ผวา! ประธาน ป.ป.ช.สั่งรับสมัครทีม รปภ.ชุดพิเศษอารักขาส่วนตัว

ผวาโจกท์เยอะ! ป.ป.ช.ออกระเบียบ รับสมัครทีม รปภ.ชุดพิเศษ 2 คน ติดตาม ตามภารกิจของประธานฯ เผยว่าจ้างเพื่ออารักขา ติดตาม ดูแลความปลอดภัยทั้งในพื้นที่ ป.ป.ช.-ส่วนตัวและครอบครัว-ที่ทํางาน บ้านพัก ยานพาหนะ ตลอดจนแขกรับเชิญของประธานฯ และกรรมการ จบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี เคยเป็นทหารหรือตํารวจไม่น้อยกว่า 2 ปี สอบบรรจุแล้วอำนาจเทียบเท่าเจ้าหน้าที่ระดับ 8 เงินเดือนสตาร์ท 2.9 หมื่นบาท

วันนี้ (3 มี.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ พ.ศ. 2558 มีใจความในประกาศว่า

“โดยที่เป็นการสมควรกําหนดให้มีหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๐๗ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘”

ข้อ ๒ ระเบียบนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ” หมายความว่า ผู้ที่สํานักงาน ป.ป.ช.จ้างเพื่อทำหน้าที่ในการอารักขา ติดตาม ดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ประธานกรรมการหรือกรรมการ ทั้งความปลอดภัยด้านพื้นที่ ด้านส่วนตัวและครอบครัว สถานที่ทํางาน สถานที่พัก ยานพาหนะ ตลอดจนบุคคลสําคัญที่เป็นแขกรับเชิญของประธานกรรมการหรือกรรมการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ประธานกรรมการหรือกรรมการมอบหมาย แล้วแต่กรณี

ข้อ ๔ ให้สํานักงาน ป.ป.ช.ดําเนินการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษตามความประสงค์ของประธานกรรมการหรือกรรมการ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ไม่เกินจํานวนและอัตราค่าจ้างที่กําหนดในบัญชีท้ายระเบียบนี้ โดยให้เลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมายเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลดังกล่าวให้เป็นไปตามความประสงค์ของประธานกรรมการหรือกรรมการ

ข้อ ๕ ให้สํานักงาน ป.ป.ช.ออกบัตรประจําตัวเพื่อแสดงตน พร้อมทั้งจัดทําและรักษาทะเบียนประวัติเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษบัตรประจําตัวตามวรรคหนึ่งเป็นอันยกเลิกเมื่อถูกเลิกจ้างตามข้อ ๑๐

ข้อ ๖ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษต้องปฏิบัติตามนโยบาย คําสั่งของประธานกรรมการและกรรมการ

ข้อ ๗ วันเวลาทํางานและการลาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษให้เป็นไปตามที่ประธานกรรมการหรือกรรมการที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นั้นประจํากําหนดและอนุญาต แล้วแต่กรณี

ข้อ ๘ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(๑) มีสัญชาติไทย

(๒) มีอายุไม่เกินห้าสิบปีบริบูรณ์ในวันที่ได้รับการจ้าง

(๓) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

(๔) มีความเป็นกลางทางการเมือง

(๕) มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีใบรับรองแพทย์ตามที่สํานักงาน ป.ป.ช.กําหนด

(๖) มีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

(ก) สําเร็จการศึกษาไม่ต่ำากว่าปริญญาตรี และผ่านการอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยหรืออารักขาบุคคลสําคัญของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือหลักสูตรอื่นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย และมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยหรืออารักขาบุคคลสําคัญมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี หรือ

(ข) เคยรับราชการทหารหรือตํารวจมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี หรือ

(ค) มีคุณสมบัติพิเศษอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานหรือมีประสบการณ์ตามที่ประธานกรรมการหรือกรรมการเห็นสมควร แล้วแต่กรณี

(๗) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตําแหน่งหรือเงินเดือนประจํา พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

(๘) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสํานักงาน และไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งใดตําแหน่งหนึ่งที่ได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเป็นรายเดือนจากงบประมาณที่ตั้งไว้ในสํานักงานตามระเบียบว่าด้วยการนั้น

(๙) ไม่เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง หรือผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองในระยะเวลา ๑ ปี ก่อนดํารงตําแหน่ง

(๑๐) ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ หรือตําแหน่งอื่นใดของพรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคการเมือง ในระยะเวลา ๑ ปี ก่อนดํารงตําแหน่ง

(๑๑) ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักงาน พักราชการ หรือสั่งให้หยุดงานเป็นการชั่วคราว
ในลักษณะเดียวกันกับพักงานหรือพักราชการ

(๑๒) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบ หรือมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้

(๑๓) ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี

(๑๔) ไม่เป็นบุคคลติดยาเสพติดให้โทษ

(๑๕) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายซึ่งศาลยังไม่สั่งให้พ้นคดี หรือมีหนี้สนลิ ้นพ้นตัว

(๑๖) ไม่เป็นผู้เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่เป็นความผิดที่เกิดจากการกระทําโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ

(๑๗) ไม่เป็นผู้เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
เพราะกระทําผิดวินัยตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น ๆ

(๑๘) ไม่เป็นผู้เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
เพราะกระทําผิดวินัย กระทําการทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตและประพฤติมิชอบตามกฎหมาย
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

(๑๙) ไม่เป็นผู้เคยถูกสั่งให้ออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือกรณีมีมลทินหรือมัวหมอง
ในกรณีที่ถูกสอบสวน

ข้อ ๙ ผู้ได้รับการจ้างเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษต้องรายงานตัวต่อสำนักงาน ป.ป.ช.พร้อมด้วยหลักฐาน ดังต่อไปนี้

(๑) สําเนาทะเบียนบ้าน

(๒) สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลให้นําหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุลมาแสดงด้วย

(๓) หลักฐานแสดงคุณสมบัติตามข้อ ๘ (๕)

(๔) รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกหรือแว่นตาสีดํา ขนาด ๑ นิ้ว ถ่ายมาแล้วไม่เกิน ๖ เดือน จํานวน ๒ รูป

(๕) ใบรับรองแพทย์ที่ออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน

ข้อ ๑๐ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษถูกเลิกจ้างในกรณี ดังนี้

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) กระทําการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๗

(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๘

(๕) ประธานกรรมการหรือกรรมการ เห็นควรให้เลิกจ้าง

(๖) ประธานกรรมการหรือกรรมการที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษนั้นประจําผู้ใด
พ้นจากตําแหน่ง

ข้อ ๑๑ ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจําตําแหน่งมีสิทธิได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่น ดังต่อไปนี้

(๑) การประกันสุขภาพ โดยมีเบี้ยประกันไม่เกินอัตราที่กําหนดในบัญชีท้ายระเบียบนี้

(๒) ประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่คณะกรรมการกําหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยการนั้น

ข้อ ๑๒ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษให้นําระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยให้มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับ ๓-๘ และให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษนั้น ประจําอยู่เป็นผู้มีอํานาจพิจารณาการอนุมัติการเดินทางไปปฏิบัติงาน

ข้อ ๑๓ ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรักษาการตามระเบียบนี้ และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีอํานาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้ระเบียบนี้

ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘

ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ
ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ”

รายงานระบุว่า การอารักขาบุคคลสำคัญในอดีตที่ผ่านมา ทางองค์กรอิสระส่วนใหญ่จะใช้บริการเจ้าหน้าที่จากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย หรือทีม รปภ.จากหน่วยอรินทราช หรือ 191 จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และตำรวจสันติบาล