xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” อ้างลดเข้มกฎอัยการศึกเยอะแล้ว ยันไม่ทำร้าย “พยาบาลแหวน” ถามกลับทหารใจร้ายขนาดนั้นเหรอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกฯ บอกลดการใช้กฎอัยการศึกมาเยอะแล้ว ใช้ศาลทหารน้อยที่สุดเว้นคดีร้ายแรง รับทหารส่งตัว “แหวน” พยาบาลเอี่ยวบึ้มให้ตำรวจแล้ว ยันไม่ได้ทำร้าย ถามทหารใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ แจง คสช. เคาะประตูบ้านแค่เรียกไปคุย ไม่ได้จับกุม ยันไปร่วมประชุมยูเอ็นกันยายนนี้ ไม่สนคำแหย่สหรัฐฯ นักการเมืองไล่งับ ถามทำอะไรดีกว่าหรือเปล่า ถามสื่อทำไมไม่ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส บ่นอยากให้ไม่มีข่าว จะได้ใช้ทาสนักข่าวไปวางรางรถไฟ อีกด้านเชื่อคนไทยไม่โง่เข้าร่วมกลุ่มไอเอส สั่งเข้มงวดเข้า - ออกประเทศเพื่อนบ้าน

วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในที่ประชุม ครม. ได้อธิบายชัดเจน 1. ในส่วนของรัฐบาลที่มีรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลแต่ละฝ่าย งานในแต่ละเขตจังหวัด 2. ในส่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ดูแลในฐานะรองหัวหน้า คสช. เพื่อเก็บรายละเอียดว่ามีปัญหาอย่างไร และนำเรียนนายกรัฐมนตรี และ ครม. นำไปแก้ไขในระดับนโยบายต่อไป 3. คณะกรรมการติดตามงาน โดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เดินเจาะงาน ข้างบนจะมีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบการทุจริต และคณะกรรมการประสานงานระดับกระทรวง

นายกฯ กล่าวต่อถึงการใช้กฎอัยการศึก ว่า วันนี้เราได้ลดการใช้ลงมาเยอะแล้ว ในเรื่องการดำเนินคดีที่ผ่านมาในช่วงแรกๆ ตอนนี้ตนได้สั่งการให้การดำเนินคดีใช้กฎหมายปกติ แม้ว่าจะใช้กำลังในลักษณะของการเข้าสืบสวนสอบสวน จับกุมทันที แต่เวลาส่งศาลจะให้ส่งไปดำเนินคดีในศาลปกติ จะใช้ศาลทหารน้อยที่สุด เว้นแต่คดีที่ร้ายแรง วันนี้อยากให้สบายใจ เราลดระดับทุกอย่าง ถ้ามันสงบเรียบร้อย ตนก็ลดระดับให้ได้ กำลังหามาตรการอื่นๆ อยู่ ส่วนกรณีของ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน พยาบาลอาสา ผู้เป็นพยานในคดี 6 ศพวัดปทุมวนารามราชวรวิหารนั้น วันนี้ (17 มี.ค.) ทหารได้นำตัวส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งเกี่ยวพันกับคดีวางระเบิดด้วย ไปดูซิ คือต้องฟังสองทางทั้งทางเจ้าหน้าที่ ฟังสื่อ และฟังผู้ที่มาร้องเรียนด้วย เรื่องคดีวัดปทุมวนารามฯ ก็ติดตามแล้วกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบอยู่ เขามีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวคงค่อยๆ ปล่อย ทุกเรื่องถ้ามันแรงๆ ออกมาโอเคมันดูดี แต่มันทำให้สับสนอลหม่านไปหมด ค่อยๆ ปล่อยไป นี่เป็นขั้นตอนการดำเนินการของเรา ซึ่งนโยบายของรัฐบาลไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ ฉะนั้นอยากให้ทุกคนช่วยกัน

“วันนี้รัฐบาลขับเคลื่อนทุกอัน เร่งทุกอัน เดี๋ยวจะสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น ฝากสื่อช่วยกัน วันนี้เรากำลังมีวิกฤตอยู่ ทำไม่ไม่ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชน นักการเมืองหรือใครที่ไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากทำ ก็ปล่อยเขาไป ผมไม่สนใจ ผมสนใจคนที่ลำบาก สนใจอนาคตของประเทศ เยาวชนจะอยู่กันอย่างไร เพราะผมไม่ได้มาจากาการเมือง ผมรู้ดี ไม่ต้องมาย้ำบ่อยๆ นักการเมืองมาบอกผมมาอย่างนู้นอย่างนี้ ก็ผมมาแบบนี้ ผมเป็นคนตัดสินใจเข้ามา ท่านไม่ได้เป็นคนมาเชิญผมนะ ผมเข้ามาเพราะท่านแก้ปัญหาของท่านไม่ได้ ผมเข้ามาแก้ปัญหาที่ท่านหมักหมมไว้ ผมต้องตอบแบบนี้ เกรงใจกันมากมันก็ลำบากนะ แล้วท่านก็มาลงที่ผมหมด ถ้ามันดีทำผมจะต้องมารื้อให้มันปวดหัวแบบนี้ โดนว่าทุกวัน รู้ไปทั้งหมด เห็นพูดคนนู้นคนนี้ อดีตรัฐมนตรีพูด ก็มายืนตรงนี้เช่นเดียวกับท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า การประชุม ครม. วันนี้มีเรื่องพิจารณา 60 - 70 เรื่อง ประชุมแบบลันซ์มีตติ้ง (Lunch Meeting) ประชุมไปทานข้าวไป ถ้าประชุมเร็วๆ ก็ให้เลือกมาจะเอาโครงการไหน แล้วอนุมัติแบบนั้นไม่เอา ซักทุกวัน เอาเข้ามาดันแผนใหญ่ส่งไปข้างล่าง และข้างล่างก็ทำกลับขึ้นมา ความยากง่ายอยู่ตรงนี้ เราต้องเตรียมกระบวนการทำงาน การขับเคลื่อนถึงมีหลายคณะ เดี๋ยวจะต้องไปดู ข้าราชการ ฝ่ายการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อีกต่างหาก ตรงนี้ต้องช่วยกันหมด คราวก่อนเรื่องยางทหารก็ลงไปช่วยเรื่องการขนส่ง นั่นแหละคือสิ่งที่เราบูรณาการทั้งหมด

“ตอนนี้ต้องขอชมเชยผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเข้มแข็งดีมาก ผมได้สั่งให้ทุกกระทรวงที่เป็นส่วนราชการในจังหวัดต้องร่วมมือกับผู้ว่าฯ ให้ผู้ว่าฯ บูรณาการ ไม่ว่าจะกระทรวงไหนก็ตาม เพราะถือว่าเป็นทีมความรับผิดชอบร่วมกัน เดี๋ยวกำลังติดตามงานอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้า คสช. การเชิญตัวบุคคลเข้าไปพูดคุยจะออกประกาศหรือเชิญเป็นการภายใน นายกฯ กล่าวว่า ไม่ๆ บางทีเป็นการเรียกไปคุย ไม่ได้เป็นการเชิญตัว เพียงเรียกไปคุย แต่ไม่ได้ไปจับกุมอะไรทั้งสิ้น แต่ไปเชิญที่บ้านให้ออกมาคุยกันหน่อยซิ เขาก็มา แต่ถ้าประกาศก็จะตื่นตระหนกกันไปหมด ก็ไม่อยากให้ประกาศ แต่จะเชิญมาแล้วปล่อยกลับไป ซึ่งขาก็เข้าใจและให้ความร่วมมือ เป็นการพูดคุยกันไม่ได้ไปจับ ถ้าจับก็ต้องจับควบคุมตัวขัง และการเรียกไปคุยแต่ละครั้งทางกองทัพรู้หมด ต้องเป็นการสั่งการจากกองทัพ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเขาคุมทั้งหมด ไปถามแม่ทัพภาคที่ 1 ตนถามกลับไปมีหมด เพียงแต่เชิญมาบ้าง คุยกันบ้าง พอเจอกันคุยไปคุยมาปรากฏว่าเกี่ยวข้องมีหลักฐาน แบบนั้นก็ส่งดำเนินคดีแบบกรณีของหนูแหวน ก็ไปสู้คดีต่อไป หนูแหวน แขนอ่อนอะไรนั่น

“ยืนยันว่าไม่มีการทำร้าย ยิ่งเป็นผู้หญิงยิ่งไม่อยากทำ ทหารใจร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าใจร้ายคงไม่อยู่กันถึงวันนี้มั้ง ก็ทนๆ กันไป ให้เวลาทำงานหน่อย กำลังปฏิรูป ถ้าปฏิรูปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมหมดแล้วจะปฏิรูปทำไม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ที่นายกฯ ระบุว่า ระหว่างการปฏิรูปถ้านักการเมืองไม่เห็นด้วยก็ปล่อยไป นายกฯ กล่าวว่า การปฏิรูปต้องใช้ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรื่องการออกกฎหมาย และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เรื่องการวางโครงสร้างปฏิรูปแต่ละเรื่อง ต้องแก้อย่างไร เพราะไม่ต้องการให้ปัญหาเก่าออกมาอีก ฉะนั้น ทุกคนต้องยอมรับว่าปัญหาเก่าคืออะไร การทุจริตใช่หรือไม่ การบริหารราชการมีปัญหาใช่หรือไม่ การใช้งบประมาณไม่ทั่วถึงใช่หรือไม่ เรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง คนเกิดความขัดแย้ง แบ่งเป็นพวกเป็นฝ่าย ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองดีทั้งคู่ เพราะเป็นประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้เราก็เป็นประชาธิปไตย 90 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มีตัวนี้ไว้กันคนไม่ดีเท่านั้น ถ้าไม่มีตัวนี้คนไม่ดีมันก็ทำแบบเดิม ถ้ามันดีทั้งหมด ยอมรับกันทั้งหมด ร่วมมือกันทั้งหมด เปลี่ยนผ่านไปสักกี่ปี รัฐบาลหน้านึงเป็นไปได้ไหม ถ้าได้ก็จบ ปฏิรูปก็เสร็จใช่ไหม มันทำปีเดียวตนจะทำอะไรเสร็จ แก้ปัญหาหมักหมมนี่ก็ทุกวันอยู่แล้ว ทำมาตลอด เดินหน้าก็ติด วันนี้ต้องแก้ของเก่าเดินของใหม่ วางอนาคตวันข้างหน้า ความยากง่ายอยู่ตรงนี้

“วันนี้เราต้องแก้กันรัฐธรรมนูญจะเอาอย่างไร ครม. ที่เข้ามาใหม่ควรจะต้องปรับปรุงตัวหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น วันนี้ถ้าเข้ามาประชาชนจะเชื่อมั่นหรือไม่ ถ้าเลือกตั้งแล้วจะเชื่อมั่นหมดหรือไม่ ตอบซิ หรือไม่ดีก็ไม่เป็นไรจะได้เขียนข่าวเยอะๆ ให้บ้านเมืองวุ่นวายเยอะๆ ชอบหรือไง ผมอยากให้ไม่มีข่าว เดี๋ยวผมจะเลี้ยงดูเอง ดูแลนักข่าวเอง จะหางานให้ทำ จ้างเป็นแรงงานทำรางรถไฟ ปัดโธ่เดี๋ยวมันดีขึ้นก็มีอาชีพเองแหละ ขออย่าให้เป็นความขัดแย้ง ถ้ายกอันนี้มาตีกับอันนี้มันก็ตีกันอยู่ดี ไอ้นี่ถามอย่าง ไอ้นี่ถามอีกอย่าง เดี๋ยวพอผมพูดผิดไปอย่าง ก็เอามาตีซ้ายขวา อย่างนี้ไม่เอา บ้านเมืองเสียหาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศ ได้เช็กปฏิกิริยาข้าราชการว่าเดินไปด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เช็กสิ มีคณะกรรมการติดตาม เดี๋ยวจะพิจารณาเรื่องการแต่งตั้ง ปรับย้าย อะไรอีกเยอะแยะ แต่หากเขาตั้งใจก็อย่าไปว่าเขานักเลย ต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาข้าราชการอยู่ในระบบการเมืองเลือกตั้งเข้ามานานพอสมควร ฉะนั้น ถ้าเขาทำดีก็ไม่มีปัญหา แต่อาจมีข้าราชการส่วนหนึ่งที่ทำไม่ดี และที่ไม่ดีคือคล้อยตาม ในเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งก็มีข้าราชการที่ถูกลงโทษเยอะ ถ้าคัดเลือกคนเข้ามาในระบบได้ดีจริงๆ ก็จะไม่มีเรื่องเหล่านี้ ปัญหาค้ามนุษย์ คดีอาวุธสงคราม จดทะเบียนแรงงานก็จะต้องไม่เกิด ท่านบอกว่าเลือกตั้งดีไง ตนไม่ได้ปฏิเสธ แต่กระบวนการเลือกตั้งเราต้องมีการจัดระเบียบกันใหม่ คัดเลือกคนอย่างไรเข้ามาอย่างน้อยระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์อย่างนั้นขึ้นมาอีก ตนถามว่าจะไปเขียนกันใครได้มากมายหรือไม่ มันไม่ได้หรอก เป็นเรื่องข้อเท็จจริง ตนถึงบอกว่า ถ้าข้าราชการการเมืองทุกคนที่จะเป็นการเมืองต่อไป ในการคัดเลือกครั้งหน้ายอมรับกติกาตัวนี้ว่าบ้านเราต้องเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะบอกว่าบ้านเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลง เขาดีอยู่แล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า นายกฯ จะไปร่วมประชุมยูเอ็นเดือน ก.ย. นี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เชิญให้ตนเดินทางไปร่วมด้วย ก็ต้องไป อเมริกาไม่เคยห้ามเป็นทางการ เขาเคยพูดไว้ อันนี้เดี๋ยวไม่เข้าใจเอาตนไปรบอีก วันนั้นที่ไปประชุมเห็นทางสหรัฐฯ นั่งอยู่เต็มก็เลยแหย่เขาเล่น ว่ายูห้ามตนไปใช่ไหม เขาก็หัวเราะแหะๆ แล้วท่านมาค้าขายกับตน ตนเคยห้ามหรือไม่ เขาก็หัวเราะ ท่านตัดเสื้ออย่างนี้ได้ไหม เขาก็แฮปปี้หมด เขาก็รู้ เขาอยู่ แล้วสื่อมาเขียนให้เป็นประเด็นใหญ่โต ศักดิ์ศรีเกียรติยศของเรามีอยู่แล้ว และทุกคนก็ให้เกียรติเรา ถ้าไม่ให้เกียรติเขาคงไม่มาหรอก

“จริงๆ แล้วเขาเป็นแต่เพียงว่าต้องตรวจสอบหน่อย อะไรหน่อย เขาไม่ได้ถือว่าห้ามร้อยเปอร์เซ็นต์ วันนั้นที่ผมพูดเพียงแหย่เขา บางคนบอกว่าผมเป็นนายกฯ ไม่ควรพูดแบบนั้น ต่อไปผมจะพูดแบบหน้างอทุกเรื่องอย่างเป็นทางการจะชอบหรือไม่ อันนี้ปกติ ผมเป็นปุถุชน ผมไม่มีอะไรปิดบังท่าน ผมไม่ต้องสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้เป็นคนสุภาพ มีมาด เยอะแยะ ไม่จำเป็น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า กลายเป็นว่าคำแหย่ของนายกฯ ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองบางคน นายกฯ กล่าวว่า ก็ช่างเขาสิ ตนไม่สนใจอยู่แล้ว เขาทำอะไรได้ดีกว่าหรือเปล่าล่ะ นักการเมืองคนไหน วันนี้สื่อไล่บี้ถามตนก็ตอบสู้ทุกวัน เพราะจริงใจและไม่จำเป็นต้องระมัดระวัง เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ท่านไม่ใช่คนต่างประเทศ ท่านก็เป็นคนที่รักชาติบ้านเมืองเหมือนตน ตนคิดอย่างนี้ ฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง เป็นตัวของตัวเอง

“เวลาผมไปต่างประเทศ เห็นไปพูดเล่นกับใครหรือไม่ มาดผมก็ดีเหมือนกันนะ เท่ไหม เหนื่อยเหมือนกันนะทำท่าเท่ๆ ผมอยากพูดแบบสบายๆ คนไทยต้องพูดกันภาษาไทยๆ แต่เวลาต่างชาติ ผมก็รักษามาดของประเทศไทย นั่นแหละผมก็ทำหน้าที่ของผม หรือท่านอยากได้แบบนั้นก็ไม่รู้ ก็ไปรอรัฐบาลหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่า วันนี้ นายกฯ มั่นใจทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่กลัวจะถูกถามเรื่องที่มาของนายกฯ และสถานการณ์ในบ้านเมือง นายกฯ กล่าวว่า เวลาไปต่างประเทศตนก็ตอบ กับเลขาฯ ยูเอ็นตนก็ตอบ และอธิบายว่าเป็นอย่างไร ด้วยตุด้วยผล ซึ่งเขาก็บอกว่าให้เร็วๆ แล้วกัน ให้ลดแรงกดดันหน่อย เพราะมีแรงกดดันเยอะ ก็กำลังแก้อยู่ทั้งหมด ก็ขอเวลากับเขา ซึ่งก็โอเค ไม่ต้องกลัว ทำเพื่อคนไทยกลัวทำไม

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มไอเอสเคลื่อนไหวในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียว่า ยอมรับว่ามีความเป็นห่วง แต่สิ่งสำคัญที่มากกว่าความเป็นห่วงเรื่องดังกล่าว คือ เรื่องภายในของเรากันเอง เราต้องพูดจาภาษาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีความเข้มงวดตรวจตราในการเข้า - ออก จะต้องไม่มีการไปสร้างปัญหา อีกทั้งเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรง ซึ่งก็อาจจะมีการลักลอบเว้นทางผ่านบ้าง เราก็ต้องเข้มงวดในจุดตรงนั้น ซึ่งก็ต้องมีการเชื่อมโยงการตรวจตราสนามบินเข้า - ออกต่างๆ ซึ่งตนได้มีคำสั่งไปแล้ว

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหนือไม่ว่าจะมีการดึงเอาชาวไทยมุสลิมเข้าร่วมกลุ่มไอเอส พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนไม่มี คนไทยใครจะไปโง่ไป ไม่ไปหรอก เชื่อว่าไม่มีคนไทยที่ไหนจะไปร่วมด้วย เพราะอยู่บ้านเราสบายจะตาย ทุกประเทศในโลกอยากเป็นเหมือนประเทศไทยแล้วจะไปทำไมเดือดร้อนอะไรกันนักหนา ประเทศไทยอย่างไรก็กันเอง

นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า พร้อมให้การสนับสนุนการฉายภาพยนตร์เรื่องอมีน ซึ่งเป็นการร่วมมือผลิตของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจากการที่ได้พบกับจุฬาราชมนตรีและผู้นำศาสนาที่ผ่านมา ท่านก็มีคำสอนที่ดี ทั้งเรื่องการศึกษา ศาสนา สาธารณสุข รวมทั้งความเป็นธรรมต่างๆ ซึ่งเนื้อหาและเรื่องราวของภาพยนตร์ดังกล่าวสร้างความสามัคคีระหว่างชาวไทยพุทธและมุสลิมให้อยู่ร่วมกันได้

เมื่อถามถึงการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับหลักคำสอนศาสนาอิสลามเรื่อง “อามีน” แต่ไม่ได้รับการสนใจจากสื่อกระแสหลัก นายกฯ กล่าวว่า “จะเข้าไปดูและส่งเสริมให้มีการแพร่หลายมากขึ้น”


กำลังโหลดความคิดเห็น