นครปฐม - “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เขียนลงเฟซบุ๊กถึง “มหาเถรสมาคม” ทันทีหลังออกมายืนยัน “ธัมมชโย” พ้นผิดปาราชิกจากลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ระบุจรรยาบรรณพระสังฆาธิการ ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ความผิดฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย ความผิดฐานทำลายศรัทธาไทยที่มีต่อมหาเถรสมาคม ทั้งหมดนี้คือความผิดของกรรมการมหาเถรสมาคมที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน พร้อมปลุกมวลมหาประชาชนเดินหน้าเข้าวัดปากน้าภาษีเจริญบ่ายโมงพรุ่งนี้ (21 ก.พ.)
วันนี้ (20 ก.พ.) หลังจากคณะมหาเถรสมาคม (มส.) ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย พ้นผิดปาราชิกจากลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 ที่ให้ลิขิตว่า พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ
หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ถนนมาลัยแมน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ก็ได้ตั้งคำถามหาความรับผิดชอบจาก มส.ลงในเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/buddha.isara ทันที โดยมีเนื้อหาดังนี้
เห็นพระลิขิตของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ไม่รู้ว่ามหาเถรสมาคมจะรับผิดชอบอย่างไร
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ที่จริงพระลิขิตนี้มีมาตั้งแต่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๒ แต่เพราะอำนาจการเมือง อำนาจเงิน อำนาจประชาธิปไตยแบบพวกกูมาก ใครกล้าหือ เลยทำให้อลัชชีภัยร้ายอย่างธรรมชโยกลายเป็นอมตะยืนยง ยังคงทำร้ายพระพุทธศาสนาได้อยู่ทุกวันนี้ หากจะถามฉันว่า ธรรมกายผิดอย่างไร
- ผิดที่ทำลายศรัทธาพุทธศาสนิกชน ที่มีความเคารพยอมรับในพระไตรปิฎกมาอย่างยาวนาน โดยสำนักธรรมกายมีคำสอนว่า เนื้อหาที่ปรากฏในพระไตรปิฎกผิดเพี้ยน ไม่ตรงต่อพุทธวจนะ ทั้งที่พระไตรปิฎกเป็นหลักการเดียวที่พระอรหันต์ขีณาสพเป็นผู้รวบรวม เรียบเรียงเอาไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาของพุทธบริษัท และส่งมอบต่อๆ กันมาเป็นเวลา ๒,๐๐๐ กว่าปี ซึ่งมีทั้งภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาเยอรมัน และภาษาอื่นๆ จนแพร่หลายไปทั่วโลก ผู้คนพากันปฏิบัติตามจนได้รับผลสมควรแก่ผู้ปฏิบัติ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเนื้อหาในพระไตรปิฎกเป็นของจริง แต่สำนักธรรมกายกลับสอนว่า พระไตรปิฎกผิดเพี้ยน
- ยกตนอยู่เหนือพระบรมศาสดา สำนักนี้มีคำสอนที่สังคมพุทธผู้มีปัญญายอมรับไม่ได้ เช่น สอนว่า พระพุทธเจ้าสมณโคดม แย่งพระศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัสรู้ โดยอ้างว่าทั้งสององค์เป็นพี่น้องกัน เรียกว่าน้องชายซุกซน อยากใหญ่ใฝ่สูง เลยแย่งพี่ลงมาเกิดเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน อันนี้ถ้าใครอยากรู้ ให้ไปเปิดดูคำสอนเก่าๆ ที่พ่อยอดชาย นายธัมมชโยเค้าสอนไว้
- พระนิพพานเป็นอัตตา นายธัมมชโย สอนว่า นิพพานเป็นอัตตา มิใช่อนัตตาอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ พระพุทธองค์ทรงสอนว่า หากผู้มีดวงตาเห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งการเกิดทุกข์ ว่าทุกข์ทั้งหลายล้วนได้มาจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ชาติ ภพ หากจะดับทุกข์ ต้องดับความโง่ ต้องรู้ว่าตัณหา ความทะยานอยาก ทำให้เราต้องขวนขวายแสวงหาสิ่งที่ตนอยาก เมื่อได้มาก็ต้องหวงแหน ผูกพัน ยึดถือ เรียกว่าอุปาทาน โดยอาศัยความตระหนี่ ความอิจฉา ความไม่รู้จริง ความหลง เป็นเหตุทำให้ตนต้องตกอยู่ในวังวนแห่งภพ ชาติ ชรา มรณะ พยาธิ นี่เรียกว่าทางดับทุกข์ เมื่อใดที่มีสติปัญญาทำให้พันธนาการทั้งหลายทั้งในฝ่ายกุศล อกุศล หมดไป เป็นการทำลายเหตุปัจจัยของทุกข์จากการเกิด เมื่อไม่มีเหตุปัจจัยใดๆ มาครอบงำปรุงแต่ง ทั้งภายในและภายนอกซึ่งล้วนมีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน เช่นนี้เรียกว่าข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับ ความหลุดพ้นดับเย็นจักพึงบังเกิดขึ้น เช่นนี้จึงเรียกว่านิพพานที่เป็นคำอธิบายแบบย่อ ฉะนั้นนิพพานจึงเป็นสภาวะอนัตตาธรรม มิใช่อัตตาธรรมอย่างที่สำนักธรรมกายสั่งสอนกัน
- ที่ใดๆ ก็ไม่สามารถถวายข้าว และอาหารพระพุทธเจ้าได้ นอกจากที่วัดธรรมกาย และยอดชายนายธัมมชโยเท่านั้น ที่สามารถถวายข้าวได้แต่เพียงผู้เดียว ตามด้วยจัดให้มีการทำอีเวนต์ถวายข้าวพระพุทธเจ้า หาเงินเข้ากระเป๋ากันเป็นล่ำเป็นสัน
- บุญดิลิเวอรี บริการรีดไถ เช่น เอาบุญ เอาความกลัว ความโลภของผู้คนมาเป็นเครื่องมือ โดยให้บริวารโทรไปรีดไถบรรดาผู้ศรัทธาให้บริจาคเงินต่อยอดบุญเป็นรายเดือน หากเดือนไหนไม่ได้จ่าย จะมีลิ่วล้อบริวารของสำนักนี้โทร.ไปทวงว่า “คุณพี่ครับ เดือนนี้ยังไม่บริจาคต่อยอดบุญเลย หากขาดต่อเดี๋ยวเสียประโยชน์ที่ควรจะได้ และอาจมีเหตุการณ์เลวร้ายไม่ดีใดๆ เกิดขึ้น” เอาล่ะสิ ขี้ขึ้นสมองแล้ว กลัวจน กลัวเจ็บ กลัวตาย แม้ไม่มีก็ต้องลงทุนไปหยิบยืมเขามาบริจาค จนบางรายต้องหมดเนื้อหมดตัว แถมตามมาด้วยเป็นหนี้บุญที่ต้องพยายามหาเงินมาผ่อนบุญให้สำนักนี้อีก บางรายเป็นหนี้บุญจนเครียดฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็สิ้นเนื้อประดาตัว ผัวเมียทะเลาะกัน พ่อแม่ลูกต้องแยกทาง เพราะสมาชิกในครอบครัวลุ่มหลงมัวเมาในลัทธิของอลัชชีนี้ จนถึงขนาดขายบ้านขายช่องเพื่อนำเงินมาบริจาค
- เมื่อได้เงินมา พ่อยอดชายนายธัมมชโยก็นำไปซื้อที่ดิน ซื้อหุ้น ซื้อทอง และธนบัตรในชื่อของตนอย่างมหาศาล ด้วยเจตนายักยอกเงินวัด จนนำมาซึ่งพระลิขิตเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้คืนทรัพย์สินทั้งหมดแก่วัด และให้พ้นจากความเป็นพระ เพราะต้องอาบัติปาราชิกด้วยข้อหายักยอกทรัพย์
- ใช้เงินที่ชาวบ้านบริจาคด้วยจิตศรัทธานำไปซื้อตำแหน่ง ยศศักดิ์ และลบล้างความผิดของตน ด้วยการทุ่มเงินซื้อบุคคลในคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ จนนำมาซึ่งตนพ้นผิด แม้จะมีลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชค้ำคอยืนยันว่าพ้นจากความเป็นพระแล้วก็ตาม
เหล่านี้คือข้อหาความผิดพลาดของสำนักวัดพระธรรมกาย ซึ่งกระทำโดยนายธัมมชโย และพวก จำเป็นที่สังคมควรจะต้องรู้ พร้อมกันช่วยแก้ไขเปลี่ยนแปลง เริ่มจากความผิดของมหาเถรสมาคมที่ละเลย ละเว้น ไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ทั้งที่เป็นกฎหมาย เป็นอำนาจที่มีกฎหมายรองรับ เมื่อมีพระลิขิต หรือคำสั่งออกมาให้จัดการต่อ นายธัมมชโย ว่าพ้นจากความเป็นพระเพราะต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว แทนที่มหาเถรสมาคมมจะใช้อำนาจบังคับจับนายธัมมชโยสึก กลับปล่อยปละละเลย ละเว้น นอกจากจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสมเด็จพระสังฆราชแล้ว แถมด้วยยังสนับสนุน ส่งเสริมให้นายธัมมชโย และสำนักนี้ยิ่งใหญ่ ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์สูงขึ้นอีกต่างหาก งานนี้ถ้ามหาเถรสมาคมยังนิ่งเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน คงจะต้องหันมาพิจารณาโทษของบรรดากรรมการมหาเถรสมาคมกันหน่อยแล้ว อาจจะมีคนตามเฮียเหนาะแห่งวัดสระเกศไปกันบ้าง ๑๕ ปีแล้วนะ ที่มหาเถรสมาคมทำตัวเป็นสากกะเบือไม่รู้รสพริก หากงานนี้รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเขาตั้งใจจะชำระสังฆมณฑลให้สะอาดปราศจากสิ่งปฏิกูลแล้ว องค์กรปกครองสงฆ์ยังจะทำมัวเมาปกป้องกันอยู่ เดี๋ยวได้เห็นพุทธะอิสระออกไปถือป้ายประท้วงหน้ามหาเถรสมาคม เพื่อกล่าวโทษมหาเถระเสียเองในฐานความผิดที่ว่า
ความผิดฐานละเมิดจรรยาบรรณพระสังฆาธิการ
ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ความผิดฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย
ความผิดฐานทำลายศรัทธาไทยที่มีต่อมหาเถรสมาคม
ทั้งหมดนี้คือความผิดของกรรมการมหาเถรสมาคมที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
พุทธะอิสระ
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธอิสระ ยังได้ประชาสัมพันธ์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กของตนเองด้วยว่า สำหรับเรื่องนี้หลวงปู่พุทธอิสระ ขอเชิญเหล่าพี่น้องผู้มีใจรัก และศรัทธาในพระธรรมวินัยมาร่วมทำบุญ ณ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ในวันพรุ่งนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 13.00 น. โดยคาดว่าจะมีการนำเรื่องประเด็นนี้มาถกกันในวัดปากน้ำภาษีเจริญต่อไป
วันนี้ (20 ก.พ.) หลังจากคณะมหาเถรสมาคม (มส.) ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย พ้นผิดปาราชิกจากลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 ที่ให้ลิขิตว่า พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ
หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ถนนมาลัยแมน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ก็ได้ตั้งคำถามหาความรับผิดชอบจาก มส.ลงในเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/buddha.isara ทันที โดยมีเนื้อหาดังนี้
เห็นพระลิขิตของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ไม่รู้ว่ามหาเถรสมาคมจะรับผิดชอบอย่างไร
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ที่จริงพระลิขิตนี้มีมาตั้งแต่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๒ แต่เพราะอำนาจการเมือง อำนาจเงิน อำนาจประชาธิปไตยแบบพวกกูมาก ใครกล้าหือ เลยทำให้อลัชชีภัยร้ายอย่างธรรมชโยกลายเป็นอมตะยืนยง ยังคงทำร้ายพระพุทธศาสนาได้อยู่ทุกวันนี้ หากจะถามฉันว่า ธรรมกายผิดอย่างไร
- ผิดที่ทำลายศรัทธาพุทธศาสนิกชน ที่มีความเคารพยอมรับในพระไตรปิฎกมาอย่างยาวนาน โดยสำนักธรรมกายมีคำสอนว่า เนื้อหาที่ปรากฏในพระไตรปิฎกผิดเพี้ยน ไม่ตรงต่อพุทธวจนะ ทั้งที่พระไตรปิฎกเป็นหลักการเดียวที่พระอรหันต์ขีณาสพเป็นผู้รวบรวม เรียบเรียงเอาไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาของพุทธบริษัท และส่งมอบต่อๆ กันมาเป็นเวลา ๒,๐๐๐ กว่าปี ซึ่งมีทั้งภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาเยอรมัน และภาษาอื่นๆ จนแพร่หลายไปทั่วโลก ผู้คนพากันปฏิบัติตามจนได้รับผลสมควรแก่ผู้ปฏิบัติ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเนื้อหาในพระไตรปิฎกเป็นของจริง แต่สำนักธรรมกายกลับสอนว่า พระไตรปิฎกผิดเพี้ยน
- ยกตนอยู่เหนือพระบรมศาสดา สำนักนี้มีคำสอนที่สังคมพุทธผู้มีปัญญายอมรับไม่ได้ เช่น สอนว่า พระพุทธเจ้าสมณโคดม แย่งพระศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัสรู้ โดยอ้างว่าทั้งสององค์เป็นพี่น้องกัน เรียกว่าน้องชายซุกซน อยากใหญ่ใฝ่สูง เลยแย่งพี่ลงมาเกิดเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน อันนี้ถ้าใครอยากรู้ ให้ไปเปิดดูคำสอนเก่าๆ ที่พ่อยอดชาย นายธัมมชโยเค้าสอนไว้
- พระนิพพานเป็นอัตตา นายธัมมชโย สอนว่า นิพพานเป็นอัตตา มิใช่อนัตตาอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ พระพุทธองค์ทรงสอนว่า หากผู้มีดวงตาเห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งการเกิดทุกข์ ว่าทุกข์ทั้งหลายล้วนได้มาจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ชาติ ภพ หากจะดับทุกข์ ต้องดับความโง่ ต้องรู้ว่าตัณหา ความทะยานอยาก ทำให้เราต้องขวนขวายแสวงหาสิ่งที่ตนอยาก เมื่อได้มาก็ต้องหวงแหน ผูกพัน ยึดถือ เรียกว่าอุปาทาน โดยอาศัยความตระหนี่ ความอิจฉา ความไม่รู้จริง ความหลง เป็นเหตุทำให้ตนต้องตกอยู่ในวังวนแห่งภพ ชาติ ชรา มรณะ พยาธิ นี่เรียกว่าทางดับทุกข์ เมื่อใดที่มีสติปัญญาทำให้พันธนาการทั้งหลายทั้งในฝ่ายกุศล อกุศล หมดไป เป็นการทำลายเหตุปัจจัยของทุกข์จากการเกิด เมื่อไม่มีเหตุปัจจัยใดๆ มาครอบงำปรุงแต่ง ทั้งภายในและภายนอกซึ่งล้วนมีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน เช่นนี้เรียกว่าข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับ ความหลุดพ้นดับเย็นจักพึงบังเกิดขึ้น เช่นนี้จึงเรียกว่านิพพานที่เป็นคำอธิบายแบบย่อ ฉะนั้นนิพพานจึงเป็นสภาวะอนัตตาธรรม มิใช่อัตตาธรรมอย่างที่สำนักธรรมกายสั่งสอนกัน
- ที่ใดๆ ก็ไม่สามารถถวายข้าว และอาหารพระพุทธเจ้าได้ นอกจากที่วัดธรรมกาย และยอดชายนายธัมมชโยเท่านั้น ที่สามารถถวายข้าวได้แต่เพียงผู้เดียว ตามด้วยจัดให้มีการทำอีเวนต์ถวายข้าวพระพุทธเจ้า หาเงินเข้ากระเป๋ากันเป็นล่ำเป็นสัน
- บุญดิลิเวอรี บริการรีดไถ เช่น เอาบุญ เอาความกลัว ความโลภของผู้คนมาเป็นเครื่องมือ โดยให้บริวารโทรไปรีดไถบรรดาผู้ศรัทธาให้บริจาคเงินต่อยอดบุญเป็นรายเดือน หากเดือนไหนไม่ได้จ่าย จะมีลิ่วล้อบริวารของสำนักนี้โทร.ไปทวงว่า “คุณพี่ครับ เดือนนี้ยังไม่บริจาคต่อยอดบุญเลย หากขาดต่อเดี๋ยวเสียประโยชน์ที่ควรจะได้ และอาจมีเหตุการณ์เลวร้ายไม่ดีใดๆ เกิดขึ้น” เอาล่ะสิ ขี้ขึ้นสมองแล้ว กลัวจน กลัวเจ็บ กลัวตาย แม้ไม่มีก็ต้องลงทุนไปหยิบยืมเขามาบริจาค จนบางรายต้องหมดเนื้อหมดตัว แถมตามมาด้วยเป็นหนี้บุญที่ต้องพยายามหาเงินมาผ่อนบุญให้สำนักนี้อีก บางรายเป็นหนี้บุญจนเครียดฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็สิ้นเนื้อประดาตัว ผัวเมียทะเลาะกัน พ่อแม่ลูกต้องแยกทาง เพราะสมาชิกในครอบครัวลุ่มหลงมัวเมาในลัทธิของอลัชชีนี้ จนถึงขนาดขายบ้านขายช่องเพื่อนำเงินมาบริจาค
- เมื่อได้เงินมา พ่อยอดชายนายธัมมชโยก็นำไปซื้อที่ดิน ซื้อหุ้น ซื้อทอง และธนบัตรในชื่อของตนอย่างมหาศาล ด้วยเจตนายักยอกเงินวัด จนนำมาซึ่งพระลิขิตเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้คืนทรัพย์สินทั้งหมดแก่วัด และให้พ้นจากความเป็นพระ เพราะต้องอาบัติปาราชิกด้วยข้อหายักยอกทรัพย์
- ใช้เงินที่ชาวบ้านบริจาคด้วยจิตศรัทธานำไปซื้อตำแหน่ง ยศศักดิ์ และลบล้างความผิดของตน ด้วยการทุ่มเงินซื้อบุคคลในคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ จนนำมาซึ่งตนพ้นผิด แม้จะมีลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชค้ำคอยืนยันว่าพ้นจากความเป็นพระแล้วก็ตาม
เหล่านี้คือข้อหาความผิดพลาดของสำนักวัดพระธรรมกาย ซึ่งกระทำโดยนายธัมมชโย และพวก จำเป็นที่สังคมควรจะต้องรู้ พร้อมกันช่วยแก้ไขเปลี่ยนแปลง เริ่มจากความผิดของมหาเถรสมาคมที่ละเลย ละเว้น ไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ทั้งที่เป็นกฎหมาย เป็นอำนาจที่มีกฎหมายรองรับ เมื่อมีพระลิขิต หรือคำสั่งออกมาให้จัดการต่อ นายธัมมชโย ว่าพ้นจากความเป็นพระเพราะต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว แทนที่มหาเถรสมาคมมจะใช้อำนาจบังคับจับนายธัมมชโยสึก กลับปล่อยปละละเลย ละเว้น นอกจากจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสมเด็จพระสังฆราชแล้ว แถมด้วยยังสนับสนุน ส่งเสริมให้นายธัมมชโย และสำนักนี้ยิ่งใหญ่ ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์สูงขึ้นอีกต่างหาก งานนี้ถ้ามหาเถรสมาคมยังนิ่งเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน คงจะต้องหันมาพิจารณาโทษของบรรดากรรมการมหาเถรสมาคมกันหน่อยแล้ว อาจจะมีคนตามเฮียเหนาะแห่งวัดสระเกศไปกันบ้าง ๑๕ ปีแล้วนะ ที่มหาเถรสมาคมทำตัวเป็นสากกะเบือไม่รู้รสพริก หากงานนี้รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเขาตั้งใจจะชำระสังฆมณฑลให้สะอาดปราศจากสิ่งปฏิกูลแล้ว องค์กรปกครองสงฆ์ยังจะทำมัวเมาปกป้องกันอยู่ เดี๋ยวได้เห็นพุทธะอิสระออกไปถือป้ายประท้วงหน้ามหาเถรสมาคม เพื่อกล่าวโทษมหาเถระเสียเองในฐานความผิดที่ว่า
ความผิดฐานละเมิดจรรยาบรรณพระสังฆาธิการ
ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ความผิดฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย
ความผิดฐานทำลายศรัทธาไทยที่มีต่อมหาเถรสมาคม
ทั้งหมดนี้คือความผิดของกรรมการมหาเถรสมาคมที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
พุทธะอิสระ
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธอิสระ ยังได้ประชาสัมพันธ์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กของตนเองด้วยว่า สำหรับเรื่องนี้หลวงปู่พุทธอิสระ ขอเชิญเหล่าพี่น้องผู้มีใจรัก และศรัทธาในพระธรรมวินัยมาร่วมทำบุญ ณ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ในวันพรุ่งนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 13.00 น. โดยคาดว่าจะมีการนำเรื่องประเด็นนี้มาถกกันในวัดปากน้ำภาษีเจริญต่อไป