xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดใจ “ไฮโซตั๋ม - วิชชุดา ลีนุตพงษ์” แฉหมดเปลือกทั้งเรื่องรักครั้งเก่า คู่กรณี และรักครั้งใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไฮโซตั๋ม- วิชชุดา ลีนุตพงษ์
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นเรื่องเมาท์กันสนั่นเมือง ถึงเรื่องรักสามเส้าของ “ไฮโซคนดัง” ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ และในโลกสังคมออนไลน์มาอย่างต่อเนื่องและร้อนแรง งานนี้ “ไฮโซตั๋ม- วิชชุดา ลีนุตพงษ์” เลยออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจกับ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ชนิดแฉหมดเปลือก

ทำไมเธอถึงต้องแรง...

ทำไมเธอถึงไม่หยุด...

ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ติดตามอ่านความจริงได้ที่นี่ ที่เดียว!

เห็นเคยออกมาโพสต์ว่า ที่เรื่องไม่จบ ไม่ใช่เพราะเสียดายผู้ชาย แต่ประเด็นคือไม่พอใจที่ฝ่ายหญิงที่ไปแจ้งความจับคุณ เรื่องจริงเป็นอย่างไร

ใช่ค่ะ ตั๋ม เบื่อประเด็นที่คนมองว่าผู้ชายคนเดียว ทำไมต้องมีเรื่องกันขนาดนี้ หรือแค่ผู้ชายคนเดียว ก็ทำให้ผู้หญิงทะเลาะกัน ความจริงไม่ใช่เลย เพราะผู้ชายอย่างนั้น ตั๋มไม่อยากได้แล้ว ดังนั้นอย่าหลงประเด็น ประเด็นคือตั๋มคิดว่าแย่งแฟนไปแล้ว ถ้าอยู่เฉยๆ ก็โอเค แต่ยังมีหน้าไปแจ้งความเรื่องตั๋มอีก ซึ่งตรงนี้ไม่โอเค แถมเขายังไม่จบ มีการแถลงข่าวรอบสองว่าเราไปคุกคามเขา โอ๊ย ชั้นทำอะไร บ้านคุณอยู่ไหน เบอร์โทรศัพท์อะไร ยังไม่รู้เลย ทุกวันนี้ที่โพสต์ด่า ยอมรับว่าความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ

สรุปกำลังบอกว่าเรื่องที่ไม่จบสักที เพราะโกรธที่ฝ่ายหญิงไปแจ้งความจับคุณใช่ไหม แต่ถ้ามองอีกด้าน คนก็มองได้ว่าทำไมคุณโพสต์ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมจบสักที

อย่าใช้คำว่าโกรธเลยค่ะ ใช้คำว่าหมั่นไส้เขาดีกว่า เรื่องนี้ตั๋มไม่ยอมจบง่ายๆ หรอกค่ะ ก็ใครเป็นคนเริ่มล่ะค่ะ การที่เขาไปแจ้งความ คงคิดว่ากะจะให้ตั๋มเพลาๆ ลง ความจริงก่อนหน้านั้นตั๋มก็ไม่ได้โพสต์อะไรเยอะแยะ แต่เขาก็ไปแจ้งความล่ะ คงคิดว่าเราจะกลัว แต่ตั๋มจะทำให้ดูว่าการที่คุณแจ้งความ แล้วเป็นไง ดังนั้นตั๋มไม่ยอมหยุดหรอก

ได้ยินว่าฝ่ายชายมาจีบคุณ ทั้งๆ ที่มีแฟนอยู่ก่อนแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร บางคนคอมเมนต์บอกว่าเป็นเรื่องกรรมตามสนอง เพราะดูเหมือนว่าคุณแย่งแฟนคนอื่นมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน คิดอย่างไรเรื่องนี้

เรื่องนี้ต้องชี้แจงว่า ผู้ชายบอกตั๋มเองว่าโสด คือเขาไม่เคยยอมรับว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเก่า แต่พวกเขาก็คบกัน แล้วผู้หญิงคนนั้นเหมือนไม่ยอมเลิก แต่ผู้ชายก็ชัดเจนบอกว่าจะคบกับตั๋ม ผู้หญิงคนนั้นเลยบอกว่ายอมขอคบแบบลับๆ ก็ได้ ขอแค่ไปหาเขาบ้างก็พอ ตั๋มเลยคิดว่าเขาอยู่คนละสถานะกับตั๋ม เพราะตั๋มไม่ได้ยอมคบกับเขาแบบลับๆ ถ้าคบกับตั๋มต้องเปิดเผย ดังนั้นถือว่าตั๋มไม่ได้แย่งแฟนใครค่ะ

เป็นไปได้ไหมว่า ผู้หญิงคนใหม่ของผู้ชายอาจจะเจอเรื่องเข้าใจผิด คิดว่าพวกคุณเลิกกันแล้วก็ได้

คิดว่าผู้หญิงเขารู้ค่ะ เพราะตั๋มโพสต์รูปตั๋มกับเขาตลอด เปิดภาพเป็นสาธารณะด้วย ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะไม่รู้ค่ะ

อยากรู้ว่าเพราะอะไรถึงตัดสินใจไปบุกคลินิกในขณะที่ผู้หญิงกำลังแถลงข่าวครั้งล่าสุด

ตั๋มรู้ข่าวตั้งแต่ตอนกลางคืนวันเสาร์ ทีแรกไม่คิดว่าจะไป พอตื่นเช้ามาเป็นวันที่เขาจะแถลงข่าวเรื่องตั๋มอีก คุยกับทนายความ เขาแนะนำว่าถ้าสะดวก ก็ไปงานแถลงข่าวเขาเลยดีกว่า เพราะไม่งั้นประเด็นจะกลายเป็นว่าเขาน่าสงสาร ถูกรังแก เพราะคุณตั๋มไปคุกคามเขา แต่ถ้าคุณตั๋มไปที่คลินิกเขา ข่าวจะเปลี่ยนทันที ดังนั้นไปได้ไหม แต่คุมตัวเองหน่อยได้ไหม ตั๋มเลยโอเคไป

แต่การที่คุณตัดสินใจบุกไปงานแถลงข่าวทำให้คนมองว่าคุณแรงเหมือนกัน

คือ เรื่องนี้ใช้คำว่าแรงก็ได้ ยอมรับว่าถ้าตั๋มเป็นคนนอก รู้จากข่าวก็คงคิดว่าโห... อีนี้แรงเนอะ ไปบุกที่คลินิกเขา ก็ยอมรับว่าแรงค่ะ แต่การกระทำที่เขาทำเงียบๆ เบาๆ แต่ก็แอบแรงเหมือนกัน ไปแจ้งความกูอีกแล้วอีนี้ มันจะเยอะไปไหม มีการเรียกนักข่าวสายอาชญากรรมไปทำข่าว แต่บอกจะแถลงข่าวเรื่องขายหุ้นคลินิก แห...ไปไหม ขนาดคนไม่ฉลาดยังรู้เลยว่าไม่ใช่ ใครจะถอนหุ้น 95% อย่างนี้เรียกว่าเจ๊งไหมคะ

เท่าที่ไปอ่านคอมเมนต์ในโซเซียลมีเดีย บางคนบอกว่าคู่กรณีของคุณไม่ได้เรียกแบบที่ตั๋มเรียก แต่เขารู้จักกาลเทศะ รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร ถ้าหากนำมาเทียบกับคุณเอง บางคนคนมองว่าคุณทำตัวแรงกว่าเขาอีก คิดอย่างไรเรื่องนี้

เรื่องนี้ ตั๋มเลือกที่จะเป็นแบบตั๋มค่ะ คือ ถ้าจะให้ทำหน้ายิ้มๆ ก็ทำไม่ได้เด็ดขาด ถ้าวันนั้นตั๋มเป็นเขา ซึ่งโดนตั๋มบุกไปที่คลินิก ตั๋มจะบอกว่า มึงออกไปจากคลินิกของฉันเดี๋ยวนี้ มีสิทธิ์อะไรมายืนด่ากูในคลินิกกู แต่นางก็ยืนใบ้กินอยู่กับทนายความ อยากบอกว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคสมัยว่าคนเรียบร้อยจะถูกเสมอไป คนสมัยนี้เขารู้แล้วว่าอะไรคือความจริง

อยากรู้ว่าเหตุการณ์ตอนที่คุณไปบุกคลินิกเป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย

ทีแรกตั๋มให้เพื่อนไปสอดแนมก่อน เพื่อนก็บอกว่าลงมาเลย พอไปถึงก็เดินสวยๆ เข้าไป แล้วเข้าไปถามเขาว่า “มีอะไรเหรอคะ” แล้วก็ถอดแว่นออกสวยๆ นิดนึง (หัวเราะ) จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงเขาเลย เขาไม่ได้พูดอะไรเลย นักข่าวก็ถามเขานะว่า จะพูดอะไรไหม แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร

หลังจากนั้นได้ยินว่า เขาบอกว่าไม่รู้จักตั๋มมาก่อนเลย อย่างนี้เรียกว่า....หรือเปล่าคะ คุณไม่รู้จักฉัน แล้วทำไมคุณถึงไปแจ้งความจับฉันได้ นี่คือความ....ของคน เพราะถ้าคนพูดความจริง พูดกี่ทีก็เหมือนเดิม แต่ผู้ชายผู้หญิงคู่นี้ พูดไม่เหมือนกันเลยสักรอบ

แล้ววันนั้นคุณได้เข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวไหม

ไม่ค่ะ เขาไม่คุยกับตั๋ม เขาเดินเข้าไปข้างในเลย พอตั๋มกลับไปแล้ว เขาถึงเดินออกมาให้สัมภาษณ์อีก ความจริงถ้ามีโอกาสคุยกับเขา ตั๋มจะบอกเขาว่า มีอะไรก็พูดมาเลย ฉันนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องมาทำแอ๊บแบ๊วไปแจ้งความ จะเอายังไงก็ว่ามา ที่แจ้งความ เธอต้องการอะไร เธออยากดังใช่ไหม

แล้วเรื่องที่แจ้งความครั้งที่สองว่าฉันคุกคามเธอ คงเป็นเพราะฉันไปล้อเธอใช่ไหม คิดว่าเธอคงโกรธที่ฉันไปล้อเธอ เช่น เรื่องเธอมีกระเป๋าใบเดียว หนีบอยู่ใบเดียว ตั้งแต่แปดริ้วไปจนถึงไปแจ้งความ (หัวเราะ) หรือเรื่องมีรองเท้าคู่เดียว แต่เที่ยวทั่วไทย คิดว่าเขาคงอาย แต่ด้วยภาพลักษณ์เขาก็คงว่าเราไม่ได้ เลยได้แต่ไปแจ้งความเราอีก เพราะหวังว่าเราจะหยุด แต่บอกเลยว่ากูไม่หยุด ถ้าจะไปแจ้งความอีก ก็ตามสบาย

คุณบอกว่าพวกเขาพูดไม่เหมือนกันเลย ขยายความให้ฟังหน่อยว่าหมายความว่ายังไง

ครั้งแรกผู้ชายบอกว่าเลิกกันเพราะตั๋มมารยาทไม่ดี ครั้งที่สองบอกว่าเลิกกันเพราะตั๋มหลอกเขา แต่ไม่ยอมบอกว่าหลอกเรื่องอะไร ซึ่งความจริงคือเรื่องเงิน เพราะตั๋มไม่ให้เขายืมเงิน ครั้งที่สามบอกเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน ไม่อยากพูดถึง นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแต่ละครั้ง เขาไม่เคยพูดเหมือนกันเลย

ได้ยินว่าความจริงตอนนั้นฝ่ายชายก็ไม่ได้อยากถึงขั้นเลิกกับคุณ แต่เขากำลังสนุกกับการที่ทำให้คุณมาง้อเขามากกว่า จริงหรือเปล่า

ใช่เลยค่ะ เพราะตั๋มคุยกับเพื่อนของเขา เพื่อนที่หมั่นไส้เขาก็เยอะ เพื่อนเขาเล่าว่าความจริงเขาก็ไม่ได้จะอยากเลิกหรอก เพราะเขาไม่ได้โง่ที่จะมาหลอกเป็นจ๊อบๆ แต่เขากะตกถังข้าวสาร ซึ่งตั๋มก็รู้แล้วแต่ต้น แต่คิดว่ามันก็แฟร์ สมัยนี้ไม่มีใครมารักกันเพราะจิตใจฉันสวยงามหรอก มันไม่ใช่ ตั๋มก็ชอบที่เขาเป็นตำรวจ ดังนั้นมันก็หายกัน เพราะตั๋มคิดว่าคุณก็รักเงินชั้นได้ แต่ก็ต้องรักเราด้วย

ครั้งหนึ่งคุณเคยโพสต์ภาพที่มีคนจับผิดว่าฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่เป็นคู่กรณีของคุณ โพสต์ภาพไปทะเลวันเดียวกัน จากภาพ คุณคิดว่าเขาสองคนไปเที่ยวทะเลด้วยกันไหม

เรื่องนี้ตั๋มคิดว่าไม่ใช่ เพราะพี่เค้าจะไม่เคยโพสต์ภาพตรงวันเลย เขาจะเป็นคนสต๊อกรูปตลอด และเขาเป็นคนสอนตั๋มด้วยว่า เธออย่าอัปรูปตรงวัน ไม่อย่างนั้นคงจะรู้หมดว่าเธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมต้องให้คนรู้ ตั๋มก็ว่าเธอไม่เคยบริสุทธิ์ใจกับใครเลยใช่ไหม ไอจีก็น่าจะเป็นเรื่องเรียลไทม์ ถ่ายและก็อัพเลย แต่เขาจะถ่ายรูปเก็บสต๊อกไว้เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน ถึงจะอัปลงเน็ต ดังนั้นฉะนั้นเรื่องที่เขาจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ก็อาจไม่จริงก็ได้

มีภาพแชร์ในโซเชียลมีเดีย และมีการตั้งข้อสังเกตว่าสองคนนั้นสวมใส่แว่นตาดำแบบเดียวกัน ทำให้คนสงสัยว่าทั้งคู่ไปเที่ยวไหนด้วยกัน คุณเชื่อเรื่องนี้ไหม

ตั๋มว่าต่อให้ทั้งคู่ไปด้วยกันจริง ก็คงไม่น่าจะมีแว่นอันเดียวกันเปล่าคะ เรื่องนี้คนอาจจะเมาท์ไปกันเองด้วยความมันส์มากกว่าสองคนนี้ใช้แว่นอันเดียวกัน แต่ในใจลึกๆ ตั๋มคิดว่าถึงไปด้วยกัน ก็น่าจะมีแว่นใส่คนล่ะอันหรือเปล่า มันจะอนาถขนาดนั้นเลยเหรอ ที่จะผลัดกันถ่าย ผลัดกันใส่ อย่างนี้มันก็ไม่ไหวนะ (หัวเราะ)

เห็นมีประเด็นขึ้นมาว่าคุณเคยบังคับให้ฝ่ายชายไปถ่ายสัมภาษณ์ลงหนังสือด้วยกัน ความจริงคืออะไร

ไปถามหนังสือที่ตั๋มกับเขาไปถ่ายสัมภาษณ์ด้วยกันก็ได้ อย่ามาโกหกโง่ๆ คุณอายุจะ 40 ปีแล้ว ถ้าคนจะไม่ทำ ก็คือไม่ทำ ไม่มีใครบังคับให้คุณมานั่งสัมภาษณ์ แล้วคำพูดที่คุณให้สัมภาษณ์นั้น ใครบังคับให้คุณพูดเหรอคะ คือ ยิ่งพูด ยิ่งทุเรศ ก็ยิ่งพูดยิ่งเสีย ดังนั้นอย่ามาพูดแบบนี้ดีกว่าค่ะ

อีกข่าวบอกว่าความจริงคุณยังไม่เคยหมั้นกับฝ่ายชายเลย เรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่

ที่ไม่ได้หมั้น เพราะเขาไม่มีเงินค่ะ อันนี้เขายอมรับเลย เขาพูดเองว่า เขากะให้แหวนหมั้นตั๋มครึ่งกะรัต ส่วนตั๋มคิดในใจว่าครึ่งกะรัตเหรอ จะบ้าหรือเปล่าว่ะ (หัวเราะ) ตั๋มว่าไม่เอาดีกว่าไหม คือ ตั๋มก็ไม่ได้พูดกับเขาเพราะๆ ก็จะชอบว่าเขาตรงๆ ไปอย่างนี้

เรื่องของเรื่องคือ ตอนมาสู่ขอตั๋ม เค้าเคยบอกว่าต้องให้พ่อแม่เขามาขอตั๋มไหม แต่บ้านตั๋มเห็นว่าเขาอายุจะ 40 แล้ว เห็นเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เลยให้เกียรติเขา บอกว่าไม่ต้องให้พ่อแม่เขามาก็ได้ แค่เขาคนเดียวก็พอ เพราะเห็นว่าครอบครัวเขาอยู่ต่างจังหวัด ไม่อยากให้ลำบาก วันที่เขาสู่ขอ ก็เป็นวันที่เขามานั่งทานข้าวด้วยกันในวันเกิดตั๋ม ดังนั้นการที่เขามาบอกว่าเราสองคนไม่เคยหมั้นกัน ไม่เคยสู่ขอ ก็เท่ากับว่าเขาไม่ใช่ลูกผู้ชายพอ น่าจะให้ใส่กระโปรงผู้หญิงไปทำงาน คิดว่าเขาไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้วชาตินี้

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา คุณได้คุยและติดต่อฝ่ายชายอีกบ้างไหม

ไม่เลยค่ะ คือ ตั้งแต่มีภาพเขาไปกินไอติมกับผู้หญิงคนอื่น ตั๋มก็ไม่คุยกับเขาอีกเลย เขาไลน์มา ตั๋มก็ไม่ตอบ เขาว่าเธอไม่มีเหตุผล เธอควรจะถามก่อนว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ฉันอาจจะไปทำธุระก็ได้ แหม...ก็แค่บอกไปต่างจังหวัด แค่นี้ก็จบแล้วป่ะ ตั๋มไม่อยากฟังอะไรแล้ว จบก็จบ ยอมได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนอกใจแบบนี้ไม่ไหวค่ะ

แต่เรื่องนี้ทำให้คนมองว่าทำไมคุณไม่ยอมปล่อยวาง ปล่อยเขาสองคนไปบ้างก็ได้ จะดีกว่าไหม

ก็แล้วทำไมเขาไม่ปล่อยวางบ้างล่ะค่ะ ทำไมเขาถึงไปแจ้งความตั๋ม ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ คือ เรื่องแย่งแฟนเป็นเรื่องธรรมดามาก ใครๆ ก็โดนได้ การที่ตั๋มโดนแย่งแฟน มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่แย่งแล้วทำไมคุณต้องไปแจ้งความอีก รับไม่ได้ค่ะ ทำให้ตั๋มหมั่นไส้เขาและอยากจิกกัดทุกอย่าง ฉะนั้นการที่เขามาหาเรื่องแบบนี้ ถือว่าหาเรื่องผิดคนค่ะ

ที่ผ่านมา คุณคิดว่าทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงแอบคบกันจริงๆ เหรอ

คิดว่าเคยค่ะ เพราะมีหลายครั้งที่มีรูปหัวผู้ชายติดมาอยู่ที่ภาพของผู้หญิง ตั๋มจำหัวเขาได้อยู่แล้ว (หัวเราะ) แล้ววันที่เขาสองคนแอบไปกินไอติมด้วยกันและตั๋มจับได้นั้น เพื่อนตั๋มที่เป็นเกย์ไปเห็นเขา เพื่อนเขาก็ฉลาดและเดินตามสองคนนั้นอยู่เป็นชั่วโมง เห็นว่าเขาก็ไปกินไอติมด้วยกันที่เมกะบางนา

แล้วคิดว่าพอมาถึงวันนี้ สองคนนี้จะยังคบกันอยู่ไหม

คงไม่แล้วค่ะ เพราะถึงขั้นเขามาแจ้งความตั๋มแล้ว ดังนั้นถ้ายังคบกัน เขาคงไปไหนมาไหนลำบาก คนก็ต้องถ่ายรูปมา ดังนั้นเขาจะอยู่ยังไง ดังนั้นคิดว่าตอนนี้เขาคงไม่ได้คบกันแล้วค่ะ

หลังจากเรื่องรักครั้งเก่าของคุณกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา เจอฟีดแบกอย่างไรบ้าง

โอ๊ยเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะญาติๆ ของเขา ถ้าไปดูในเฟชตั๋ม จะเห็นว่าเยอะมาก มีลูกพี่ลูกน้องเขาพยายามมาขอยืมเงินตั๋มด้วยตั๋มเรียกเขาว่า “อีช้าง” อีช้างเป็นลูกพี่ลูกน้องของฝ่ายชาย อยู่ที่แปดริ้วกับพ่อแม่ของฝ่ายชาย อีช้างจะพยายามมาขอยืมเงินตั๋ม แต่ตั๋มไม่ได้ให้ บอกเลิกกับผู้ชายแล้ว ที่ผ่านมา ตั๋มเชื่อใจเขาตลอด เพราะคิดว่าเขาคงไม่มีพิษภัย แต่พอเขายืมเงินเราไม่ได้ เขาก็โกรธ แฟนคลับก็บอกว่าอีช้างปลอมเฟซมาด่าเรา แต่ตั๋มคิดว่าไม่น่าจะใช่มั้ง รู้ไหมว่าแฟนคลับตั๋มถึงขนาดตามบุกไปหาอีช้างที่ทำงานของเขามาแล้ว แต่อีช้างไม่ยอมออกมาเจอ (หัวเราะ)

หลังจากนี้ไป คุณวางแผนจะดำเนินการอย่างไรกับคู่กรณี

ถ้าเขาไม่จบ ตั๋มก็ไม่จบค่ะ บอกได้เท่านี้ แล้วในฐานะประชาชน ตั๋มอาจจะร้องเรียนว่าเขาแต่งตัวไม่เหมาะสม คือ มีการโพสต์ภาพแหกแข้งแหกขา ทำท่าตำส้มตำ ดูอย่างนี้ไม่น่าโอเค การทำอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชน

แต่ถ้าแย้งว่ามันเป็นภาพในเวลาส่วนตัวของเขาล่ะ แล้วมันจะผิดตรงไหน

ถึงเป็นภาพส่วนตัวในเวลาส่วนตัว แต่ก็ไม่ควรมาโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตหรือเปล่าคะ คือ มันไม่เหมาะสม คุณเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์ซึ่งเป็นผู้หญิงและเยาวชน ดังนั้นก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แย่มาก

หากคุณไปร้องเรียนเรื่องนี้จริงๆ ไม่ห่วงเหรอว่าจะทำให้คนมองว่าคุณไปหาเรื่องอีกฝ่าย

ไม่ค่ะ ก็เขาหาเรื่องตั๋มก่อนหรือเปล่าล่ะค่ะ คือ ตั๋มไม่ได้หาเรื่องเขานะ ไม่ใช่ว่าจะโกรธที่เขาแย่งแฟน เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ตั๋มคิดว่า ถ้าคุณแย่งแฟนไป ก็เงียบๆ ไปสิ แต่นี่แย่งไปแล้ว ยังมีหน้ามาแจ้งความจับเราอีก มันเรื่องอะไรกัน ตั๋มไม่โอเคตรงนี้

ทางครอบครัวคุณ พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง

เขาก็เป็นห่วง ตอนแรกแม่ก็เครียด ห่วงว่าลูกสาวจะเป็นยังไงบ้าง เพื่อนแม่ก็บอกว่าลูกสาวเป็นยังไง ฝากกำลังใจไปให้ด้วยนะ แต่แม่บอกว่าแต่ฉันเห็นเธอไม่เป็นไรเลย เธอปกติมาก น้ำหนักก็ไม่ลง ออกไปข้างนอกเหมือนเดิม ส่วนตั๋มบอกแม่ว่า ก็มันไม่ใช่เรื่อง สำคัญ ในชีวิตเลยแม่ สำหรับตั๋มก็เป็นเรื่องทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง

แต่มองอีกด้าน คนก็มองว่าทำไมครอบครัวคุณไม่เบรกลูกสาวบ้างเลย

ก็เรื่องนี้ลูกโดนรังแก ทำไมลูกถึงจะสู้กลับไม่ได้เหรอคะ ถูกไหมคะ ในความคิดพ่อแม่ตั๋ม ลูกสาวโดนผู้ชายหลอก พ่อแม่ก็เจ็บแล้วนะ สงสารลูกอยู่แล้ว แล้วแถมยังถูกผู้หญิงที่ไปแอบคบซ้อนมาแจ้งความกลับลูกสาวตัวเองอีก ใครจะไปยอมล่ะค่ะ ถ้าเป็นครอบครัวอื่น อีนี่อาจตายไปแล้ว แต่นี่ถือว่าครอบครัวตั๋มใจดีมากแล้วนะคะที่ไม่ได้ไปคิดทำร้ายอะไรเขา

เห็นมีประเด็นที่คุณว่าคู่กรณีของคุณเป็นคนละชั้นกัน คุณเลยโดนโจมตีว่าไปดูถูกคนอื่น คิดอย่างไรเรื่องนี้

ตั๋มคงใช้คำผิดค่ะ ความจริงถ้าไม่มีเรื่องนี้ ตั๋มกับเขาก็คงไม่ได้มาโคจรเจอกัน ความจริง ตั๋มจะหมายความว่าตั๋มเป็นคนจริง ส่วนเขาตอแหล ดังนั้นอย่าเอามาเทียบกันได้ไหม มันเทียบกันไม่ได้นะ

ไม่นานนี้ เห็นคุณโพสต์ว่าคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ด้วย ทำไมถึงทำอย่างนั้น

ก็เพื่อนตั๋มโทร. มาเล่าว่า สรยุทธบอกว่าข่าวตั๋มยาว ขี้เกียจอ่านข่าว ได้ยินแล้วก็ของขึ้นนะ แต่ตอนนั้นยังไม่ตื่นดี ก็เลยนอนต่อ พอตื่นอีกที เพื่อนโทร. มาเล่าอีกว่า เขาอ่านข่าวเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า “คุณ” แล้ว เรียกตั๋มว่า “เธอ” มีคนบอกว่าเขาสนิทกับตั๋มเลยเรียกอย่างนั้นหรือเปล่า ตั๋มเลยว่าสนิทกันเมื่อไหร่ จะบ้าเหรอ ตั๋มเลยโกรธ คิดว่าถ้าจะไม่มีจรรยาบรรณแบบนี้ ก็ไม่ต้องอ่านข่าวก็ได้ คิดว่าเป็นสื่อใหญ่แล้วคนจะแคร์เหรอ ตั๋มไม่สนใจหรอก

มีประเด็นไหนที่คุณอยากชี้แจงอีกบ้างไหม

คือ ตั๋มอยากบอกทุกคนว่า ขอให้พิจารณานิดนึงว่าใครพูดความจริง ใครพูดโกหก อย่างเช่น การพูดของฝ่ายชายที่บอกว่าเรื่องการซื้อตำแหน่งเป็นเหมือนเรื่องผีที่เราเคยได้ยิน แต่ไม่มีใครเห็น คือ มันตอแหลมาก ทุเรศ เด็กยังรู้ คือ มึงจะพูดมาทำไมให้ทุเรศตัวเอง โลกสวยได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่ามาโลกสวยแบบนี้ คนฟังเขารู้หมดว่าคุณโกหก

แล้วอย่าหลับหูหลับตาเพราะคิดว่าเขาหล่อ ให้ดูความเป็นจริงบ้าง

แล้วประเด็นนี้ได้เอามาสอนตัวเองด้วยหรือเปล่า

ไม่ค่ะ ( หัวเราะ ) เพราะตั๋มชอบคนเลวด้วยไงคะ คิดว่าเลวก็ช่าง แต่ถ้ารักเราด้วยก็โอเค (หัวเราะ)

คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น สอนอะไรคุณบ้าง

สอนว่าผู้ชายไม่ได้ฉลาดเท่าที่ตั๋มคิด คือ ถ้าผู้ชายฉลาดจริง คงไม่แกล้งงอนตั๋ม แล้วป่านนี้เขาก็คงตกถังข้าวสารไปแล้ว ถ้าแต่งงานกัน ชีวิตเขาก็สบาย ไม่ต้องเอ่ยปาก พ่อแม่ตั๋มก็คงจะช่วยอยู่แล้ว

แล้วเขาบอกตั๋มเองว่าเขาประชดชีวิตอยู่ เพราะพอเขาไม่ได้ขึ้นเป็นผู้กำกับ เขาก็เสียใจมาก ดังนั้นตั๋มก็อยากบอกว่า งั้นก็ประชดชีวิตไปล่ะกัน ตอนนี้ชีวิตคุณก็ฉิบหายแล้ว ดีใจด้วย (หัวเราะ)

ได้ยินว่าตอนนี้คุณกำลังจะมีรักครั้งใหม่แล้ว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่ารักครั้งนี้เป็นอย่างไร

ใช่ค่ะ ทุกวันนี้แม่บอกว่าขนาดเรื่องเก่ายังไม่จบเลย (หัวเราะ) เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เราเคยคุยมาก่อน แต่พอมีแฟนแล้ว ตั๋มก็ไม่ได้คุยกับเขาอีก ตอนนี้เพิ่งกลับมาคุยกันใหม่ ชอบที่เขาเด็ก เห็นแล้วสดชื่น (หัวเราะ) ที่ผ่านมา ตั๋มมีแต่เด็กมาจีบ พอเจอผู้ใหญ่มาจีบเลยชอบ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไปไม่รอด เลยคิดว่าน่าจะลองเปลี่ยนแนว หันมาชอบเด็กดีกว่าค่ะ (หัวเราะ)

ภาพโดย ปัญญพัฒน์ เข็มราช



กำลังโหลดความคิดเห็น