xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้อง ป.ป.ช.ปม “สนช.” ตั้งเครือญาติช่วยงาน-หวั่น! กรอกชื่อรับเงินเดือนในนาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้แก่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บังคับใช้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ประกาศเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ในฐานะประธาน สนช. ลงลายมื่อชื่อกำกับ
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ฟ้อง “ป.ป.ช.” ปม “สนช.” กว่าร้อย ตั้งเครือญาติช่วยงาน หวั่น! กรอกชื่อรับเงินเดือนในนามอย่างเดียว ส่อผลประโยชน์ทับซ้อน หลังพบลูกหลานบางคนยังเรียนแค่ระดับ ป.ตรี แถมบางคนตั้งนามสกุลเดียวกันถึง 3 คน ด้าน “วิป สนช.” จ่อถกหาทางแก้ไข

วันนี้ (2 มี.ค.) มีรายงานว่า นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณี สนช. แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ และผู้ช่วยดำเนินงานจำนวนมาก ว่า ยอมรับว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สะท้อนมายัง สนช. จำนวนมากในกรณีที่มีการแต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในฐานะเป็นผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญและผู้ชำนาญการประจำตัว สนช.

“สนช. จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกันในที่ประชุมวิป สนช. เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนตัวเห็นว่า ถ้ามีการแต่งตั้งลูกเมียที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับภารกิจ ก็ทำได้ เพราะต้องใช้คนที่ไว้วางใจได้มาช่วยงาน แต่ถ้าตั้งคนที่ไม่เหมาะสมกับภารกิจ ก็ถือว่าไม่เหมาะเท่าไร”

ส่วนการวิจารณ์ว่า คนใกล้ชิดเหล่านี้มาช่วยงานเพียงในนาม ไม่ได้มาช่วยงาน สนช. ที่สภาฯจริงๆ โดยงานส่วนใหญ่ยังเป็นภาระของข้าราชการเหมือนเดิมนั้น ยืนยันว่า สนช. ได้ใช้งานคนกลุ่มนี้จริงๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้นำลูก เมีย มาช่วยงานที่รัฐสภา เพราะสภาฯมีที่ทำงานจำกัด และ สนช. ก็ไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง แม้จะไม่ได้มาทำงานที่รัฐสภา ก็อาจทำงานผ่านทางระบบสื่อสารได้ ส่วนงานที่ข้าราชการทำก็เป็นเรื่องงานในระบบราชการ เป็นคนละส่วนกับงานของคนใกล้ชิดที่สนช.มอบหมายให้ทำ ซึ่งเป็นงานข้อมูลเฉพาะตัว

รายงานข่าวระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพียงในนาม เพราะงานตามหน้าที่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ที่จะต้องทำ ยังตกเป็นของข้าราชการประจำที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้ โดย สนช. ไม่ได้มีการใช้งานคนใกล้ชิดที่แต่งตั้งเข้ามาให้มาดูแลงานดังกล่าว หาก สนช. คนใดมีปัญหาด้านเอกสาร หรือการเสนอญัตติ ก็จะมอบหมายให้ข้าราชการเป็นผู้ดำเนินการให้ เช่น การพิมพ์หนังสือ การติดต่อประสานงานบุคคลต่างๆ การให้ความเห็นข้อกฎหมาย เป็นต้น

“คนใกล้ชิดที่ สนช. แต่งตั้งเข้ามาบางคนก็ไม่ได้เข้ามาทำงานที่รัฐสภาเลย เป็นเพียงการแต่งตั้งเข้ามาเพื่อให้ครบตามตำแหน่งเท่านั้น ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการเพิ่มภารกิจงานให้แก่เจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำที่มีงานมากอยู่ แล้ว”

ด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฎต่อสาธารณชนเป็นการทั่วไปแล้วว่า มีสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) จำนวนมาก ที่ได้กระทำการในลักษณะฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 ประกอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551

กรณีการเสนอแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิด อาทิ บุตร ภรรยา พี่น้อง เครือญาติ ฯลฯ เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว และหรือเป็นผู้ช่วยผู้ดำเนินงานประจำตัว ฯลฯ อันเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการเมืองโดยชัดแจ้ง ทั้งๆ ที่ในอดีตสังคมไทยได้วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองที่มักนำญาติพี่น้องมาสืบทอดอำนาจ หรือผลักดันให้เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองทั้งตระกูล หรืออาจเรียกว่า “สภาผัวเมีย” ซึ่งในยุคปฏิรูป หรือการกล่าวอ้างว่าเข้ามาทำงานเพื่อการปฏิรูปประเทศ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีการกระทำหรือพฤติกรรมแบบนักการเมืองในอดีต

การกระทำของ สนช. ต่างๆ ดังกล่าวรวมทั้งประธานสภา สนช. และเลขาธิการและรองเลขาธิการสำนักงานวุฒิสภา ที่แต่งตั้งบุคคลต่างๆ ดังกล่าว จึงมีการกระทำหรือพฤติกรรมขัดหรือแย้งต่อกฎหมายและประมวลจริยธรรมข้างต้น

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงมิอาจเห็นพฤติกรรมที่มิชอบดังกล่าวได้ จึงใคร่จะนำความดังกล่าวไปร้องเรียนกล่าวโทษเอาผิดสมาชิก สนช. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประธาน สนช. และเลขาธิการ, รองเลขาธิการ สนง. วุฒิสภา ต่อ ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 3 มีนาคม 2558 เวลา 11.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ นนทบุรี

อย่างไรก็ตาม จากรายงานของ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เผยแพร่ เรื่อง“กางระเบียบ - ประมวลจริยธรรมเทียบคำพูด “พรเพชร” ปม สนช. ตั้งเมีย - ลูกช่วยงาน” พบว่า ในประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้แก่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บังคับใช้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ประกาศเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ในฐานะประธาน สนช. ลงลายมื่อชื่อกำกับ

พบว่า สำหรับผู้เชี่ยวชาญประจำตัว - ผู้ชำนาญการประจำตัว-ผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. จะต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้

1. ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิก สนช.

- มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์

- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก และมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท และมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

- มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการให้คำปรึกษาทางด้านวิชาการที่เป็นประโยชน์กับสมาชิก สนช.

2. ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิก สนช.

- มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์

- ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี และมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี

- มีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายประกอบการดำเนินงานของสมาชิก สนช. ศึกษาสภาพปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อรวบรวม จัดทำญัตติ กระทู้ถาม ข้อหารือ หรือข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ สนช.

3. ผู้ช่วยดำเนินงานของสมาชิก สนช.

- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

- สำเร็จการศึกษาปริญญาโทขึ้นไป หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีประสบการณ์กับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือได้รับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) และมีประสบการณ์กับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี หรือได้ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และมีประสบการณ์กับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ) และมีประสบการณ์กับงานที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ สนช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี

- มีหน้าที่ความรับผิดชอบตามที่สมาชิก สนช. กำหนด

โดยทั้ง 3 ตำแหน่งจะต้องมีสัญชาติไทย เป็นผู้เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ คนวิกลจริต ไม่สมประกอบ ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เป็นข้าราชการัฐสภาสามัญ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการในสังกัดรัฐสภา

และหากเป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องมีหนังสือยินยอมจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจที่ผู้สังกัดนั้น แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเพื่อปฏิบัติงานให้แก่ สนช. คนหนึ่ง ให้ดำรงตำแหน่งตามข้อ 1, 2 หรือ 3 ได้เพียงตำแหน่งเดียว และบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่เป็นผู้ปฏิบัติงานให้แก่ สนช. คนอื่นในตำแหน่งตามข้อ 1, 2 หรือ 3 อีก

ขณะที่ในบทเฉพาะกาลตามข้อบังคับการประชุมของ สนช. พ.ศ. 2557 ข้อที่ 219 ระบุว่า ให้นำข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 มาใช้บังคับเป็นการอนุโลม

โดยข้อบังคับประมวลจริยธรรมฯ พ.ศ. 2553 ข้อที่ 25 ระบุว่า สมาชิกและกรรมาธิการพึงระมัดระวังการปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญประจำตัว - ผู้ปฏิบัติงาน - ที่ปรึกษา - ผู้ชำนาญการ - นักวิชาการ และเลขานุการ มิให้กระทำการใดๆ อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สมาชิกกรรมาธิการและวุฒิสภา

ข้อ 26 ระบุว่า สมาชิกและกรรมาธิการจักต้องละเว้นจากการแสวงหาผลประโยชน์ โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่และไม่กระทำการที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน และจะต้องดูแลให้คู่สมรสและบุตรของสมาชิกและกรรมาธิการปฏิบัติตามเช่นเดียวกันด้วย

รายงานของ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตั้งข้อสังเกตว่า ดังนั้น ประเด็นสำคัญที่ต้องถามกลับไปได้แก่

1. การที่ สนช. แต่งตั้ง “ภรรยา - บุตร - เครือญาติ” เข้ามาช่วยงาน โดยรับเงินเดือนจากภาษีของประชาชนตั้งแต่ 1.5-2.4 หมื่นบาทนั้น ได้เข้ามาช่วยงานจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่การ “กรอกชื่อ” ไว้เพื่อรับเงินเดือนอย่างเดียว

เพราะจะเห็นได้ว่า “บุตร” ของ สนช. บางรายยังคงศึกษาในระดับชั้นมหาวิทยาลัย หรืออายุอานามบางคนเพียงแค่ 20 กว่า ๆ เท่านั้น จะสามารถเข้ามาช่วยเหลืองานในสภา ซึ่งล้วนจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อกฎหมาย หรือข้อร้องเรียนจากประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน

2. ตามข้อบังคับประมวลจริยธรรมฯ ระบุชัดเจนว่า สมาชิกจะต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ หรือไม่กระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วการที่ สนช. แต่งตั้ง “ภรรยา - บุตร - เครือญาติ” ถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

3. ตามประกาศ สนช. เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลปฏิบัติงานให้ สนช. นั้น ระบุว่า หากแต่งตั้งคนใดดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ - ผู้ชำนาญการ - ผู้ช่วยดำเนินงานแล้ว จะดำรงได้เพียงตำแหน่งเดียว แต่มี สนช. บางราย เช่น พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ แต่งตั้ง พล.ร.ต.หญิง พวงพลอย ขจิตสุวรรณ คู่สมรส ดำรงทั้ง 3 ตำแหน่ง สามารถทำได้หรือไม่ และขัดกับประกาศ สนช. ด้วยหรือไม่





กำลังโหลดความคิดเห็น