xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

มือบึ้มศาลโดนซ้อม ดรามาเล็กๆ ยื้อเวลาขึ้นเขียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก 4 คน ถูกทหารนำตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนที่จะมีการร้องเรียนภายหลังว่าถูกทำร้ายร่างกายระหว่างทหารควบคุมตัว
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -คดีปาระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา นับเป็นคดีความรุนแรงทางการเมืองที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐสามารถรวบตัวผู้ต้องหาที่ลงมือและจ้างวานได้รวดเร็วที่สุด ในรอบสิบปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว

นั่นเพราะคนร้ายได้ลงมือในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสะกดรอยติดตามพอดี และได้ให้การรับสารภาพว่าถูกจ้างวานด้วยเงิน 20,000 บาท โดยมีแผนจะก่อเหตุอีกประมาณ 100 จุด ช่วงวันที่ 12 และ 15 มีนาคม เพื่อสร้างสถานการณ์ให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงในประเทศไทย พร้อมซัดทอดไปยังผู้บงการอย่างหมดเปลือก

และประเด็นสำคัญกว่านั้น ก็คือ คนบงการจ้างวานและคนลงมือล้วนมีความเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนกับคนเสื้อแดง หรือกลุ่มการเมืองในเครือข่ายบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นนายมหาหิน ขุนทอง และ นายยุทธนา เย็นภิญโญ ที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นคนเสื้อแดง และสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างโจ่งแจ้ง

นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ผู้จัดหาจ้างวานคนลงมือ ก็มีข้อมูลว่าได้บงการให้มีการใช้ความรุนแรงตั้งแต่การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เป็นต้นมา

ขณะที่คนบงการและคนให้เงินสนับสนุนอย่างนายมนูญ หรือ เอนก ชัยชนะ เจ้าของฉายา “เอนก ซานฟราน” นั้น ถือเป็น“ไข่แม้ว” ระดับตัวพ่อที่มีบทบาทในต่างประเทศมานานหลายปี และมีการกระทำเหิมเกริมหมิ่นเบื้องสูงหลายครั้ง

นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุยังให้การว่ารู้จัดกับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ลูกพี่ลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงรู้จักกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้กล้าเดินทางไปฮ่องกงเพื่อให้ผู้ร้ายหนีคดีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณติดยศให้ แถมยังทำป้ายติดหน้าห้องทำงานโชว์ราว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้”

แม้ว่าขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานโยงไปถึงว่าทั้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ แต่ก็อยู่ในข่ายที่จะถูกเรียกมาทำการสอบสวน

เรียกได้ว่า ถึงขณะนี้ ทหาร-ตำรวจสามารถจับคุมคนลงมือก่อเหตุและผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการได้เกือบจะครบแล้ว ยังเหลือแค่ 2-3 คน รวมทั้งนายเอนก ชัยชนะ ที่อยู่ระหว่างการประสานไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนในคดีก่อการร้าย ซึ่งฝ่ายตำรวจเชื่อมั่นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ จะส่งตัวมาให้ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับคดีก่อการร้าย

สถานการณ์เช่นนี้ จึงถือได้ว่า แขนขาฝ่ายบู๊ของระบอบทักษิณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันและมีโอกาสที่จะถูกกวาดล้างภายในเวลาไม่ช้า นั่นเพราะมีพยานหลักฐานหลายอย่างที่เชื่อมโยงได้ว่า เครือข่ายคนกลุ่มนี้เคยก่อความรุนแรงระหว่างการชุมนุมทางการเมืองก่อนหน้านี้หลายครั้ง ทั้งวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุที่เป็นแบบ อาร์จีดี5 เหมือนกัน และคนจ้างวานที่มาจากเครือข่ายเดียวกัน

ถึงเวลานี้ แขนขาฝ่ายบู๊ของระบอบทักษิณกำลังอยู่ในสภาพเข้าตาจน แทบจะไม่สามารถตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามได้

สิ่งที่พอจะขยับเขยื้อนได้บ้างก็คืองัดเอามุกเก่าๆ ออกมาใช้ นั่นคือยกประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนมาสู้ ด้วยข้ออ้างที่ว่า พลเรือนไม่ควรขึ้นศาลทหารบ้าง ผู้ต้องหาถูกซ้อมให้รับสารภาพบ้าง

โดยเฉพาะประเด็นหลังนี้ ถูกงัดออกมาตั้งแต่วันเกิดเหตุไม่กี่วัน ซึ่งก็ถูกตอบโต้จาก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า กรณีนี้ไม่มีการทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุเพื่อให้ยอมรับสารภาพ เพราะเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า รวมทั้งมีการเตรียมการวางแผนก่อเหตุมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด

แต่ฝ่ายเสื้อแดงก็ยังไม่หยุด เพราะนี่ดูเหมือนจะเป็นช่องทางเดียวที่พอจะดิ้นได้บ้าง จึงเดินเกมโดยใช้กลุ่มทนายความเสื้อแดงที่เรียกตัวเองว่า นักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ซึ่งมีนายวิญญัติ ชาติมนตรี เป็นเลขาธิการ ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้มีการตรวจสอบกรณีผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน, นายชาญวิทย์ จริยานุกูล, นายนรพัฒน์ เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข ที่ถูกจับกุมตัวตามกฎอัยการศึก ระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคม ถูกซ้อมทรมานโดยการชกต่อย กระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอก หลัง และข่มขู่ว่าจะทำร้ายเพื่อรีดเอาข้อมูล นอกจากนี้ ผู้ต้องหาบางรายยังโดนช็อตด้วยไฟฟ้าและยังคงปรากฏร่องรอยดังกล่าวบริเวณผิวหนัง

พ.อ.วินธัย ต้องออกมาชี้แจงอีกครั้ง เมื่อวันที่ 18 มีนาคมว่า เรื่องมีการซ้อมทรมานเพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลจากผู้ต้องหานั้น น่าจะเป็นเพียงคำกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐานข้อพิสูจน์ ข้อสังเกตระยะหลังจะมีร้องในลักษณะนี้ทุกครั้งไป เหมือนร้องไว้ก่อน กังวลไว้ก่อนตามสิทธิ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะบางครั้งการให้ข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จออกไป เกรงจะไปมีผลต่อผู้ต้องหาในอนาคต เมื่อถึงขั้นตอนการพิจารณาคดี ถ้ากรณีที่ศาลอาจจะพิจารณาในการลดหย่อนอัตราโทษให้

พ.อ.วินธัย ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปบังคับขู่เข็ญอะไร การดำเนินการทุกอย่างจะอยู่ในวิธีแนวทางที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น และที่สำคัญการให้ข้อมูลในชั้นนี้จะเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่ง ยังไม่ใช่ข้อผูกมัดหลักในการฟ้องเอาผิดทางคดี เพราะขั้นตอนฟ้องเอาผิดจะอยู่ในขั้นตอนต่อไปกับทางตำรวจ

อย่างไรก็ตาม มุกโดนซ้อมก็พอจะได้ผลอยู่บ้าง เมื่อ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง บอกว่า คณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองฯ จะพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ภายในสัปดาห์หน้าทางคณะอนุกรรมการฯ จะประสานขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาที่เรือนจำและตรวจสอบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายหรือการซ้อมทรมานจริงหรือไม่ จากนั้นคณะอนุกรรมการฯ จะทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่จับกุมและสอบสวนผู้ต้องหา กรมราชทัณฑ์ รวมทั้งผู้ร้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้มีการกระทำที่ล่วงเกินหรือใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องหาจริงหรือไม่

ด้าน พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กสม.กล่าวว่า การทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนนั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225-226 ศาลก็จะไม่รับคำให้การของผู้ฟ้องคดีเพราะถือว่าได้มาโดยวิธีบังคับขู่เข็ญหรือกระทำโดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซ้อมทรมานผู้ต้องหาจำนวนหลายคดี บางคดีเมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่ได้มีการซ้อมทรมาน แต่บางคดีก็พบว่ามีการซ้อมทรมานจากเจ้าหน้าที่รัฐจริง

ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ในวันที่ทหารส่งมอบตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนนั้น ได้นำแพทย์มาตรวจร่างกาย พร้อมทั้งสอบถาม แต่ผู้ต้องหาทุกคนไม่ได้บอกว่าถูกทำร้ายร่างกาย หลังจากนี้จะประสานกับแพทย์ขอดูบันทึกการตรวจร่างกายในวันส่งมอบอีกครั้ง พร้อมทั้งขอดูความเห็นของแพทย์ที่เรือนจำว่ามีการตรวจร่างกายก่อนเข้ารับตัวหรือไม่ รวมทั้งส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำและดูร่องรอยบาดแผลผู้ต้องหาว่าหากพบบาดแผล เป็นบาดแผลเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

เป็นอันว่า ฝ่ายขบวนการวางระเบิดศาลอาญา พอจะยื้อเวลาการทำงานของกระบวนการยุติธรรมออกไปได้บ้าง จากการยกประเด็นผู้ต้องหาถูกซ้อมขึ้นมา

แต่จะช่วยให้พ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมด เห็นทีจะเป็นไปได้ยาก นั่นเพราะพยานหลักฐาน ทั้งที่เป็นพยานวัตถุ พยานบุคคล และข้อมูลแวดล้อมที่ได้จากการสกดรอยตามขบวนการนี้มาระยะหนึ่งแล้ว น่าจะมัดตัวผู้ก่อเหตุ ผู้จ้างวาน ผู้บงการ ให้รับโทษทัณฑ์ตามฐานความผิดได้


กำลังโหลดความคิดเห็น