“กสิกรไทย” รุกหนักธุรกิจบัตรเครดิต ตั้งเป้าบัตรใหม่เพิ่ม 1 ล้านใบ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 29% มั่นใจคุมเอ็นพีแอลอยู่ พร้อมประเดิมแคมเปญใหญ่กระตุ้นรับคะแนนสะสม 20 เท่าตลอด 365 วัน พร้อมลุ้นเอ็กซ์คลูซีฟทริปกับสถานที่ในฝัน
นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยถึงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ว่า ธนาคารตั้งเป้ายอดบัตรเพิ่มในปีนี้อีก 1 ล้านใบ หรือจาก 3.6 ล้านใบ เป็น 4.4 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 16% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 29% หรือจาก 280,000 ล้านบาท มาเป็น 366,000 ล้านบาท และมีรายได้จากบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 20-22% ซึ่งเป็นส่วนของรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมอย่างละ 50%
“เป้าหมายที่สูงกว่าตลาดนั้นก็จะมาจากแคมเปญที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในทุกๆ กลุ่ม รวมทั้งจะรุกไปยังลูกค้ากลุ่มภูมิภาคมากขึ้นด้วย จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 30% แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ยังคงมีความระมัดระวัง และมีเกณฑ์ที่คุมเข้มที่ยืดหยุ่นได้ในแต่ละช่วงตามความเหมาะสม ซึ่งจากจำนวนบัตรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวจะทำให้มาร์เกตแชร์เพิ่มเป็น 28% และรักษาระดับยอดใช้จ่ายอันดับหนึ่งของระบบไว้ได้”
สำหรับแคมเปญแรกที่จะรุกตลาดในปีนี้ “บัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตที่คุณขาดไม่ได้” โดยผู้ถือบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยใบใดก็ได้ที่ชื่อ นามสกุลเดียวกันอย่างน้อยวันละ 1 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2559 จะรับคะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่าของทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่วันที่เริ่มรายการ หรือคะแนนสะสมพิเศษสูงสุดถึง 1,000,000 คะแนน
นอกจากนั้น ลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตกสิกรไทยที่ซูเปอร์มาร์เกต หรือไฮเปอร์มาร์เกต ระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ หรือใช้จ่ายที่ร้านอาหารร้านอาหารในวันเสาร์-อาทิตย์ จะได้รับคะแนนสะสม 2 เท่า สำหรับยอดใช้จ่ายครบทุก 1,000 บาท และสามารถใช้คะแนนสะสมจากบัตรเครดิตเท่ายอดซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม หรือโรบินสันทั่วประเทศ แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15% ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 31 ธันวาคม 2558
“เราไม่ได้คาดหวังว่าลูกค้าจะต้องใช้บัตรเรารูดครั้งละมากๆ แต่คาดหวังจะให้ใช้ทุกวัน หรือเป็นบัตรหลัก ซึ่งแม้จะเป็นธุรกรรมการเงินไซส์เล็กๆ เราก็มีเพย์ เวฟที่เพียงแค่แตะไม่ต้องเซ็นไม่ต้องรอเซลสลิปไว้รองรับอยู่แล้ว ส่วนด้านการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยรวมนั้น แม้ธนาคารจะมีแคมเปญออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ก็คงต้องดูในหลายๆ ปัจจัยที่อาจจะเข้ามากระทบได้ เช่น ราคาน้ำมันที่ลดลงก็อาจจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดเติมน้ำมันลดลงในเชิงมูลค่า เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการกระตุ้นในการใช้จ่ายในหมวดอื่นทดแทนต่อไป”
นายทวี กล่าวอีกว่า เรื่องของหนี้ครัวเรือน หรือภาระหนี้ของประชากรที่เพิ่มขึ้น ธนาคารเองก็มีความเป็นห่วง แต่ก็เชื่อว่าจากเกณฑ์การพิจารณาที่คุมเข้มอยู่จะยังทำให้สามารถรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้ทรงตัวในระดับ 1.6% ได้ อีกทั้งธนาคารก็ยังเน้นด้านการทำธุรกรรมทางการเงินมากกว่าการเบิกเงินสดออกมาใช้ ซึ่งแม้ว่ารายได้ในส่วนของธุรกรรมจะต่ำกว่า แต่ความเสี่ยงก็ต่ำกว่าเช่นกัน
