมือกระทำ และขอโทษที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่าผู้จ้างวานให้ไปยิงพระบัณฑิตเพราะเหตุใดนั้น ด.ต.ชาญชัย กล่าวว่า พูดจาว่ากล่าวถึงพระบัณฑิตเสียๆ หายๆ ว่าพระเป็นพระไม่ดี พระอมเงินวัด อมเงินสงฆ์เป็นของส่วนตัว มั่วสีกา ส่วนตัวสาเหตุที่จ้างไปยิงนั้นพระเพราะเรื่องชู้สาว กรณีหมอแก้ว ซึ่งมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนายบรรเจิด กลัวจะไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับพระบัณฑิต โดยนายบรรเจิดให้ไปเฝ้าติดตามพฤติกรรมของหมอแก้วประมาณ 1 เดือน แต่ไม่พบพฤติกรรมผิดปกติของหมอแก้วแต่อย่างใด ขณะที่หมอแก้วเข้าวัดก็ไม่มั่นใจว่ามีอะไรกับพระบัณฑิตหรือไม่ แต่คิดว่าไม่มีอะไรกัน
เมื่อถามว่า เป็นตำรวจทำไมถึงรับงานฆ่าพระนั้น ด.ต.ชาญชัย กล่าวว่า อยากได้เงิน แต่กลัวและสำนึกผิดจึงได้เข้ามามอบตัว โดยได้ไปติดตามก่อนประมาณ 6 เดือน ก่อนที่จะยิงพระบัณฑิต โดยไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งขณะนั้น พล.ต.ต.บุญลือ ยังเป็นผู้บังคับการจังหวัดอุดรธานีอยู่ ตนเป็นลูกน้อง ท่านใช้วานตนมาให้ไปติดตามดูพฤติกรรมหมอแก้วเฉยๆ ส่วน พล.ต.ต.บุญลือ จะรู้เรื่องการจ้างวานพระบัณฑิตหรือไม่ คิดว่าไม่รู้
ด้าน นายบุญนาค ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ร่วมลงมือก่อเหตุดังกล่าวโดยทำหน้าที่พานายปัญจ๋า คนลงมือยิง ไปดูเส้นทางวันที่ 24 - 25 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ตนเองไม่ได้เป็นคนยิงพระบัณฑิต