ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“แซ่บ” ยิ่งกว่า “สามีตีตรา”
“ดรามา” ยิ่งกว่า “แรงเงา”
“น้ำเน่า” ยิ่งกว่า “ฉันรักผัวเขา”
ศึกรัก-สาม-เส้า หรือจะพูดให้ชัดๆ ก็คือรัก-สาม-แซ่บ ระหว่างชาย 1 และ 2 หญิง
นำแสดงโดย
“รองอั๋น-พ.ต.ท.อรรถพล อิทธโยภาสกุล” รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สน.สุทธิสาร นายตำรวจหนุ่มรูปงาม นามเพราะ
“ตั๋ม-วิชชุดา ลีนุตพงษ์” ไฮโซสาวทายาทนักธุรกิจใหญ่แห่งวงการยานยนต์ชื่อดังของเมืองไทย
“หมอแอร์-พ.ต.ท.หญิง แพทย์หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล” จิตแพทย์ชื่อดังประจำโรงพยาบาลตำรวจ และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เริ่มต้นกันที่ตัวละครแรก “รองอั๋น-พ.ต.ท.อรรถพล อิทธโยภาสกุล”
นายตำรวจมาดแมน แอนด์ แฮนด์ซั่ม ที่พาพาความหล่อเหลามาชนิดไม่แพ้พระเอกคนไหนเลยจริงๆ จนกระทั่งได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 หนุ่มสุดฮอตในเครื่องแบบ เป็น 1 ใน 3 ตำรวจขวัญใจชาวเน็ต และเป็นหนุ่มหล่อที่มียอดกดไลค์ของผู้เข้าชมแฟนเพจ Thailand Uniform Guys - เพจดีๆ สำหรับคนหน้าตาดีเท่านั้น (ซึ่งก่อตั้งโดยแอดมินที่ใช้ชื่อว่า "นักรบ" ที่จะคอยคัดสรรหนุ่มหล่อจาก 4 เหล่าทัพมาประชันความหล่อกัน) สูงกว่า 1 แสนไลค์
เพราะหล่อ หรู ดูดี มีตำแหน่งอย่างนี้นี่เล่า ถึงได้มีทั้งสาวแท้ สาวเทียมเข้ามาวอแวไม่หยุดหย่อน สมัยที่มีดาราสาววิก 7 สี “ส้ม-ธัญสินี พรมสุทธิ์” เป็นคู่ควง ก็เคยมีข่าวว่าถูกสาวประเภทสองออกมาแฉสัมพันธ์สวาท ที่ทับซ้อนระหว่าง “ได้หน้าแล้วลืมหลัง” หรือ “ได้หลังแล้วลืมหน้า” มาแล้ว
มาถึง “ไฮโซตั๋ม-วิชชุดา ลีนุตพงษ์” ทายาทหมื่นล้านค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ เป็นไฮโซ และเซเลปที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในแง่ของความแรง ความแซบ และตรงไปตรงมา เธอยอมรับอย่างเต็มปากว่าชอบผู้ชายหล่อแบบแบดบอย และก็ไม่เคยแคร์หากใครจะตราหน้าว่า....ผู้ชายคบกันเธอเพราะหวังเกาะ
“สมัยนี้มันหมดยุคของการรักกันที่จิตใจหรือเปล่าคะ ? ผู้ชายจะมาหวังเงินก็ไม่แคร์นะคะ แต่ก็ต้องรักเราด้วย ถ้าไม่รักก็ไม่เอา”
ส่วน “หมอแอร์-พ.ต.ท. หญิง พญ. อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล” เป็นทั้งตำรวจหญิง และคุณหมอสาวแสนสวยเจ้าของคลินิกเสริมความงามผู้กุมหัวใจผู้ชายกว่าค่อนประเทศ สวยขนาดมีผลงานในวงการบันเทิงมาไม่น้อย แม้ในยามที่มีสถานะ “ม่าย” พ่วงท้าย แต่ดีกรีความสวยใสแบบแบ๊วๆ ก็ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มละลายมานักต่อนัก แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้สีหน้าสวยใสแบ๊วๆ แบบนี้ แอบซ่อนอะไรไว้ข้างใน
สำหรับคนที่ติดตามข่าวคราวและเรื่องราวของทั้ง 3 คนนี้แบบผ่านๆ อาจจะสงสัยว่าก็แค่เรื่อง “แย่งผู้ชาย” อะไรมันจะน่าสนใจถึงขนาดต้องขึ้นหน้าหนึ่ง นสพ. หัวสี , ทำไมโลกออนไลน์ถึงมีการตั้งกระทู้เกี่ยวกันเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง และทำไมรายการทอล์กโชว์อย่าง “วู้ดดี้” จะต้องให้ความสำคัญถึงขนาดหยิบประเด็นไปพูด และเชิญ 1 ในคู่กรณีคือไฮโซตั๋มไปสัมภาษณ์ในรายการ (ซึ่งจะการถ่ายทอดสดให้ชมกันในวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคมนี้)
ถ้าจะให้ตอบแบบ “กำปั้นทุบดิน” ก็คือ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง “แย่งผู้ชาย” ธรรมดาๆ แต่ไปๆ มาๆ มันกลับบานปลายมากไปกว่านั้น เมื่อเรื่องไม่ได้จบอยู่แค่ตัวละครหลักแค่ 3 ตัว แต่ยังตัวละครแวดล้อมอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ตั้งใจและตั้งใจ โดยเฉพาะครอบครัวของแต่ละฝ่ายที่พลอยถูกโยงใยไปด้วย อย่างครอบครัวของรองอั๋นก็ถูกดึงเข้ามาเอี่ยวในฐานะที่สมรู้ร่วมคิดในการหวังสูบเงินจากไฮโซตั๋ม ขณะที่ฝั่งไฮโซตั๋มก็มีการฉะกันผ่านโซเชียล กับ “ผิง-พิมพ์พาภรณ์ ลีนุตพงษ์” ไฮโซและนักแสดงสาวผู้ใช้นามสกุลเดียวกัน และลุกลามกลายเป็นศึกในตระกูล ที่มีพ่อของทั้งคู่กระโดดลงมาร่วมวง (ศ์) ด้วย
ซ้ำยังมีบรรดา “ติ่ง” ของทั้งรองอั๋น , ไฮโซตั๋ม และหมอแอร์ ที่ถือหางคอยเชียร์ฝั่งตัวเอง พร้อมกันนั้นก็กระหน่ำใส่ฝ่ายตรงข้าม โดยใช้ช่องทางในโซเชียลมีเดียเป็นอาวุธหลัก โดยเฉพาะการสร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อซุ่มโจมตีคู่ต่อสู้
ทั้งที่ต้นเรื่องจริงๆ แล้ว น่าจะมีมูลเหตุมาจากค่านิยมของไฮโซที่อยากได้ผัวหล่อ (และมียศศักดิ์) ส่วนคนรูปหล่อก็อยากได้เมียรวย เรียกว่าผลประโยชน์มันเอื้อกัน ถ้าตกลงกันได้ด้วยดีก็ไม่มีปัญหา แต่ปัญหามาเกิด ก็เมื่อตัวละครอย่างหมอแอร์เข้ามาแทรกกลางระหว่างคู่ของรองอั๋นกับไฮโซตั๋ม
ประเด็นมันจึงไม่ใช่เรื่องเงิน 5 ล้านว่าจะให้หรือไม่ให้ ? ลึกๆ แล้วฝ่ายไฮโซตั๋มยินดีและเต็มใจให้ซะด้วยซ้ำ เพราะเธอก็ออกปากเองอยู่แล้วว่าผู้ชายหล่อ โปรไฟล์หรูแบบนี้ ถ้าจะต้องใช้เงินแลกมาก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ขนาดตอนที่มีการพูดคุยกันเรื่องหมั้นหมาย ฝ่ายรองอั๋นบอกว่าจะหมั้นด้วยแหวนเพชรครึ่งกะรัต ไฮโซตั๋มยังแอบทำหน้ายี้ใส่ พลางคิดในใจว่า.... ถ้าแค่ครึ่งกะรัตก็ต้องให้ก็ได้มั้งคะ
“ยอมรับว่าคบเพราะว่าหล่อ แล้วก็เป็นตำรวจ คือถ้าเป็นพนักงานแบงค์ ก็คงไม่เอา แต่ว่าก็เพราะรักด้วย ถ้าไม่รักก็คงไม่แต่ง”
ไฮโซตั๋มลั่นปากออกมาเอง
คือถ้าไม่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งคู่ก็แต่งงานแต่งงานกันไปตามที่วางแผนกันไว้ อย่าว่าแต่ 5 ล้านที่จะต้องเสียไปเพื่อซื้อตำแหน่งตามที่เป็นข่าวเลย มากกว่านั้นก็ยอมให้ได้ เพราะครอบครัวของฝ่ายหญิงก็คงพร้อมที่จะสนับสนุนให้ลูกเขยได้มียศตำแหน่งที่สูงขึ้นๆ เพื่อทัดหน้าเทียมตาลูกสาว
แต่จะให้ยอมรับเรื่อง “คบซ้อน” คงไม่มีผู้หญิงหน้าไหนยอมได้
ว่าไปแล้วน่าเห็นใจไม่น้อยเหมือนกัน ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไหนจะต้องโดนผู้ชายเข้ามาคบเพื่อหวังชุบตัวในบ่อเงินบ่อทอง ไหนจะต้องถูกผู้หญิงอีกคนที่สร้างภาพเป็นนางเอก ทำหน้าซื่อตาใส แอบกินในที่ลับ แต่กลับมาแถลงข่าวในที่แจ้ง ทำนองว่าถูกก่อกวน คุกคาม เพื่อทำให้สังคมมองว่าอีกฝ่ายเป็นนางร้าย ประเด็นหลังนี่แหละที่เจ็บปวดยิ่งกว่า
เรื่องนี้จึงไม่ใช้การห้ำหั่นเพื่อแย่งชิงผู้ชาย เพราะการที่จะต้องเสียผู้ชายห่วยๆ สักคนออกไปจากชีวิต น่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะกรวดน้ำคว่ำขันยินดีด้วยซ้ำ แต่นี่คือการต่อสู้เพื่อกู้ศักดิ์ศรีของผู้หญิง ที่ทำให้ประเด็นเรื่องผู้ชายที่หวังตกถังข้าวสารกลายเป็นประเด็นรองไปทันที
“ไม่ได้อยากได้ผู้ชาย “หน้า-ตัว-เมีย” คนนี้คืน แต่รับความตอแห_ของผู้หญิงอีกคนไม่ได้”
นั่นคือที่มาแห่งชนวนสงครามของความรัก ที่มีเรื่องของ “ศักดิ์ศรี” ของผู้หญิง 2 คน เป็นเดิมพัน
ไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เลยขอลำดับเรื่องราวของ “รัก-สาม-แซ่บ” ครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึง ณ ปัจจุบันมาให้พินิจพิจารณากันอีกครั้ง ใครถูก ใครผิด ใครแรง ใครแห_ ก็ตัดสินกันเอาเอง
2 ก.พ.
ปฐมบทของศึกครั้งนี้ เริ่มต้นเปิดกล้องกันตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฉากแรกเริ่มต้นเมื่อไฮโซตั๋ม เปิดฉากแฉเหตุที่ต้องเลิกรากับรองอั๋น (อดีต) คนเคยรัก ผ่านเฟซบุ๊ก จากกรณีที่ถูกออกปากขอให้ช่วยเหลือเรื่องหน้าที่การงาน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในวงการสีกากี เป็นจำนวนเงินสูงถึง 5 ล้านบาท
แปลไทยเป็นไทยว่า ฝ่ายชายหวังใช้เงินซื้อตำแหน่ง ส่วนฝ่ายหญิงก็ต้องเอาทองมากองท่วมหัวเพื่อแลกกับผัว 1 คน
แต่เธอออกปากปฏิเสธ จนเป็นเหตุให้สัมพันธ์รักสะบั้น
ย้ำว่าไม่ได้เจตนาจะออกมาแฉให้เสียหาย แต่รับไม่ได้จริงๆ ที่ชิ่งเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่ ทั้งที่เตรียมจะแต่งงานกันอยู่แล้ว
ขนาดว่า “ไม่เจตนา” ยังทำให้โลกโซเชียลสะท้านสะเทือนไปถึงดวงดาว
3 ก.พ.
ฝ่ายชายตอบโต้กลับผ่านเฟซบุ๊ก Aun Pol ชี้แจงเหตุที่ต้องเลิกรากันนั้น หาใช่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ แต่เพราะทนพฤติกรรมของฝ่ายหญิงไมได้ต่างหาก
เท่าที่จับใจความแล้ว เหมือน 2 คนนี้ดูหนังกันคนละม้วน เพราะไม่มีเนื้อเรื่องตรงไหนที่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว
5 ก.พ.
ลำพังแค่ฟัด เอ๊ย ตอบโต้กันผ่านเฟซบุ๊ก แค่ 2 คน ต่อมเผือกของทั้งไฮโซ และโลโซทั่วประเทศ ก็ทำงานกันไม่หวาดไหวแล้ว แต่กลับมาดาราสนับสนุนฝ่ายหญิง (หมายถึงดาราสนับสนุนที่เป็นผู้หญิง ไม่ใช่สนับสนุนฝ่ายหญิง) ออกมาผสมโรงด้วยอีกแรง
เมื่อ “ผิง-พิมพ์พาภรณ์ ลีนุตพงษ์” สาวไฮโซและดาราคนดัง ออกมาโพสต์ข้อความว่าขอไม่นับญาติกับไฮโซตั๋ม เหตุที่มีการโพสต์พาดพิงถึงรุ่นพี่ที่ตัวเองนับถือ ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายตอบโต้กลับแบบแสบสันไม่แพ้กัน ทำนองว่าถึงจะนามสกุลเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว และมีการพาดพิงไปถึงมารดาของอีกฝ่ายว่าเป็นเพียงภรรยาคนที่สอง-สาม-สี่ ของทางลุง และตัวคู่กรณีเองก็มีเรื่องคาวฉาวโฉ่มานาน
ถ้าพูดแบบภาษาบ้านๆ ก็คือ...ฉันก็ไม่ได้อยากนับญาติกับเธอเหมือนกัน
ถัดมาฝ่ายผิงก็ได้ออกมาพูดเปิดใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” (เมื่อวันที่ 12 ก.พ.) โดยชี้แจงว่าเหตุที่ต้องโพสต์ข้อความดังกล่าว เพราะถูกสื่อมวลชนมาถามความคิดเห็นในกรณีนี้จนเบื่อที่จะตอบ จึงโพสต์ไปว่าไม่ขอเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาประมาณว่าเป็นลูกเมียน้อย เธอบอกมารดาของเธอเป็นภรรยาคนที่สองจริง แต่ว่าจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมยืนยันอยากให้เรื่องจบ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด แต่ถ้ายังไม่จบก็พร้อมดำเนินคดีทางกฎหมาย
6 ก.พ.
ไฮโซตั๋มแฉซ้ำอีกรอบ คราวนี้เป็นการให้สัมภาษณ์ในกับ ASTV ผู้จัดการ ยืนยันว่าเลิกกับรองอั๋นเพราะเงินจริงๆ พร้อมย้อนลำดับความสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นยันจบ เริ่มจากติดตามกันผ่านไอจี ก่อนที่ฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายทักทายมาทางโปรแกรมข้อความ จนเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ จนผ่านไปประมาณ 5-6 เดือน จึงเริ่มมีการไปไหนกันสองต่อสอง และพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมาตามลำดับ ถึงขนาดเตรียมโครงการจะแต่งงานอยู่รอมร่อ
จนเมื่อมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ฝ่ายชายจึงเริ่มหายหน้าไป เธอยอมรับอย่างไม่อายใครว่า ถึงวันนี้รู้สึกเสียดาย ว่าน่าจะให้เขายืมเงินไป จะได้ไม่มีเรื่อง และไม่แคร์แม้จะถูกมองว่า “โง่” ที่ยอมให้เขาได้ทุกอย่าง
แต่ฟางเส้นสุดท้ายจริงๆ ที่ทำให้ทั้งคู่เลิกรากัน ก็เมื่อมีเพื่อนของเธอไปเห็นฝ่ายชายเดินกับผู้หญิงคนอื่น
พร้อมกันนั้นก็เปิดใจแบบไม่ปกปิดว่า ครอบครัวฝ่ายชายมีการเช็กทรัพย์สินของครอบครัวเธอด้วยว่ามีมากน้อยเพียงใด ย้ำว่าบ้านฝ่ายชายไม่ได้มีฐานะ แต่ครอบครัวของเธอก็ไม่เคยนึกรังเกียจ
“เขาเคยสอนเพื่อนตั๋มคนหนึ่งว่า ผู้หญิงที่อายุเท่ากับตั๋มคือวัย 30 กว่าๆ ข้อดีไม่ใช่ความสาว ไม่ใช่ความเด็กอีกแล้ว แต่ข้อดีข้อเด่นคือ “ความรวย” ดังนั้น ถ้าจะคิดเอาชนะใจผู้ชาย ก็ต้องรู้จักใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ พอฟังเขาสอนเพื่อนตั๋ม ก็ยังคิดว่าเขาก็คงจะคิดอย่างนี้กับตั๋มเหมือนกัน
ตอนแรกก็เสียใจนะคะ คิดว่าทำไมไม่ให้เขายืม จะได้ไม่มีเรื่อง แต่พอมีเรื่องผู้หญิงเข้ามา ก็คิดว่าไปเถอะ คิดว่าถ้าเขาสามารถหาผู้หญิงที่ยอมเขา หรือให้ทุกอย่างได้มากเท่าตั๋มก็ไปเถอะ แต่ตั๋มมั่นใจว่าคงไม่มีหรอก”
16 ก.พ.
นับเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของตัวละครอีกตัวหนึ่ง นั่นก็คือ “หมอแอร์”-พ.ต.ท.หญิง พญ. อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล” ที่พาทนายความเข้าแจ้งความกรณี ผู้ใช้นามแฝง Tum Leenutaphong โพสต์ข้อความในสื่อออนไลน์ และให้สัมภาษณ์ในเชิงดูหมิ่นให้ร้ายเรื่องส่วนตัว โดยการกล่าวหาว่าเธอไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับแฟนของอีกฝ่าย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จนมีผลกระทบต่อครอบครัวและหน้าที่การงาน
เรื่องดูเหมือนจะเงียบๆ ไป ทว่าหลังจากผ่านเวลาไปราว 1 เดือน มหากาพย์ภาคต่อก็กลับประทุขึ้นมาอีกครั้ง
15 มี.ค.
หมอแอร์นัดหมายสื่อมวลชนไปรับฟังการแถลงข่าว เรื่องที่ถูกคุกคาม และเตรียมดำเนินคดีกับไฮโซตั๋ม ที่โจมตีและกล่าวหาตัวเอง รวมถึงพาดพิงไปถึงกิจการที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กิจการเชิงเปรียบเทียบผลที่ได้รับจากการมาใช้บริการที่คลินิก ตลอดจนติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามข้อมูล หรือเข้ามาที่คลินิก เพื่อขอดูใบอนุญาต ที่สุดจึงต้องตัดสินใจถอนหุ้นทั้งหมด 95% ออกจากเดอะแอร์คลินิก เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด
เรื่องมันเข้มข้นขึ้นเมื่อระหว่างที่หมอแอร์กำลังแถลงข่าวอยู่ดีๆ นั่นเอง จู่ๆ ไฮโซตั๋มก็บุกเข้ามาที่คลินิก อารมณ์เหมือนตอนคุณนายนพนภาบุกไปราวีมุตตาถึงกระทรวงในเรื่อง “แรงเงา” เพียงแต่งานนี้ไม่มีการตบตีลงไม้ลงมือกัน มีเพียงการห้ำหั่นทางสายตา โดยไฮโซตั๋มยืนยันว่าตัวเองกับรองอั๋นนั้นมีการหมั้นกันจริง ไม่ได้มโนไปเองเหมือนอย่างที่กล่าวหา ยอมรับว่าเป็นคนโพสต์ข้อความทุกอย่างเองกับมือ ไม่กลัวเรื่องการฟ้องร้อง เพราะทุกอย่างที่โพสต์คือเรื่องจริงล้วนๆ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการเหน็บกลับอีกฝ่ายว่าที่แถลงข่าวที่คลินิกก็เพราะอยากสร้างกระแสโปรโมตกิจการเท่านั้นเอง
เมื่อปะทะกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ การแถลงข่าวจึงต้องยุติไปโดยปริยาย
ถัดมาฟากไฮโซตั๋ม ก็จัดหนักจัดเต็มอีกครั้ง โดยการโพสต์ข้อความแบบดุเดือดเลือดพล่านผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Vitchuda Leenutaphong ว่า
"ขอแชร์อีกที ขี้เกียจอธิบายซ้ำ ถ้าตั๋มไม่ไปวันนี้มันจะแถลงว่าตั๋มไปคุกคามมัน (อย่าเอาเรื่องขายหุ้นมาอ้าง แกเชิญนักข่าวสายอาชญากรรม) ใครจะทนให้มันตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จรอบสอง อุตส่าห์ไปถึงที่ มีอะไรก็พูดมาเลย เอะอะเชิญนักข่าว นักข่าวเค้าไม่ได้มีเรื่องกับแก เชิญมาทุกวันก็ไม่เคลียร์หรอกอีบ้า อีพวกที่บอกว่าตั๋มผิดเนี่ย ใช้หัวแม่เท้าคิดหรอคะ ตั๋มโดนแมงดาหลอกมาเกือบสองปี เกือบจะแต่งงานกันอยู่แล้ว (พวกที่หาว่าไม่จริง ผู้ชายไม่เคยมาขอ เชิญกลับไปดูข่าวตามหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ, เดลินิวส์, คมชัดลึก และสัมภาษณ์คู่กันได้ในหนังสือ WE เล่มเดือนพฤศจิกาฯ ปีที่แล้วนะคะ) พอตั๋มไม่ให้ยืมเงิน อีแมงดามันก็โกรธ ก่อนจะโกรธก็แอบมีชู้กับอีเหี่ยวแอ๊บแบ๊ว แค่นี้ไม่พอ มันสองคนยังรวมหัวกันให้อีเหี่ยวไปแจ้งความฟ้องตั๋ม ว่าทำมันอับอายเสียชื่อเสียง ถ้าอายจริงเชิญสื่อไปดูตัวเองฟ้องทำไมคะ ไปฟ้องเงียบ ๆ ให้สมกับที่บอกว่าอายสิคะ คนส่วนมากรู้เรื่องอีเหี่ยวก็เพราะจากข่าวที่มันไปฟ้องนั่นแหละค่ะ ปากว่าตาขยิบชัดๆ อีแมงดาอ่ะมันไม่ได้คิดจะเลิกกับตั๋มหรอกค่ะ มันแค่ได้ใจที่เห็นตั๋มรู้สึกผิด ตามง้อมัน คนอย่างมันอ่ะกะตกถังข้าวสารค่ะ เพื่อนมันบอกเอง แต่ที่เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้เพราะเพื่อนตั๋มเจอมันสองคนไปกินไอติมด้วยกันที่เมกาบางนา แล้วถ่ายรูปมาให้ดู ตั๋มเลยโพสต์ขึ้นเฟซบุ๊ก เป็นจุดที่ทำให้กลายเป็นข่าวใหญ่
ส่วนอีพวกที่บอกว่าตั๋มไม่จบ ก็ไม่จบอ่ะค่ะจนกว่าจะพอใจ มันหาเรื่องแล้วคิดจะลอยนวล ? อย่าหวังค่ะ แล้วสุดท้ายอีพวกที่บอกให้ตั๋มให้อภัยเนี่ยนะคะ ถ้ามันไม่สาระแนไปแจ้งความ ตั๋มก็ไม่ได้พูดหรือโพสต์ถึงมันแล้วนะคะ นี่มันวอนหาเรื่องใส่ตัว ทำตั๋มไม่พอ ทำพ่อแม่ตั๋มด้วย แม่ตั๋มถึงขนาดนอนไม่หลับ รอให้มันไปทำกะพ่อแม่พวกคุณก่อนนะคะ แล้วคุณค่อยให้อภัยมัน เรื่องแบบนี้ไม่เจอเองไม่เข้าใจ อย่ามาตัดสินว่าตั๋มร้ายหรือตั๋มเลว บอกเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นที่มีสถานะทางสังคมแบบตั๋ม ป่านนี้มันสองคนไม่มีที่ยืนแล้วค่ะ ส่วนอีพวกที่มาคอมเม้นต์ว่าไร้สาระ ทำไมไม่จบซะที ก็อย่ามาอ่านสิคะ ไม่ได้เชิญ #อย่าโง่มากขอร้อง #อธิบายทุกวันฉันเหนื่อย"
ยัง ยัง เรื่องยังไม่จบง่ายๆ เพราะถัดจากนั้นก็มีคำแถลงการณ์จากปากของฝ่ายชาย ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Aun Pol ชี้แจงเรื่องราวรักซ้อนซ่อนเงื่อนอีกครั้ง ว่า
“การที่ไม่ตอบโต้ หรือ การนิ่งเงียบ เป็นการให้เกียรติกับทุกฝ่ายในความคิดของผม แต่มาถึงตอนนี้ ยังมีประเด็นที่เข้าใจผิดในเรื่องเดิมซ้ำๆ ดังนั้น ผมขอชี้แจง ข้อมูลจริงที่สำคัญ จะได้ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และมีการโต้เถียงกันนะครับ
1. การยุติความสัมพันธ์เป็นเรื่องของคน 2 คน และสาเหตุจริงๆ คืออะไร ขอให้เป็นเรื่องสำหรับคน 2 คน แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเงินตามที่ถูกกล่าวหา ตลอดระยะเวลาที่คบกันไม่เคยเอาเปรียบ หรือหลอกลวงใดๆ คบกันตามปกติ ต่างฝ่ายต่างหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้กัน มีการพูดคุยกันถึงเรื่องอนาคต ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่คบหากัน แต่ได้ยุติความสัมพันธ์ไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้หมั้นหมาย และผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้เจอกัน
2. การที่ยุติความสัมพันธ์ ไม่มีประเด็นมือที่สาม คุณหมอแอร์คือเพื่อนร่วมงาน ที่ได้รับมอบหมายซึ่งต้องทำงานด้วยกันบ่อยครั้ง โดยผมถือโอกาสปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และได้รับการแนะนำ ชี้แนะจากทางคุณหมอแอร์ ซึ่งมีการพบปะพูดคุยกับคุณหมอแอร์ และทีมงานที่มีความรู้เรื่องนี้จริงครับ แค่ไม่กี่ครั้งในที่สาธารณะ เพื่อนและคนใกล้ชิดทราบดี ทั่วกันว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์นอกเหนือจากเพื่อนร่วมงาน ทุกวันนี้ก็ยังอยู่คนเดียว ไม่ได้คบกับใคร ท้าให้พิสูจน์ได้เลยครับ
ความจริงก็คือความจริง ที่ผ่านมาอาจมีการเข้าใจผิดกันจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตาม สิ่งใดที่ทำไปทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา แล้วทำให้ท่านใดเสียหายเดือดร้อน ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ผมตลอดมานะครับ”
เรื่องดำเนินมาถึงตอนที่มีดาราสมทบฝ่ายชายเข้ามาเพิ่มความเข้มข้น เมื่อนักเล่าข่าวคนดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” แห่งเรื่องเล่าเช้านี้ หยิบประเด็นเรื่องนี้มาพูดในรายการ พร้อมตบท้ายว่า “ยาวฮะท่านผู้ชมฮะ อ่านเหนื่อยอะ”
เท่านั้นเอง ก็ทำเอาไฮโซตั๋มทะลุจุดเดือดขึ้นมาทันที ก่อนที่ข้อความดังต่อไปนี้จะถูกโพสต์ตามมา
“คุณสรยุทธคะ ถ้าคุณจะบอกว่าดิฉันเขียนอะไรยาวขี้เกียจอ่าน ก็ไม่ต้องเอาข่าวดิฉันไปออกรายการคุณก็ได้นะคะ คุณมันพวกเสื้อแดง อิคนที่มีเรื่องกับดิฉันก็เสื้อแดง ดิฉันไม่ได้อยากให้คุณพูดถึงดิฉันเลย พูดไปพวกคุณก็เข้าข้างกันเอง สื่อใหญ่คนดูเยอะแล้วไงคะ ไม่ใช่พ่อใช่แม่ ต้องแคร์ปะ”
18 มี.ค.
ไฮโซตั๋มเดินทางมาที่สำนักงาน ASTV ผู้จัดการ เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับกรณีพิพาทที่กำลังถูกจับตามองจากสังคม ในประเด็นที่หลายคนคาใจว่า ไฉนเลยอยู่ดีๆ ถึงได้หาญกล้าบุกเข้าไปถึงคลินิกของอีกฝ่ายขณะแถลงข่าว
“จริงๆ รู้ตั้งแต่ตอนกลางคืนว่าจะมีการแถลงข่าว ตอนแรกไม่คิดจะไปเลย แต่พอลองปรึกษากับทนาย ทางทนายแนะนำว่าควรจะไป ไม่งั้นทางนั้นก็จะพูดอยู่ฝ่ายเดียว แล้วเรื่องก็จะกลายเป็นเหมือนว่าเขาถูกรังแก แต่ว่าไปแล้วก็ต้องควบคุมตัวเองให้ดี
อยากให้ทุกคนพิจารณาถึงต้นเหตุจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั๋มถูกหลอก ถูกคบซ้อน ลำพังเป็นผู้หญิงเจอเรื่องแบบนี้ก็เจ็บปวดพอแล้ว แต่นี่ยังจะมีการไปแจ้งความ แจ้งความเพื่อ ? แถลงข่าวเพื่อ ? ทั้งที่เรื่องเงียบไปเป็นเดือนแล้ว หลายคนก็พูดเตือนเหมือนกันว่าเขาอาจจะตั้งใจฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายกับคลินิกของเขา แต่ตั๋มต้องแคร์มั้ย ? แค่อยากให้ทุกคนพิจารณาว่าใครพูดจริง ใครโกหก อย่าโลกสวยอย่างเดียว คนที่พูดความจริง ต่อให้กี่ครั้งก็พูดเหมือนเดิม แต่เรื่องนี้ฝ่ายผู้ชายเองก็ตอบไม่เหมือนกันสักครั้ง ครั้งแรกบอกว่าเลิกกับตั๋มเพราะว่าทนพฤติกรรม่ไม่ได้ อีกครั้งบอกว่าเลิกเพราะโดนหลอก แต่ก็ไม่บอกว่าโดนหลอกว่าจะให้ยืมเงิน แล้วไม่ให้ ตอนนี้ศักดิ์ศรีของเขาก็ไม่มีเหลือแล้ว น่าจะใส่กระโปรงตำรวจผู้หญิงไปทำงานแทน ส่วนฝ่ายหญิง ก็บอกว่าไม่รู้จักตั๋ม ไม่รู้จักแล้วไปแจ้งความได้ยังไงคะ จริงๆ ตั๋มรู้เรื่องของผู้หญิงคนนี้เยอะมากนะคะ เพราะได้คุยกับภรรยาใหม่ของอดีตสามีของเขา ที่ตอนนี้กำลังท้องแก่ แต่ที่ตั๋มยังไม่ออกมาพูด เพราะถูกขอไว้ว่ารอให้เขาคลอดลูกก่อนได้มั้ย”
พร้อมกับพูดถึงบทสรุป (ที่ยังไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่) ว่า เรื่องนี้จะจบก็ต่อเมื่อ....
“ถ้าเขาจบ ตั๋มก็จบค่ะ คือถ้ามีการออกมาขอโทษออกสื่อ เหมือนกับตอนแถลงข่าว ตั๋มก็พร้อมจะจบ และยินดีที่จะลบข้อความ ลบอะไรทุกอย่างออก”
ตรงกันข้าม ถ้าเรื่องนี้ยังไม่จบ.....
“ก็เตรียมรับจดหมายร้องเรียนได้เลยค่ะ เพราะเขาเป็นข้าราชการ ถ้ามีการร้องเรียนว่าทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ว่าจะถูก หรือผิด ก็จะต้องถูกสอบสวน และก็มีผลเกี่ยวกับอนาคตทางราชการด้วย”
ก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่า ฉากสุดท้ายของรัก-สาม-แซ่บ ครั้งนี้ จะจบแบบไหน และเมื่อไหร่ ?
ล้อมกรอบ
ชื่อ : นางสาว วิชชุดา ลีนุตพงษ์
ชื่อเล่น : ตั๋ม
เกิดวันที่ 16 มีนาคม
บิดา : นายวิเชียร ลีนุตพงษ์
มารดา : นางพฤทธิดา ลีนุตพงษ์
ครอบครัว : มีพี่น้อง 2 คนเป็นคนโต มีน้องชาย 1 คน
การศึกษา
- โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษ
- มัธยมศึกษา โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
- ปริญญาตรี Social Work จาก Seattle University ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ปริญญาโท ด้าน Teaching English for non-English Speakers Seattle University ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ปริญญาเอก Social Work ทางออนไลน์ที่ Capella University และด้านสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยซีแอตเติล จากสหรัฐอเมริกา
ตำแหน่งหน้าที่การทำงาน
- กรรมการผู้จัดการ เอสแอล อินเตอร์เนชั่นแนล ออโตโมบิลส์ รับผิดชอบดูแลงานพีอาร์กับมาร์เก็ตติ้ง จัดงานอีเวนต์และออกงานมอเตอร์โชว์
- ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ชื่อ : พันตำรวจโทหญิง แพทย์หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล
ชื่อเล่น : แอร์
เกิดวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2521 ที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ อายุ 36 ปี
บิดา : กิมจิว ธีระวงศ์ไพศาล อดีตกำนันตำบลปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
มารดา : วิภาวรรณ ธีระวงศ์ไพศาล ( นายกเทศมนตรี )
ครอบครัว : พี่น้อง 6 คน เป็นลูกสาวคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้องหญิง 5 ชาย 1
การศึกษา
- ประถมศึกษา จากที่โรงเรียนวาณิชย์นุกูล
- มัธยมศึกษา จากโรงเรียนสิรินธร จังหวัดสุรินทร์
- ปริญญาตรี แพทยศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น 3 ปี แล้วต่อด้านจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นที่แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล 2 ปี
ตำแหน่งหน้าที่การทำงาน
พีธีกร, อาจารย์พิเศษ, แพทย์
2550 พิธีกรรายการ Love Life Idol ทางช่อง ITV
2550-ปัจจุบัน พิธีกรรายการ Club X ทางช่อง 3
2550-ปัจจุบัน พิธีกรรายการ สบาย@night ทางช่อง 9
2553-ปัจจุบัน จิตแพทย์ประจำรายการ อมยิ้ม ทางช่อง 3 ร่วมกับ ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
2553-ปัจจุบัน พิธีกรรายการ คนละดาวเดียวกัน ทางไทยพีบีเอส
2555 - ละครขุนศึก ทางช่อง 3
2557 - ละครเทิดพระเกียรติแผ่นดินทอง ทางช่อง NBT คู่กับ พันตำรวจโทจตุรวิทย์ คชน่วม
อาจารย์พิเศษ
2549 สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรุงเทพมหานคร
2550 อาจารย์พิเศษ วิทยาลัยการแพทย์และการสาธารณสุข สิรินธร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2553 อาจารย์ รายวิชาจิตวิทยาในชีวิตประจำวัน คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสยาม
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 281 21-27 มีนาคม 2558