วานนี้ (17ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังการประชุมครม. ถึงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต่างๆ ของรัฐบาลว่า ในที่ประชุมได้อธิบายชัดเจน 1. ในส่วนของรัฐบาลที่มีรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลแต่ละฝ่าย งานในแต่ละเขตจังหวัด 2. ในส่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ดูแลในฐานะรองหัวหน้าคสช. เพื่อเก็บรายละเอียด ว่ามีปัญหาอย่างไร และนำเรียนนายกรัฐมนตรี และครม. นำไปแก้ไขในระดับนโยบายต่อไป 3. คณะกรรมการติดตามงานโดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เดินเจาะงาน ข้างบนจะมีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบการทุจริต และคณะกรรมการประสานงานระดับกระทรวง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้กฎอัยการศึก ว่า วันนี้เราได้ลดการใช้ลงมาเยอะแล้ว ในเรื่องการดำเนินคดีที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆ ตอนนี้ตนได้สั่งการให้การดำเนินคดีใช้กฎหมายปกติ แม้ว่าจะใช้กำลังในลักษณะของการเข้าสืบสวนสอบสวน จับกุมทันที แต่เวลาส่งศาล จะให้ส่งไปดำเนินคดีในศาลปกติ จะใช้ศาลทหารน้อยที่สุด เว้นแต่คดีที่ร้ายแรง วันนี้อยากให้สบายใจ เราลดระดับทุกอย่าง ถ้ามันสงบเรียบร้อย ตนก็ลดระดับให้ได้ กำลังหามาตรการอื่นๆ อยู่
"วันนี้รัฐบาลขับเคลื่อนทุกอัน เร่งทุกอัน เดี๋ยวจะสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น ฝากสื่อช่วยกัน วันนี้เรากำลังมีวิกฤตอยู่ ทำไม่ไม่ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชน นักการเมืองหรือใครที่ไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากทำ ก็ปล่อยเขาไป ผมไม่สนใจ ผมสนใจคนที่ลำบาก สนใจอนาคตของประเทศ เยาวชนจะอยู่กันอย่างไร เพราะผมไม่ได้มาจากาการเมือง ผมรู้ดี ไม่ต้องมาย้ำบ่อยๆ นักการเมืองมาบอกผม มาอย่างนู้นอย่างนี้ ก็ผมมาแบบนี้ ผมเป็นคนตัดสินใจเข้ามา ท่านไม่ได้เป็นคนมาเชิญผมนะ ผมเข้ามาเพราะท่านแก้ปัญหาของท่านไม่ได้ ผมเข้ามาแก้ปัญหาที่ท่านหมักหมมไว้ ผมต้องตอบแบบนี้ เกรงใจกันมาก มันก็ลำบากนะ แล้วท่านก็มาลงที่ผมหมด ถ้ามันดี ผมจะต้องมารื้อให้มันปวดหัวแบบนี้ โดนว่าทุกวัน รู้ไปทั้งหมด เห็นพูดคนนู้นคนนี้ อดีตรัฐมนตรีพูด ก็มายืนตรงนี้เช่นเดียวกับท่าน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่าการประชุมครม. ครั้งนี้ มีเรื่องพิจารณา 60-70 เรื่อง ประชุมแบบ Lunch meeting ประชุมไปทานข้าวไป ถ้าประชุมเร็วๆ ก็ให้เลือกมาจะเอาโครงการไหน แล้วอนุมัติแบบนั้นไม่เอา ซักทุกวัน เอาเข้ามาดันแผนใหญ่ส่งไปข้างล่าง และข้างล่างก็ทำกลับขึ้นมา ความยากง่ายอยู่ตรงนี้ เราต้องเตรียมกระบวนการทำงาน การขับเคลื่อนถึงมีหลายคณะ เดี๋ยวจะต้องไปดู ข้าราชการ ฝ่ายการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อีกต่างหาก ตรงนี้ต้องช่วยกันหมด คราวก่อนเรื่องยาง ทหารก็ลงไปช่วยเรื่องการขนส่ง นั่นแหละคือสิ่งที่เราบูรณาการทั้งหมด
" ตอนนี้ต้องขอชมเชยผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เข้มแข็งดีมาก ผมได้สั่งให้ทุกกระทรวงที่เป็นส่วนราชการในจังหวัดต้องร่วมมือกับผู้ว่าฯ ให้ผู้ว่าฯ บูรณาการ ไม่ว่าจะกระทรวงไหนก็ตาม เพราะถือว่าเป็นทีมความรับผิดชอบร่วมกัน เดี๋ยวกำลังติดตามงานอยู่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การปฏิรูป ว่า ต้องใช้ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเรื่องการออกกฎหมาย และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เรื่องการวางโครงสร้างปฏิรูปในแต่ละเรื่อง ว่าต้องแก้อย่างไร เพราะไม่ต้องการให้ปัญหาเก่าออกมาอีก ฉะนั้นทุกคนต้องยอมรับว่า ปัญหาเก่าคืออะไร การทุจริตใช่หรือไม่ การบริหารราชการมีปัญหาใช่หรือไม่ การใช้งบประมาณไม่ทั่วถึงใช่หรือไม่ เรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง คนเกิดความขัดแย้ง แบ่งเป็นพวกเป็นฝ่าย ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองดีทั้งคู่ เพราะเป็นประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้เราก็เป็นประชาธิปไตย 90 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มีตัวนี้ไว้กันคนไม่ดีเท่านั้น ถ้าไม่มีตัวนี้ คนไม่ดีมันก็ทำแบบเดิม ถ้ามันดีทั้งหมด ยอมรับกันทั้งหมด ร่วมมือกันทั้งหมด เปลี่ยนผ่านไปสักกี่ปี รัฐบาลหน้านึง เป็นไปได้ไหม ถ้าได้ก็จบ ปฏิรูปก็เสร็จใช่ไหม มันทำปีเดียวตนจะทำอะไรเสร็จ แก้ปัญหาหมักหมมนี่ก็ทุกวันอยู่แล้ว ทำมาตลอด เดินหน้าก็ติด วันนี้ต้องแก้ของเก่าเดินของใหม่ วางอนาคตวันข้างหน้า ความยากง่ายอยู่ตรงนี้
"วันนี้เราต้องแก้กันรัฐธรรมนูญ จะเอาอย่างไร ครม. ที่เข้ามาใหม่ควรจะต้องปรับปรุงตัวหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น วันนี้ถ้าเข้ามาประชาชนจะเชื่อมั่นหรือไม่ ถ้าเลือกตั้งแล้วจะเชื่อมั่นหมดหรือไม่ตอบซิ หรือไม่ดีก็ไม่เป็นไร จะได้เขียนข่าวเยอะๆ ให้บ้านเมืองวุ่นวายเยอะๆ ชอบหรือไง ผมอยากให้ไม่มีข่าว เดี๋ยวผมจะเลี้ยงดูเอง ดูแลนักข่าวเอง จะหางานให้ทำ จ้างเป็นแรงงานทำรางรถไฟ ปัดโธ่เดี๋ยวมันดีขึ้น ก็มีอาชีพเองแหละ ขออย่าให้เป็นความขัดแย้ง ถ้ายกอันนี้มาตีกับอันนี้ มันก็ตีกันอยู่ดี ไอ้นี่ถามอย่าง ไอ้นี่ถามอีกอย่าง เดี๋ยวพอผมพูดผิดไปอย่าง ก็เอามาตี ซ้าย ขวา อย่างนี้ไม่เอา บ้านเมืองเสียหาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศ ได้เช็กปฏิกิริยาข้าราชการ ว่าเดินไปด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เช็กสิ มีคณะกรรมการติดตาม เดี๋ยวจะพิจารณาเรื่องการแต่งตั้ง ปรับย้าย อะไรอีกเยอะแยะ แต่หากเขาตั้งใจ ก็อย่าไปว่าเขานักเลย ต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาข้าราชการอยู่ในระบบการเมืองเลือกตั้งเข้ามานานพอสมควร ฉะนั้นถ้าเขาทำดี ก็ไม่มีปัญหา แต่อาจมีข้าราชการส่วนหนึ่งที่ทำไม่ดี และที่ไม่ดี คือคล้อยตาม ในเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งก็มีข้าราชการที่ถูกลงโทษเยอะ ถ้าคัดเลือกคนเข้ามาในระบบได้ดีจริงๆ ก็จะไม่มีเรื่องเหล่านี้ ปัญหาค้ามนุษย์ คดีอาวุธสงคราม จดทะเบียนแรงงาน ก็จะต้องไม่เกิด ท่านบอกว่าเลือกตั้งดีไง ตนไม่ได้ปฏิเสธ แต่กระบวนการเลือกตั้ง เราต้องมีการจัดระเบียบกันใหม่ คัดเลือกคนอย่างไรเข้ามา อย่างน้อยระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์อย่างนั้นขึ้นมาอีก ตนถามว่าจะไปเขียนกันใครได้มากมายหรือไม่ มันไม่ได้หรอก เป็นเรื่องข้อเท็จจริง ตนถึงบอกว่า ถ้าข้าราชการการเมืองทุกคนที่จะเป็นการเมืองต่อไป ในการคัดเลือกครั้งหน้ายอมรับกติกาตัวนี้ว่า บ้านเราต้องเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะบอกว่า บ้านเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลง เขาดีอยู่แล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า นายกฯจะไปร่วมประชุมยูเอ็น เดือนก.ย.นี้ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เชิญให้ตนเดินทางไปร่วมด้วย ก็ต้องไป อเมริกาไม่เคยห้ามเป็นทางการ เขาเคยพูดไว้ อันนี้เดี๋ยวไม่เข้าใจเอาตนไปรบอีก วันนั้นที่ไปประชุมเห็นทางสหรัฐฯ นั่งอยู่เต็ม ก็เลยแหย่เขาเล่น ว่า ยูห้ามไม่ให้ไปใช่ไหม เขาก็หัวเราะแหะๆ แล้วท่านมาค้าขายกับตน ตนเคยห้ามหรือไม่ เขาก็หัวเราะ ท่านตัดเสื้ออย่างนี้ได้ไหม เขาก็แฮปปี้หมด เขาก็รู้ เขาอยู่ แล้วสื่อมาเขียนให้เป็นประเด็นใหญ่โต ศักดิ์ศรี เกียรติยศของเรามีอยู่แล้ว และทุกคนก็ให้เกียรติเรา ถ้าไม่ให้เกียรติ เขาคงไม่มาหรอก
"จริงๆ แล้ว เขาเป็นแต่เพียงว่า ต้องตรวจสอบหน่อย อะไรหน่อย เขาไม่ได้ถือว่าห้ามร้อยเปอร์เซ็นต์ วันนั้นที่ผมพูด เพียงแหย่เขา บางคนบอกว่า ผมเป็นนายกฯ ไม่ควรพูดแบบนั้น ต่อไปผมจะพูดแบบหน้างอทุกเรื่อง อย่างเป็นทางการ จะชอบหรือไม่ อันนี้ปกติ ผมเป็นปุถุชน ผมไม่มีอะไรปิดบังท่าน ผมไม่ต้องสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้เป็นคนสุภาพ มีมาด เยอะแยะ ไม่จำเป็น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า กลายเป็นว่าคำแหย่ของนายกฯ ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองบางคน นายกฯกล่าวว่า ก็ช่างเขาสิ ตนไม่สนใจอยู่แล้ว เขาทำอะไรได้ดีกว่าหรือเปล่าล่ะ นักการเมืองคนไหน วันนี้สื่อไล่บี้ ถามตน ก็ตอบสู้ทุกวัน เพราะจริงใจ และไม่จำเป็นต้องระมัดระวัง เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ท่านไม่ใช่คนต่างประเทศ ท่านก็เป็นคนที่รักชาติบ้านเมืองเหมือนตน ตนคิดอย่างนี้ ฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง เป็นตัวของตัวเอง
"เวลาผมไปต่างประเทศ เห็นไปพูดเล่นกับใครหรือไม่ มาดผมก็ดีเหมือนกันนะ เท่ไหม เหนื่อยเหมือนกันนะ ทำท่าเท่ๆ ผมอยากพูดแบบสบายๆ คนไทยต้องพูดกันภาษาไทยๆ แต่เวลาต่างชาติ ผมก็รักษามาดของประเทศไทย นั่นแหละผม ก็ทำหน้าที่ของผม หรือท่านอยากได้แบบนั้นก็ไม่รู้ ก็ไปรอรัฐบาลหน้า" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าวันนี้ นายกฯมั่นใจทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่กลัวจะถูกถามเรื่องที่มาของนายกฯ และสถานการณ์ในบ้านเมือง นายกฯ กล่าวว่า เวลาไปต่างประเทศ ตนก็ตอบ กับเลขาฯยูเอ็น ตนก็ตอบ และอธิบายว่าเป็นอย่างไร ด้วยเหตุ ด้วยผล ซึ่งเขาก็บอกว่าให้เร็วๆ แล้วกัน ให้ลดแรงกดดันหน่อย เพราะมีแรงกดดันเยอะ ก็กำลังแก้อยู่ทั้งหมด ก็ขอเวลา กับเขา ซึ่งก็ โอเค ไม่ต้องกลัว ทำเพื่อคนไทย กลัวทำไม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้กฎอัยการศึก ว่า วันนี้เราได้ลดการใช้ลงมาเยอะแล้ว ในเรื่องการดำเนินคดีที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆ ตอนนี้ตนได้สั่งการให้การดำเนินคดีใช้กฎหมายปกติ แม้ว่าจะใช้กำลังในลักษณะของการเข้าสืบสวนสอบสวน จับกุมทันที แต่เวลาส่งศาล จะให้ส่งไปดำเนินคดีในศาลปกติ จะใช้ศาลทหารน้อยที่สุด เว้นแต่คดีที่ร้ายแรง วันนี้อยากให้สบายใจ เราลดระดับทุกอย่าง ถ้ามันสงบเรียบร้อย ตนก็ลดระดับให้ได้ กำลังหามาตรการอื่นๆ อยู่
"วันนี้รัฐบาลขับเคลื่อนทุกอัน เร่งทุกอัน เดี๋ยวจะสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น ฝากสื่อช่วยกัน วันนี้เรากำลังมีวิกฤตอยู่ ทำไม่ไม่ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชน นักการเมืองหรือใครที่ไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากทำ ก็ปล่อยเขาไป ผมไม่สนใจ ผมสนใจคนที่ลำบาก สนใจอนาคตของประเทศ เยาวชนจะอยู่กันอย่างไร เพราะผมไม่ได้มาจากาการเมือง ผมรู้ดี ไม่ต้องมาย้ำบ่อยๆ นักการเมืองมาบอกผม มาอย่างนู้นอย่างนี้ ก็ผมมาแบบนี้ ผมเป็นคนตัดสินใจเข้ามา ท่านไม่ได้เป็นคนมาเชิญผมนะ ผมเข้ามาเพราะท่านแก้ปัญหาของท่านไม่ได้ ผมเข้ามาแก้ปัญหาที่ท่านหมักหมมไว้ ผมต้องตอบแบบนี้ เกรงใจกันมาก มันก็ลำบากนะ แล้วท่านก็มาลงที่ผมหมด ถ้ามันดี ผมจะต้องมารื้อให้มันปวดหัวแบบนี้ โดนว่าทุกวัน รู้ไปทั้งหมด เห็นพูดคนนู้นคนนี้ อดีตรัฐมนตรีพูด ก็มายืนตรงนี้เช่นเดียวกับท่าน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่าการประชุมครม. ครั้งนี้ มีเรื่องพิจารณา 60-70 เรื่อง ประชุมแบบ Lunch meeting ประชุมไปทานข้าวไป ถ้าประชุมเร็วๆ ก็ให้เลือกมาจะเอาโครงการไหน แล้วอนุมัติแบบนั้นไม่เอา ซักทุกวัน เอาเข้ามาดันแผนใหญ่ส่งไปข้างล่าง และข้างล่างก็ทำกลับขึ้นมา ความยากง่ายอยู่ตรงนี้ เราต้องเตรียมกระบวนการทำงาน การขับเคลื่อนถึงมีหลายคณะ เดี๋ยวจะต้องไปดู ข้าราชการ ฝ่ายการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อีกต่างหาก ตรงนี้ต้องช่วยกันหมด คราวก่อนเรื่องยาง ทหารก็ลงไปช่วยเรื่องการขนส่ง นั่นแหละคือสิ่งที่เราบูรณาการทั้งหมด
" ตอนนี้ต้องขอชมเชยผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เข้มแข็งดีมาก ผมได้สั่งให้ทุกกระทรวงที่เป็นส่วนราชการในจังหวัดต้องร่วมมือกับผู้ว่าฯ ให้ผู้ว่าฯ บูรณาการ ไม่ว่าจะกระทรวงไหนก็ตาม เพราะถือว่าเป็นทีมความรับผิดชอบร่วมกัน เดี๋ยวกำลังติดตามงานอยู่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การปฏิรูป ว่า ต้องใช้ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเรื่องการออกกฎหมาย และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เรื่องการวางโครงสร้างปฏิรูปในแต่ละเรื่อง ว่าต้องแก้อย่างไร เพราะไม่ต้องการให้ปัญหาเก่าออกมาอีก ฉะนั้นทุกคนต้องยอมรับว่า ปัญหาเก่าคืออะไร การทุจริตใช่หรือไม่ การบริหารราชการมีปัญหาใช่หรือไม่ การใช้งบประมาณไม่ทั่วถึงใช่หรือไม่ เรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง คนเกิดความขัดแย้ง แบ่งเป็นพวกเป็นฝ่าย ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองดีทั้งคู่ เพราะเป็นประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้เราก็เป็นประชาธิปไตย 90 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มีตัวนี้ไว้กันคนไม่ดีเท่านั้น ถ้าไม่มีตัวนี้ คนไม่ดีมันก็ทำแบบเดิม ถ้ามันดีทั้งหมด ยอมรับกันทั้งหมด ร่วมมือกันทั้งหมด เปลี่ยนผ่านไปสักกี่ปี รัฐบาลหน้านึง เป็นไปได้ไหม ถ้าได้ก็จบ ปฏิรูปก็เสร็จใช่ไหม มันทำปีเดียวตนจะทำอะไรเสร็จ แก้ปัญหาหมักหมมนี่ก็ทุกวันอยู่แล้ว ทำมาตลอด เดินหน้าก็ติด วันนี้ต้องแก้ของเก่าเดินของใหม่ วางอนาคตวันข้างหน้า ความยากง่ายอยู่ตรงนี้
"วันนี้เราต้องแก้กันรัฐธรรมนูญ จะเอาอย่างไร ครม. ที่เข้ามาใหม่ควรจะต้องปรับปรุงตัวหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น วันนี้ถ้าเข้ามาประชาชนจะเชื่อมั่นหรือไม่ ถ้าเลือกตั้งแล้วจะเชื่อมั่นหมดหรือไม่ตอบซิ หรือไม่ดีก็ไม่เป็นไร จะได้เขียนข่าวเยอะๆ ให้บ้านเมืองวุ่นวายเยอะๆ ชอบหรือไง ผมอยากให้ไม่มีข่าว เดี๋ยวผมจะเลี้ยงดูเอง ดูแลนักข่าวเอง จะหางานให้ทำ จ้างเป็นแรงงานทำรางรถไฟ ปัดโธ่เดี๋ยวมันดีขึ้น ก็มีอาชีพเองแหละ ขออย่าให้เป็นความขัดแย้ง ถ้ายกอันนี้มาตีกับอันนี้ มันก็ตีกันอยู่ดี ไอ้นี่ถามอย่าง ไอ้นี่ถามอีกอย่าง เดี๋ยวพอผมพูดผิดไปอย่าง ก็เอามาตี ซ้าย ขวา อย่างนี้ไม่เอา บ้านเมืองเสียหาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศ ได้เช็กปฏิกิริยาข้าราชการ ว่าเดินไปด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เช็กสิ มีคณะกรรมการติดตาม เดี๋ยวจะพิจารณาเรื่องการแต่งตั้ง ปรับย้าย อะไรอีกเยอะแยะ แต่หากเขาตั้งใจ ก็อย่าไปว่าเขานักเลย ต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาข้าราชการอยู่ในระบบการเมืองเลือกตั้งเข้ามานานพอสมควร ฉะนั้นถ้าเขาทำดี ก็ไม่มีปัญหา แต่อาจมีข้าราชการส่วนหนึ่งที่ทำไม่ดี และที่ไม่ดี คือคล้อยตาม ในเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งก็มีข้าราชการที่ถูกลงโทษเยอะ ถ้าคัดเลือกคนเข้ามาในระบบได้ดีจริงๆ ก็จะไม่มีเรื่องเหล่านี้ ปัญหาค้ามนุษย์ คดีอาวุธสงคราม จดทะเบียนแรงงาน ก็จะต้องไม่เกิด ท่านบอกว่าเลือกตั้งดีไง ตนไม่ได้ปฏิเสธ แต่กระบวนการเลือกตั้ง เราต้องมีการจัดระเบียบกันใหม่ คัดเลือกคนอย่างไรเข้ามา อย่างน้อยระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์อย่างนั้นขึ้นมาอีก ตนถามว่าจะไปเขียนกันใครได้มากมายหรือไม่ มันไม่ได้หรอก เป็นเรื่องข้อเท็จจริง ตนถึงบอกว่า ถ้าข้าราชการการเมืองทุกคนที่จะเป็นการเมืองต่อไป ในการคัดเลือกครั้งหน้ายอมรับกติกาตัวนี้ว่า บ้านเราต้องเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะบอกว่า บ้านเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลง เขาดีอยู่แล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า นายกฯจะไปร่วมประชุมยูเอ็น เดือนก.ย.นี้ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เชิญให้ตนเดินทางไปร่วมด้วย ก็ต้องไป อเมริกาไม่เคยห้ามเป็นทางการ เขาเคยพูดไว้ อันนี้เดี๋ยวไม่เข้าใจเอาตนไปรบอีก วันนั้นที่ไปประชุมเห็นทางสหรัฐฯ นั่งอยู่เต็ม ก็เลยแหย่เขาเล่น ว่า ยูห้ามไม่ให้ไปใช่ไหม เขาก็หัวเราะแหะๆ แล้วท่านมาค้าขายกับตน ตนเคยห้ามหรือไม่ เขาก็หัวเราะ ท่านตัดเสื้ออย่างนี้ได้ไหม เขาก็แฮปปี้หมด เขาก็รู้ เขาอยู่ แล้วสื่อมาเขียนให้เป็นประเด็นใหญ่โต ศักดิ์ศรี เกียรติยศของเรามีอยู่แล้ว และทุกคนก็ให้เกียรติเรา ถ้าไม่ให้เกียรติ เขาคงไม่มาหรอก
"จริงๆ แล้ว เขาเป็นแต่เพียงว่า ต้องตรวจสอบหน่อย อะไรหน่อย เขาไม่ได้ถือว่าห้ามร้อยเปอร์เซ็นต์ วันนั้นที่ผมพูด เพียงแหย่เขา บางคนบอกว่า ผมเป็นนายกฯ ไม่ควรพูดแบบนั้น ต่อไปผมจะพูดแบบหน้างอทุกเรื่อง อย่างเป็นทางการ จะชอบหรือไม่ อันนี้ปกติ ผมเป็นปุถุชน ผมไม่มีอะไรปิดบังท่าน ผมไม่ต้องสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้เป็นคนสุภาพ มีมาด เยอะแยะ ไม่จำเป็น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า กลายเป็นว่าคำแหย่ของนายกฯ ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองบางคน นายกฯกล่าวว่า ก็ช่างเขาสิ ตนไม่สนใจอยู่แล้ว เขาทำอะไรได้ดีกว่าหรือเปล่าล่ะ นักการเมืองคนไหน วันนี้สื่อไล่บี้ ถามตน ก็ตอบสู้ทุกวัน เพราะจริงใจ และไม่จำเป็นต้องระมัดระวัง เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ท่านไม่ใช่คนต่างประเทศ ท่านก็เป็นคนที่รักชาติบ้านเมืองเหมือนตน ตนคิดอย่างนี้ ฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง เป็นตัวของตัวเอง
"เวลาผมไปต่างประเทศ เห็นไปพูดเล่นกับใครหรือไม่ มาดผมก็ดีเหมือนกันนะ เท่ไหม เหนื่อยเหมือนกันนะ ทำท่าเท่ๆ ผมอยากพูดแบบสบายๆ คนไทยต้องพูดกันภาษาไทยๆ แต่เวลาต่างชาติ ผมก็รักษามาดของประเทศไทย นั่นแหละผม ก็ทำหน้าที่ของผม หรือท่านอยากได้แบบนั้นก็ไม่รู้ ก็ไปรอรัฐบาลหน้า" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าวันนี้ นายกฯมั่นใจทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่กลัวจะถูกถามเรื่องที่มาของนายกฯ และสถานการณ์ในบ้านเมือง นายกฯ กล่าวว่า เวลาไปต่างประเทศ ตนก็ตอบ กับเลขาฯยูเอ็น ตนก็ตอบ และอธิบายว่าเป็นอย่างไร ด้วยเหตุ ด้วยผล ซึ่งเขาก็บอกว่าให้เร็วๆ แล้วกัน ให้ลดแรงกดดันหน่อย เพราะมีแรงกดดันเยอะ ก็กำลังแก้อยู่ทั้งหมด ก็ขอเวลา กับเขา ซึ่งก็ โอเค ไม่ต้องกลัว ทำเพื่อคนไทย กลัวทำไม