xs
xsm
sm
md
lg

ถึงคราว “ผู้ตรวจการฯ” โชว์ ลงดาบฟัน สนช.ผิดตั้งญาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รายงานการเมือง

ชักเริ่มซาลงหลังญาติโกโหติกาของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไขก๊อกพ้นเก้าอี้ผู้ชำนาญการต่างๆ เพื่อลดกระแสสังคมที่โหมกระหน่ำเช้า กลาง เย็น ไม่ไหว ขณะที่เรื่องคดีความทำท่าทำทางจะหายเงียบเข้ากลีบเมฆเอาเหมือนกัน โดยเฉพาะท่าทีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่อิดออดบอกไม่ใช่อำนาจของตัวเอง พร้อมโยนเผือกร้อนไปให้เพื่อนร่วมองค์กรอิสระอย่างผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย

แม้จะยังตะกุกตะกักไม่ปัดความรับผิดชอบเสียทีเดียว แต่ไม่น่าจะมีอะไรให้เสียวมากมาย หลัง ป.ป.ช. มอบหมายเจ้าหน้าที่ลงไปพิจารณาข้อกฎหมายว่า การแต่งตั้งลูกเมียเข้าไปเป็นผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิก สนช. เข้าข่ายกฎหมายตัวใดหรือไม่ แล้วอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. หรือเปล่า

ว่ากันตามความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ยังมองกันว่า การแอ็กชันในลักษณะนี้มันออกไปในแนวดึงเรื่องเพื่อรักษามารยาทมากกว่า ส่อแววว่าไม่น่าจะกล้าเล่นเอง อย่างที่รู้กันอยู่ ชั่วโมงนี้ไม่มีใครกล้าแตะคนในแม่น้ำ 5 สายเท่าไหร่ เพราะจัดเป็นพ่อคนดีที่มีแบ็กใหญ่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หนุนหลัง ทำอะไรมักไม่ค่อยจะผิด ใกล้เคียงกับคำว่าบกพร่องโดยสุจริตเข้าไปทุกที

คิดกันขำๆ วันนี้การแต่งตั้งลูกเมียเข้าไปมีตำแหน่งแห่งหนรับเงินเดือนหลวง หากเป็นสภาผู้แทนราษฎรปกติ ดีไม่ดีจะโดนตามสอยกันสุดซอย ป.ป.ช. คงต้องคิดหนักกับข้อครหาเรื่องดับเบิลสแตนดาร์ดที่โดนโจมตีก่อนหน้านี้ ก่อนจะเขี่ยคดีนี้พ้นตัวไป ดูในข้อกฎหมายที่ ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยอ้างเอาไว้ให้ ป.ป.ช. ไต่สวน ไม่ได้เลื่อนลอยยกเมฆกันมาอ่าน ตั้งแต่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 ประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ล้วนมีเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์อยู่ จะไม่รับเอาไว้ใส่บ่าแหกหามสักหน่อยหรือ

ป.ป.ช. ต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่า มีมาตรฐานเดียวในการพิจารณาคดี แม้แต่แม่น้ำ 5 สายก็ตาม เป็นองค์กรอิสระ ไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ต้องคำนึงความรู้สึกของคนในสังคมเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกดิสเครดิตจากฝ่ายการเมืองที่เสียประโยชน์ว่า ทีพวกตัวเองกลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้าง แต่กลับอีกฝั่งละขะมักเขม้นจนเกินพอดี เสร็จแบบด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า แถมยังจะขอต่อเวลาจองล้างจองผลาญกันอีก

การโยนบอมบ์ไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทันที แม้จะยังเบาอกเบาใจได้ว่า คดีนี้จะไม่ล่องหน เพราะอย่างน้อยยังอยู่ในสารบบกระบวนการยุติธรรม แต่น้ำหนักมันจะไม่เท่ากับ ป.ป.ช. รับเรื่องเอาไว้เอง อย่างที่รู้กันอยู่ ผู้ตรวจการแผ่นดินถูกค่อนแคะมาตลอดว่าเป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่มีอำนาจลงโทษใคร จน กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญต้องเอามายำรวมกับคณะกรรมาสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในรัฐธรรมนูญใหม่ ขืนส่งต่อให้ไประวังจะได้แค่ข้อหา แต่ไม่มีปัญญาลงโทษ เหมือนที่แล้วๆ มา อีกอย่างสถานะของผู้ตรวจการแผ่นดินตอนนี้ก็ง่อนแง่นเต็มทน อาจกำลังเตรียมตัวขนข้าวขนของย้ายไปรวมกับ กสม. อยู่ก็เป็นได้ ส่งเรื่องไปไม่รู้จะทันวินิจฉัยไต่สวนกันหรือเปล่า

แต่หากสุดวิสัย ป.ป.ช. ส่งไม้มาให้แบบจำใจต้องรับ บางทีผู้ตรวจการแผ่นดินอาจพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เหมือนกัน รับมาพิจารณาไต่สวนกันให้ถึงพริกถึงขิง เอาข้อเท็จจริงเรื่องคุณธรรมจริยธรรมเข้าว่า อาจได้ศรัทธาจากประชาชนเป็นแรงหนุนว่า ควรได้ไปต่อ ไม่จำเป็นต้องยุบไปอยู่กับองค์กรไหน โชว์ให้เห็นไปเลยว่า ไม่ใช่พวกเสือกระดาษ แม้แต่ผู้มีอำนาจในปัจจุบันผู้ตรวจการแผ่นดินก็ฟันไม่เลี้ยงถ้าผิด

แต่เรื่องนี้ไม่ควรจบแค่ไขก๊อกแล้วหยวนๆ กันไป ว่ากันด้วยหลักกฎหมายจัดว่าความผิดสำเร็จแล้ว ต้องไต่สวนกันให้สิ้นกระแสความ จบแบบหนีปัญหาไม่ได้ อย่าลืมว่า ยุคนี้เป็นยุคปฏิรูปไม่ใช่แค่ตัวบทกฎหมาย แต่รวมถึงคุณธรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยอย่างที่ตีฆ้องร้องเป่ากันให้จัดตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติเข้ามาเพื่อกลั่นกรองคนดีกันมิใช่หรือ ไม่ทำให้เป็นตัวอย่างแล้วใครจะเชื่อน้ำยากับสิ่งที่กำลังจะทำกันอยู่

ต้องยกระดับเรื่องคุณธรรมจริยธรรมให้สูงส่ง ไม่ใช่อ้างตัวบทกฎหมายกันอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของจิตสำนึก อย่างคราวนี้ก็มีแว่วๆ ออกมาเหมือนกันที่ยอมถอยกรูดก็ไม่ใช่เต็มใจกันเสียทุกคน แต่เพราะส่วนใหญ่ทนเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ไหวไอ้เสือเลยต้องถอย บางคนยังกระมิดกระเมี้ยนด้วยซ้ำเพราะคิดว่าไม่ผิดอะไรทำไมต้องถอน บางคนยังยืนหยัดใช้งานลูกเมียตัวเองต่อ แต่ขอไม่รับเงินเดือน เพียงเพราะกลัวเสียฟอร์มกับหลักที่แถกันไว้ว่าไม่ผิดระเบียบข้อบังคับ ทั้งที่หลายเสียงในสนช.ที่ใจเป็นกลางยังยอมรับออกมาด้วยซ้ำว่า พลาดอย่างมหันต์ ไม่คิดว่าจะมีคนจับได้ไล่ทัน ทุกวันนี้ยังแทบจะเอาปี๊บคลุมหัว

สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า เรื่องคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมืองบ้านเรายังเป็นคนไข้ที่ป่วยขั้นโคม่า ขึ้นชื่อว่านักการเมืองแทบจะเหมือนกันหมด ต่อมละอายแก่ใจอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นนักเลือกตั้ง นักลากตั้ง ขึ้นชื่อว่านักการเมืองไทยเครือญาติหรือมิตรสหายต้องมาก่อนความรู้ความสามารถเสมอ เรื่องคุณธรรมจริยธรรมคงต้องนั่งทบทวนกันเสียใหม่ว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่กติกา แต่เป็นเรื่องของจิตสำนึกล้วนๆ

สนช. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะผู้ที่จะมาพลิกโฉมประเทศไทยให้กลายเป็นยูโทเปีย สังคมที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน คงต้องคิดกันหนักขึ้น วันนี้พวกตัวเองพลาดแล้วจะแก้ไขปัญหาและเรียกศรัทธาคืนมาอย่างไร การให้ญาติโกโหติกาตัวเองพ้นเก้าอี้แล้วปัญหาจะจบจริงหรือไม่ มันเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่สิ้นสุดแล้วจริงหรือไม่

เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาชั้นยอด ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. สนช. สปช. ต้องระลึกถึง การตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งย่อมเป็นบรรทัดฐานสืบไปในอนาคต หาก สนช. จะจบด้วยการให้ญาติลาออกเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ

หาก ป.ป.ช. จะละเรื่องนี้เอาไว้ว่าไม่ใช่อำนาจ วันข้างหน้าหาก ส.ส. ส.ว. เจริญรอยเท้าตามสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ จะไม่มีใครชี้หน้าด่าหรือเอาผิดคนเหล่านั้นได้ เพราะแม้กระทั่งผู้ทรงเกียรติชุดนี้ทำยังไม่เห็นต้องชดใช้กรรมอะไร

ดังนั้น ต้องทำให้เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น