ASTVผู้จัดการรายวัน-"ปัญจ๋า" มือยิง "พระหมอ" รับสารภาพ รับงานจาก "ด.ต.ชาญชัย" พลขับอดีตผู้การฯ ตำรวจอุดรธานี ค่าจ้าง 5 หมื่น อ้างไม่รู้ว่าเป็นพระ แต่เมื่อรู้ ก็เปลี่ยนใจไม่ได้ เพราะฉุกละหุก เผยวิญญาณสุดเฮี้ยนเข้าฝันถึง 2 ครั้ง "สมยศ"ยันสาเหตุเข้าใจผิดเรื่องชู้สาว มั่นใจขอหมายจับ "เสี่ย บ." ได้เร็วๆนี้ ด้านกำลังผสมตำรวจ-ทหาร ลุยรพ.เอกอุดร แต่ไม่พบเป้าหมาย ขณะนายดาบตำรวจ เผ่นไปกบดานฝั่งลาวแล้ว
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มี.ค. พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รองผบก.สส.ภ. 4 พร้อมชุดสืบสวนภาค 4 เข้าควบคุมตัวนายปัญจ๋า ชารีแสน อายุ 49 ปี ลูกจ้างสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในจ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นลงมือยิงพระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือพระหมอ อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด หมู่ 15 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะกลับจากบิณฑบาต จนมรณภาพเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รับการว่าจ้างจาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมือง จ.อุดรธานี ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.อุดรธานี จำนวน 50,000 บาท โดยด.ต.ชาญชัยเป็นผู้ขับรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุและพาหลบหนี
เมื่อเวลา 05.00 น. วานนี้ (25 มี.ค.) พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.รณสินธุ์ ภู่สาระ รองผบช.กองแผนกกิจการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.อ.เอกพันธ์ ฑีฆสุนทร ผบ.ร้อยสห.มทบ. 24 ทำหน้าที่ผบ.ร้อยกกล.รส.อุดรธานี นำกำลังตำรวจกองปราบปราม ชุดสืบสวนภาค 4 ชุดสืบสวนภ.จว.อุดรธานี และทหาร รวม 20 นาย อาศัยกฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นโรงพยาบาลเอกอุดร เลขที่ 555/5 ถนนโพศรี เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยเข้าตรวจค้นชั้น 4 ซึ่งเป็นสำนักงานฝ่ายบริหาร ปรากฎว่าไม่พบนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาล อีกทั้งประตูสำนักงานถูกล๊อคกุญแจแน่นหนา ไม่สามารถเปิดเข้าไปได้
จากนั้นพล.ต.ท.ปัญญา สั่งถอนกำลังไปที่บ้านเลขที่ 99 ถนนสุรการ เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบเพียงพญ.วารุณี ฉัตรไพฑูรย์ ภรรยาคนแรกของนายบรรเจิด และได้พาตำรวจเข้าตรวจค้น ซึ่งขณะตำรวจเข้าตรวจค้น พญ.วารุณี ได้โทรศัพท์ไปหานายบรรเจิด ถามสามีว่า "ป๊ามันเกิดอะไรขึ้น ตำรวจ ทหาร มาเต็มบ้านหมดเลย"
**"เมียบรรเจิด"วอนสื่อให้ความเป็นธรรม
พญ.วารุณีแจ้งว่า นายบรรเจิดไปธุระต่างจังหวัด พร้อมบอกกับสื่อมวลชนว่าให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตัวเองด้วย พระหรือวัดก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วน "หมอแก้ว" เคยทำงานที่โรงพยาบาล และชอบไปทำบุญที่วัดป่าตอสีเสียด แต่ตนไม่เคยไปทำบุญกับ "หมอแก้ว" เลย ซึ่งถ้าสามีกลับมาจะให้ไปพบตำรวจ เพราะอยากขอความเป็นธรรมด้วย
***นำคอมมานโดค้นบ้าน "ดต.ชาญชัย"
พ.ต.ต.มานิตย์ แก้วเจริญ สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี ร.ต.อำนาจ อินทกนก ผบ.ร้อยรส.ที่ ร 13 พัน 2 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ นำกำลังคอมมานโด เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 170 หมู่ 2 บ้านสร้างแป้น ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ของด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ พบเพียงนายสำราญ สร้อยสังวาลย์ อายุ 76 ปี บิดา ผลการตรวจค้นพบปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียน พร้อมกระสุนปืนจุด 22 จำนวน 3 นัด และขนาด .38 จำนวน 4 นัด
นายสำราญให้การว่า อาวุธปืนและกระสุนปืนที่พบเป็นของด.ต.ชาญชัย แต่ไม่ทราบว่ามาเก็บไว้เมื่อไร เพราะนานทีจะกลับมาเยี่ยมบ้าน โดยกลับมาบ้านล่าสุดเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
**"ด.ต.ชาญชัย"เผ่นกบดานเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ การเข้าตรวจค้นสืบเนื่องจาก นายปัญจ๋าให้การซัดทอดด.ต.ชาญชัยเป็นคนติดต่อให้ยิงพระ โดยด.ต.ชาญชัยรับตัวนายปัญจ๋าจาก จ.กาฬสินธุ์ มาพักอยู่ที่บ้านสวนของด.ต.ชาญชัย ที่ต.เชียงเพ็ง จนถึงวันลงมือก่อเหตุ หลังลงมือยิงแล้วได้รับเงินค่าจ้างก้อนแรก 30,000 บาท แล้วหนีกลับไปจ.กาฬสินธุ์ ผ่านไป 2 วัน ด.ต.ชาญชัยได้นำเงินค่าจ้างอีก 20,000 บาทมาให้ที่จ.กาฬสินธุ์
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ขณะนี้ด.ต.ชาญชัยหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งกำลังติดต่อขอให้ส่งตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้จ้างวานพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ต้องหาหนีรอดไปได้ โดยจะร่วมกับฝ่ายทหารออกปฏิบัติการลดทอนกำลังกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งคาดว่าเป็นจุดวางแผนทำงาน ทั้งนี้ สำนวนสอบสวนทั้งหมดจะโอนไปให้ตำรวจกองปราบปรามดำเนินการต่อไป
**มือปืนขอขมา"หลวงปู่สุข"พ่อพระหมอ
ก่อนเที่ยงวันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้มากำกับดูแลคดี ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีที่ห้องประชุม "ฉัตรไพฑูรย์" โดยกล่าวขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายทหารทุกนาย ที่สามารถติดตามคนร้ายได้ส่วนหนึ่ง ส่วนส่วนด.ต.ชาญชัยศาลได้ออกหมายจับแล้ว หากได้ตัวมา ก็จะสาวถึงตัวผู้จ้างวานได้ หรือหากว่าไม่ได้ตัว ตำรวจก็มีหลักฐานเอาผิดชัดเจน ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง
ต่อมา คณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ไปยังวัดป่าตอสีเสียด และสถานที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายปัญจ๋ามาขอขมาหลวงปู่สุข พระพ่อของพระอาจารย์บัณฑิต ที่ศาลาอเนกประสงค์ของวัดป่าตอสีเสียด ซึ่งหลวงปู่สุข กล่าวว่า ถือว่าเป็นผู้รู้บุญรู้บาป สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ สิ่งใดที่ทำไปแล้ว ทั้งที่ได้ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ หลวงพ่อก็ขออโหสิกรรมด้วย หลวงพ่อไม่ได้ติดใจ ไม่ได้อาฆาตร้ายแต่อย่างใด ทุกคนไม่ว่าสัตว์โลกหรือมนุษย์ หลวงพ่อก็มีแต่เมตตา ไม่ถือโทษโกรธเคือง
**ยันอโหสิกรรม-ให้ได้รับอานิสงส์ผลบุญ
หลวงปู่สุข กล่าวว่า สิ่งใดทำไปแล้ว ก็ขอให้จบไป ขอกุศลผลบุญนี้จงส่งให้ผู้ที่สำนึกผิดได้รับอานิสงส์ ได้สำนึกว่าได้พลั้งเผลอทำไป แม้จะได้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดีก็ตาม ขอให้ประสบความสุขความเจริญในอนาคตข้างหน้าโดยทั่วทุกกาลนานเทอญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปัญจ๋าถึงกับมีสีหน้าสลดและก้มลงกราบหลวงปู่สุข ขณะที่หลวงปู่สุขก็แสดงความเมตตา ด้วยการยกมือขวาขึ้นลูบหัว และรับกราบจากนายปัญจ๋าด้วยมือซ้าย
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารควบคุมตัวนายปัญจ๋า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังสถานที่เกิดเหตุ ที่บริเวณถนนกลางสวนยางพารา ทางไปวัดป่าตอสีเสียด รวม 9 จุด โดยมีกำลังคอมมานโดจากกองปราบปรามกว่า 30 นายคุ้มกัน
**"สมยศ"ขอหมายจับ"เสี่ยบ."ได้เร็วๆ นี้
เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ. 4 พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท. ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ร่วมแถลงผลการจับกุมนายปัญจ๋า พร้อมแสดงแผนผังความเชื่อมโยงผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่าเสี่ย บ. เป็นผู้จ้างวาน เหตุเพราะมีความขัดแย้งกับพระ เนื่องจากมีหญิงคนหนึ่งมาเกี่ยวข้อง โดยเสี่ย บ. ว่าจ้างด.ต.ชาญชัยให้ติดต่อนายปัญจ๋าทำหน้าที่มือปืน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สอบสวนนายปัญจ๋ารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงจริง โดยได้ค่าจ้าง 50,000 บาท ส่วนผู้จ้างวานมั่นใจว่าจะขออนุมัติหมายจับได้ในเร็ววันนี้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่านอกจากด.ต.ชาญชัย นายปัญจ๋า และเสี่ย บ. ที่เชื่อว่าเป็นผู้จ้างวาน จะมีคนอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ แต่มูลเหตุสำคัญเชื่อว่าเป็นเรื่องความเข้าใจผิดกรณีชู้สาว สำหรับด.ต.ชาญชัยเคยทำหน้าที่คนขับรถของพล.ต.ต.บุญลือ แต่อย่าเพิ่งไปมองว่าทั้งพล.ต.ต.บุญลือ และพล.ต.ต.ชัญญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะการย้ายมาก็เพื่อให้การทำงานไม่มีข้อครหา
"ได้สอบถามที่มาที่ไปเรื่องนี้กับพล.ต.ต.ชัยญัติแล้ว ส่วนพล.ต.ต.บุญลือทราบว่ามารอพบผม แต่ยังไม่มีโอกาสคุยกัน เรื่องนี้ หากพบว่าใครเกี่ยวข้อง แม้จะเป็นตำรวจก็จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่อยากให้มองว่าตำรวจช่วยเหลือกัน จึงย้ายทั้งสองคนเพื่อไมให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ด้านด.ต.ชาญชัยให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งคาดว่าหลบหนีไปฝั่งลาวแล้ว แต่จะตามจับกุมให้ได้ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป"
**"ปัญญา"เผยตามดูพฤติกรรมเหยื่อ4วัน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนและพยานหลักฐาน ชี้ชัดว่าเหตุเกิดจาก เสี่ย บ. เข้าใจผิดในตัวพระหมอ ซึ่งขอเวลาสักระยะในการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับเสี่ย บ. โดยขณะนี้การสืบสวนมองได้ 2 ทาง ทางแรกเสี่ย บ. จ้างเองโดยตรง หรือมีคนกลางรับงานจากเสี่ย บ. แล้วไปว่าจ้างอีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าด.ต.ชาญชัย เคยรับราชการเป็นตำรวจชุมชนสัมพันธ์ ที่ภ.จว.กาฬสินธุ์ สนิทสนมกับนายปัญจ๋าที่มาช่วยงานตำรวจ โดยนายปัญจ๋ามีความรู้ด้านช่างกลึง ช่างเหล็ก ทั้งคู่สนิทสนมกันมานาน ด.ต.ชาญชัยจึงติดต่อให้นายปัญจ๋ารับงานนี้ ซึ่งจากการสืบสวนนายปัญจ๋าไม่เคยมีประวัติเป็นมือปืนมาก่อน
"ด.ต.ชาญชัยติดตามดูพฤติกรรมของพระหมอกับบุคคลหนึ่งมาสักระยะ จนได้รับคำสั่งให้ลงมือ ซึ่งก่อนลงมือด.ต.ชาญชัยขับรถกระบมาสด้า สีขาว คันที่ก่อเหตุดูลาดเลาตั้งแต่วันที่ 25-28 ก.พ. โดยวันที่ 28 ก.พ. ได้รับนายปัญจ๋ามาจากจ.กาฬสินธุ์ พาไปลงมือเช้าตรู่วันที่ 1 มี.ค. โดยแนวทางสืบสวนพบรถกระบะคันก่อเหตุขับไปจอดที่สภ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 28 ก.พ. ชาย 2 คนออกจากรถ นำไปสู่การติดตามจับกุมนายปัญจ๋าขณะนั่งดื่มสุราที่บ้านในจ.กาฬสินธุ์"
**มือยิงรับครียดต้องดื่มเหล้าย้อมใจทุกวัน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า นายปัญจ๋ายอมมอบตัว ไม่มีการขัดขืน อ้างว่าหลังก่อเหตุเครียดจนนอนไม่หลับ ฝันถึงพระอาจารย์บัณฑิตถึง 2 ครั้ง ต้องดื่มเหล้าย้อมใจทุกวัน แต่ที่ทำไป เพราะต้องการเงินไปช่วยเหลืออดีตภรรยาและบุตรสาวที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งการที่เป็นคนมีความรู้เรื่องเหล็ก ท่อ จึงทำปืนประดิษฐ์เอง ลักษณะคล้ายปืนปากกา และทำงานคลุกคลีกับตำรวจมาตลอด จึงมีทักษะการยิงปืน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนต้องเชิญตัวนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร มาสอบปากคำอีกครั้งหรือไม่ พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยสอบปากคำในฐานะพยาน เนื่องจากมีการพาดพิงถึงเท่านั้น ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้
เมื่อถามว่า จะออกหมายเรียกมาให้ปากคำ หรือออกหมายอื่นหรือไม่ พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า สื่อคงอยากให้ตอบอย่างนั้น แต่ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนจึงชี้ชัดได้
**รู้ทีหลังเป็นพระแต่รับงานมาแล้วต้องทำ
นายปัญจ๋า กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ยอมรับว่าเป็นคนลงมือยิงพระหมอจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากด.ต.ชาญชัย ก็ตกลงรับงานด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท โดยไม่ทราบว่าเป้าหมายเป็นใคร เมื่อตกลงก็เดินทางไปที่จ.อุดรธานี พร้อมด.ต.ชาญชัย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุจึงทราบว่าเป้าหมายเป็นพระ แต่ตอนนั้นฉุกละหุกแล้ว ไม่มีเวลาเปลี่ยนใจ อีกทั้งตนเป็นลูกผู้ชายรับเงินรับงานมาแล้ว นาทีนั้นต้องทำ หลังจากทำแล้วก็รู้สึกละอายใจ และอยากมอบตัว หลังยิงเสร็จแล้วยังถามด.ต.ชาญชัยว่าทำไมต้องฆ่าพระ ได้รับคำตอบว่า พระรูปนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด จากนั้นก็แยกย้ายกันไป อย่างไรก็ตามตนเป็นชาวพุทธ รู้สึกละอายที่ทำแบบนี้
"ปืนที่ใช้ก่อเหตุผมทำขึ้นเอง ใช้ปืนลูกซองดัดแปลงลำกล้องปืนลูกกรด โดยทำไว้นานแล้ว เคยใช้แต่ยิงปลา ยิงนก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฆ่าคน แต่ต้องทำเพราะต้องการเงิน"
***เผยเหตุสั่งตาย "เสี่ย บ." หึงหวง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากชุดสืบสวนกองปราบปรามว่า สาเหตุการสังหารพระบัณฑิต หรือพระหมอ เกิดจากความหึงหวงของเสี่ย บ. ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางและเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุดรธานี โดยก่อนหน้านี้เสี่ย บ. ได้ทำธุรกิจขายอาหารให้กับยูเอ็นกระทั่งมีฐานะดีขึ้นแล้วมาทำธุรกิจโรงพยาบาล ด้วยความที่เป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งองค์กรการกุศลต่างๆ และราชการ โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่ทำให้ มีความสนิทใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก จากนั้นเมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา ได้มีหมอสาวซึ่งเพิ่งเลิกรากับสามี ย้ายมาทำงานในโรงพยาบาลเอกอุดร กระทั่งมีความสนิทสนมกับ เสี่ย บ. แต่ต่อมาช่วงหลังปรากฏว่าหมอสาวได้เข้าไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าตอสีเสียดบ่อยครั้ง บางทีก็ค้างอยู่ที่วัดสองสามวัน ทำให้เสี่ย บ.เกิดความหึงหวงพระหมอ จึงส่งคนมาติดตามดูพฤติกรรมของหมอสาวและพระหมอโดยตลอด จนถึงขั้นตรวจสอบประวัติของพระหมอ
หลังจากนั้นเรื่องราวเริ่มมีความไม่ลงรอยกันขึ้นระหว่าง เสี่ย บ.กับหมอสาว จนถึงขั้นนัดสถานที่ตกลงปัญหากัน โดยมีตำรวจผู้ใหญ่ในจังหวัดอุดร มาเป็นคนกลาง แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดกัน พระหมอกลับไปนั่งฟังอยู่ด้วย ทำให้เสี่ย บ.ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะจะมาตกลงปัญหากับหมอสาวเท่านั้น หลังเหตุการณ์นั้น ผ่านไปเสี่ย บ.ได้ขอร้องให้ตำรวจผู้ใหญ่จัดชุดคอยติดตามพฤติกรรมพระหมออย่างใกล้ชิดกระทั่งมีการลงมือสังหารดังกล่าว
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มี.ค. พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รองผบก.สส.ภ. 4 พร้อมชุดสืบสวนภาค 4 เข้าควบคุมตัวนายปัญจ๋า ชารีแสน อายุ 49 ปี ลูกจ้างสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในจ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นลงมือยิงพระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือพระหมอ อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด หมู่ 15 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะกลับจากบิณฑบาต จนมรณภาพเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รับการว่าจ้างจาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมือง จ.อุดรธานี ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.อุดรธานี จำนวน 50,000 บาท โดยด.ต.ชาญชัยเป็นผู้ขับรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุและพาหลบหนี
เมื่อเวลา 05.00 น. วานนี้ (25 มี.ค.) พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.รณสินธุ์ ภู่สาระ รองผบช.กองแผนกกิจการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.อ.เอกพันธ์ ฑีฆสุนทร ผบ.ร้อยสห.มทบ. 24 ทำหน้าที่ผบ.ร้อยกกล.รส.อุดรธานี นำกำลังตำรวจกองปราบปราม ชุดสืบสวนภาค 4 ชุดสืบสวนภ.จว.อุดรธานี และทหาร รวม 20 นาย อาศัยกฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นโรงพยาบาลเอกอุดร เลขที่ 555/5 ถนนโพศรี เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยเข้าตรวจค้นชั้น 4 ซึ่งเป็นสำนักงานฝ่ายบริหาร ปรากฎว่าไม่พบนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาล อีกทั้งประตูสำนักงานถูกล๊อคกุญแจแน่นหนา ไม่สามารถเปิดเข้าไปได้
จากนั้นพล.ต.ท.ปัญญา สั่งถอนกำลังไปที่บ้านเลขที่ 99 ถนนสุรการ เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบเพียงพญ.วารุณี ฉัตรไพฑูรย์ ภรรยาคนแรกของนายบรรเจิด และได้พาตำรวจเข้าตรวจค้น ซึ่งขณะตำรวจเข้าตรวจค้น พญ.วารุณี ได้โทรศัพท์ไปหานายบรรเจิด ถามสามีว่า "ป๊ามันเกิดอะไรขึ้น ตำรวจ ทหาร มาเต็มบ้านหมดเลย"
**"เมียบรรเจิด"วอนสื่อให้ความเป็นธรรม
พญ.วารุณีแจ้งว่า นายบรรเจิดไปธุระต่างจังหวัด พร้อมบอกกับสื่อมวลชนว่าให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตัวเองด้วย พระหรือวัดก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วน "หมอแก้ว" เคยทำงานที่โรงพยาบาล และชอบไปทำบุญที่วัดป่าตอสีเสียด แต่ตนไม่เคยไปทำบุญกับ "หมอแก้ว" เลย ซึ่งถ้าสามีกลับมาจะให้ไปพบตำรวจ เพราะอยากขอความเป็นธรรมด้วย
***นำคอมมานโดค้นบ้าน "ดต.ชาญชัย"
พ.ต.ต.มานิตย์ แก้วเจริญ สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี ร.ต.อำนาจ อินทกนก ผบ.ร้อยรส.ที่ ร 13 พัน 2 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ นำกำลังคอมมานโด เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 170 หมู่ 2 บ้านสร้างแป้น ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ของด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ พบเพียงนายสำราญ สร้อยสังวาลย์ อายุ 76 ปี บิดา ผลการตรวจค้นพบปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียน พร้อมกระสุนปืนจุด 22 จำนวน 3 นัด และขนาด .38 จำนวน 4 นัด
นายสำราญให้การว่า อาวุธปืนและกระสุนปืนที่พบเป็นของด.ต.ชาญชัย แต่ไม่ทราบว่ามาเก็บไว้เมื่อไร เพราะนานทีจะกลับมาเยี่ยมบ้าน โดยกลับมาบ้านล่าสุดเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
**"ด.ต.ชาญชัย"เผ่นกบดานเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ การเข้าตรวจค้นสืบเนื่องจาก นายปัญจ๋าให้การซัดทอดด.ต.ชาญชัยเป็นคนติดต่อให้ยิงพระ โดยด.ต.ชาญชัยรับตัวนายปัญจ๋าจาก จ.กาฬสินธุ์ มาพักอยู่ที่บ้านสวนของด.ต.ชาญชัย ที่ต.เชียงเพ็ง จนถึงวันลงมือก่อเหตุ หลังลงมือยิงแล้วได้รับเงินค่าจ้างก้อนแรก 30,000 บาท แล้วหนีกลับไปจ.กาฬสินธุ์ ผ่านไป 2 วัน ด.ต.ชาญชัยได้นำเงินค่าจ้างอีก 20,000 บาทมาให้ที่จ.กาฬสินธุ์
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ขณะนี้ด.ต.ชาญชัยหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งกำลังติดต่อขอให้ส่งตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้จ้างวานพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ต้องหาหนีรอดไปได้ โดยจะร่วมกับฝ่ายทหารออกปฏิบัติการลดทอนกำลังกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งคาดว่าเป็นจุดวางแผนทำงาน ทั้งนี้ สำนวนสอบสวนทั้งหมดจะโอนไปให้ตำรวจกองปราบปรามดำเนินการต่อไป
**มือปืนขอขมา"หลวงปู่สุข"พ่อพระหมอ
ก่อนเที่ยงวันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้มากำกับดูแลคดี ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีที่ห้องประชุม "ฉัตรไพฑูรย์" โดยกล่าวขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายทหารทุกนาย ที่สามารถติดตามคนร้ายได้ส่วนหนึ่ง ส่วนส่วนด.ต.ชาญชัยศาลได้ออกหมายจับแล้ว หากได้ตัวมา ก็จะสาวถึงตัวผู้จ้างวานได้ หรือหากว่าไม่ได้ตัว ตำรวจก็มีหลักฐานเอาผิดชัดเจน ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง
ต่อมา คณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ไปยังวัดป่าตอสีเสียด และสถานที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายปัญจ๋ามาขอขมาหลวงปู่สุข พระพ่อของพระอาจารย์บัณฑิต ที่ศาลาอเนกประสงค์ของวัดป่าตอสีเสียด ซึ่งหลวงปู่สุข กล่าวว่า ถือว่าเป็นผู้รู้บุญรู้บาป สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ สิ่งใดที่ทำไปแล้ว ทั้งที่ได้ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ หลวงพ่อก็ขออโหสิกรรมด้วย หลวงพ่อไม่ได้ติดใจ ไม่ได้อาฆาตร้ายแต่อย่างใด ทุกคนไม่ว่าสัตว์โลกหรือมนุษย์ หลวงพ่อก็มีแต่เมตตา ไม่ถือโทษโกรธเคือง
**ยันอโหสิกรรม-ให้ได้รับอานิสงส์ผลบุญ
หลวงปู่สุข กล่าวว่า สิ่งใดทำไปแล้ว ก็ขอให้จบไป ขอกุศลผลบุญนี้จงส่งให้ผู้ที่สำนึกผิดได้รับอานิสงส์ ได้สำนึกว่าได้พลั้งเผลอทำไป แม้จะได้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดีก็ตาม ขอให้ประสบความสุขความเจริญในอนาคตข้างหน้าโดยทั่วทุกกาลนานเทอญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปัญจ๋าถึงกับมีสีหน้าสลดและก้มลงกราบหลวงปู่สุข ขณะที่หลวงปู่สุขก็แสดงความเมตตา ด้วยการยกมือขวาขึ้นลูบหัว และรับกราบจากนายปัญจ๋าด้วยมือซ้าย
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารควบคุมตัวนายปัญจ๋า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังสถานที่เกิดเหตุ ที่บริเวณถนนกลางสวนยางพารา ทางไปวัดป่าตอสีเสียด รวม 9 จุด โดยมีกำลังคอมมานโดจากกองปราบปรามกว่า 30 นายคุ้มกัน
**"สมยศ"ขอหมายจับ"เสี่ยบ."ได้เร็วๆ นี้
เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ. 4 พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท. ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ร่วมแถลงผลการจับกุมนายปัญจ๋า พร้อมแสดงแผนผังความเชื่อมโยงผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่าเสี่ย บ. เป็นผู้จ้างวาน เหตุเพราะมีความขัดแย้งกับพระ เนื่องจากมีหญิงคนหนึ่งมาเกี่ยวข้อง โดยเสี่ย บ. ว่าจ้างด.ต.ชาญชัยให้ติดต่อนายปัญจ๋าทำหน้าที่มือปืน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สอบสวนนายปัญจ๋ารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงจริง โดยได้ค่าจ้าง 50,000 บาท ส่วนผู้จ้างวานมั่นใจว่าจะขออนุมัติหมายจับได้ในเร็ววันนี้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่านอกจากด.ต.ชาญชัย นายปัญจ๋า และเสี่ย บ. ที่เชื่อว่าเป็นผู้จ้างวาน จะมีคนอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ แต่มูลเหตุสำคัญเชื่อว่าเป็นเรื่องความเข้าใจผิดกรณีชู้สาว สำหรับด.ต.ชาญชัยเคยทำหน้าที่คนขับรถของพล.ต.ต.บุญลือ แต่อย่าเพิ่งไปมองว่าทั้งพล.ต.ต.บุญลือ และพล.ต.ต.ชัญญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะการย้ายมาก็เพื่อให้การทำงานไม่มีข้อครหา
"ได้สอบถามที่มาที่ไปเรื่องนี้กับพล.ต.ต.ชัยญัติแล้ว ส่วนพล.ต.ต.บุญลือทราบว่ามารอพบผม แต่ยังไม่มีโอกาสคุยกัน เรื่องนี้ หากพบว่าใครเกี่ยวข้อง แม้จะเป็นตำรวจก็จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่อยากให้มองว่าตำรวจช่วยเหลือกัน จึงย้ายทั้งสองคนเพื่อไมให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ด้านด.ต.ชาญชัยให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งคาดว่าหลบหนีไปฝั่งลาวแล้ว แต่จะตามจับกุมให้ได้ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป"
**"ปัญญา"เผยตามดูพฤติกรรมเหยื่อ4วัน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนและพยานหลักฐาน ชี้ชัดว่าเหตุเกิดจาก เสี่ย บ. เข้าใจผิดในตัวพระหมอ ซึ่งขอเวลาสักระยะในการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับเสี่ย บ. โดยขณะนี้การสืบสวนมองได้ 2 ทาง ทางแรกเสี่ย บ. จ้างเองโดยตรง หรือมีคนกลางรับงานจากเสี่ย บ. แล้วไปว่าจ้างอีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าด.ต.ชาญชัย เคยรับราชการเป็นตำรวจชุมชนสัมพันธ์ ที่ภ.จว.กาฬสินธุ์ สนิทสนมกับนายปัญจ๋าที่มาช่วยงานตำรวจ โดยนายปัญจ๋ามีความรู้ด้านช่างกลึง ช่างเหล็ก ทั้งคู่สนิทสนมกันมานาน ด.ต.ชาญชัยจึงติดต่อให้นายปัญจ๋ารับงานนี้ ซึ่งจากการสืบสวนนายปัญจ๋าไม่เคยมีประวัติเป็นมือปืนมาก่อน
"ด.ต.ชาญชัยติดตามดูพฤติกรรมของพระหมอกับบุคคลหนึ่งมาสักระยะ จนได้รับคำสั่งให้ลงมือ ซึ่งก่อนลงมือด.ต.ชาญชัยขับรถกระบมาสด้า สีขาว คันที่ก่อเหตุดูลาดเลาตั้งแต่วันที่ 25-28 ก.พ. โดยวันที่ 28 ก.พ. ได้รับนายปัญจ๋ามาจากจ.กาฬสินธุ์ พาไปลงมือเช้าตรู่วันที่ 1 มี.ค. โดยแนวทางสืบสวนพบรถกระบะคันก่อเหตุขับไปจอดที่สภ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 28 ก.พ. ชาย 2 คนออกจากรถ นำไปสู่การติดตามจับกุมนายปัญจ๋าขณะนั่งดื่มสุราที่บ้านในจ.กาฬสินธุ์"
**มือยิงรับครียดต้องดื่มเหล้าย้อมใจทุกวัน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า นายปัญจ๋ายอมมอบตัว ไม่มีการขัดขืน อ้างว่าหลังก่อเหตุเครียดจนนอนไม่หลับ ฝันถึงพระอาจารย์บัณฑิตถึง 2 ครั้ง ต้องดื่มเหล้าย้อมใจทุกวัน แต่ที่ทำไป เพราะต้องการเงินไปช่วยเหลืออดีตภรรยาและบุตรสาวที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งการที่เป็นคนมีความรู้เรื่องเหล็ก ท่อ จึงทำปืนประดิษฐ์เอง ลักษณะคล้ายปืนปากกา และทำงานคลุกคลีกับตำรวจมาตลอด จึงมีทักษะการยิงปืน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนต้องเชิญตัวนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร มาสอบปากคำอีกครั้งหรือไม่ พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยสอบปากคำในฐานะพยาน เนื่องจากมีการพาดพิงถึงเท่านั้น ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้
เมื่อถามว่า จะออกหมายเรียกมาให้ปากคำ หรือออกหมายอื่นหรือไม่ พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า สื่อคงอยากให้ตอบอย่างนั้น แต่ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนจึงชี้ชัดได้
**รู้ทีหลังเป็นพระแต่รับงานมาแล้วต้องทำ
นายปัญจ๋า กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ยอมรับว่าเป็นคนลงมือยิงพระหมอจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากด.ต.ชาญชัย ก็ตกลงรับงานด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท โดยไม่ทราบว่าเป้าหมายเป็นใคร เมื่อตกลงก็เดินทางไปที่จ.อุดรธานี พร้อมด.ต.ชาญชัย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุจึงทราบว่าเป้าหมายเป็นพระ แต่ตอนนั้นฉุกละหุกแล้ว ไม่มีเวลาเปลี่ยนใจ อีกทั้งตนเป็นลูกผู้ชายรับเงินรับงานมาแล้ว นาทีนั้นต้องทำ หลังจากทำแล้วก็รู้สึกละอายใจ และอยากมอบตัว หลังยิงเสร็จแล้วยังถามด.ต.ชาญชัยว่าทำไมต้องฆ่าพระ ได้รับคำตอบว่า พระรูปนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด จากนั้นก็แยกย้ายกันไป อย่างไรก็ตามตนเป็นชาวพุทธ รู้สึกละอายที่ทำแบบนี้
"ปืนที่ใช้ก่อเหตุผมทำขึ้นเอง ใช้ปืนลูกซองดัดแปลงลำกล้องปืนลูกกรด โดยทำไว้นานแล้ว เคยใช้แต่ยิงปลา ยิงนก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฆ่าคน แต่ต้องทำเพราะต้องการเงิน"
***เผยเหตุสั่งตาย "เสี่ย บ." หึงหวง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากชุดสืบสวนกองปราบปรามว่า สาเหตุการสังหารพระบัณฑิต หรือพระหมอ เกิดจากความหึงหวงของเสี่ย บ. ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางและเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุดรธานี โดยก่อนหน้านี้เสี่ย บ. ได้ทำธุรกิจขายอาหารให้กับยูเอ็นกระทั่งมีฐานะดีขึ้นแล้วมาทำธุรกิจโรงพยาบาล ด้วยความที่เป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งองค์กรการกุศลต่างๆ และราชการ โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่ทำให้ มีความสนิทใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก จากนั้นเมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา ได้มีหมอสาวซึ่งเพิ่งเลิกรากับสามี ย้ายมาทำงานในโรงพยาบาลเอกอุดร กระทั่งมีความสนิทสนมกับ เสี่ย บ. แต่ต่อมาช่วงหลังปรากฏว่าหมอสาวได้เข้าไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าตอสีเสียดบ่อยครั้ง บางทีก็ค้างอยู่ที่วัดสองสามวัน ทำให้เสี่ย บ.เกิดความหึงหวงพระหมอ จึงส่งคนมาติดตามดูพฤติกรรมของหมอสาวและพระหมอโดยตลอด จนถึงขั้นตรวจสอบประวัติของพระหมอ
หลังจากนั้นเรื่องราวเริ่มมีความไม่ลงรอยกันขึ้นระหว่าง เสี่ย บ.กับหมอสาว จนถึงขั้นนัดสถานที่ตกลงปัญหากัน โดยมีตำรวจผู้ใหญ่ในจังหวัดอุดร มาเป็นคนกลาง แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดกัน พระหมอกลับไปนั่งฟังอยู่ด้วย ทำให้เสี่ย บ.ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะจะมาตกลงปัญหากับหมอสาวเท่านั้น หลังเหตุการณ์นั้น ผ่านไปเสี่ย บ.ได้ขอร้องให้ตำรวจผู้ใหญ่จัดชุดคอยติดตามพฤติกรรมพระหมออย่างใกล้ชิดกระทั่งมีการลงมือสังหารดังกล่าว