เลขาฯ เครือข่ายปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของคนไทย ร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน จี้ตรวจสอบ สปช.เอาลูก-เมีย-ญาตินั่งเก้าอี้ ซัดไร้ยางอาย เข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อน พร้อมขอให้ดำเนินคดีอาญาและแพ่งตามประมวลกฎหมาย รวมทั้งสอบวินัยข้าราชการด้วย ด้านเลขาฯ ผู้ตรวจฯ พร้อมตรวจสอบ
วันนี้ (5 มี.ค.) เครือข่ายปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของคนไทย นำโดยนายยุทธภัณฑ์ พันธ์สิงสอน เลขาธิการฯ เข้ายื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้มีการตรวจสอบจริยธรรมของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในการบรรจุสามี ภรรยา บุตร และเครือญาติเข้ามาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ช่วยดำเนินงาน รวมทั้งสิ้น 5 อัตรา โดยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายแสดงถึงความละโมบ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่ใส่ใจ ไม่ตระหนักเชื่อในคำสั่งและมติที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้เลือกแต่งตั้งจากผู้สมัครเป็นสมาชิก สปช.เป็นลำดับแรกให้มาดำรงตำแหน่ง รวมทั้งเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนและเข้าข่าย ต้องห้ามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 และประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและดำเนินคดีอาญาและแพ่งตลอดจนให้ต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงสำหรับผู้ที่ยังรับราชการ และขอให้มีการคืนเงินและปลดออกจากตำแหน่งรวมทั้งตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และหากพบว่าผิดจริง มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์และถือเป็นการดำเนินการหรือมีพฤติกรรมเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องห้ามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 และประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 ให้เสนอ ป.ป.ช.เพื่อส่งต่อ และเพื่อถอดถอนและส่งต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
“กรณีนี้หากเกิดในญี่ปุ่น เกาหลี จีน เวียดนาม คงได้เห็นสปิริตของประธาน สปช. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนประเทศชาติและประชาชน แต่อาจจะไร้ซึ่งสำนึกและอาจจะไร้ซึ่งจริยธรรม จึงสมควรลาออกเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการปฏิรูป คืนเงินรายได้ที่รับไปทุกประเภท ทั้งในรูปของเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพราะเงินเหล่านี้เป็นภาษีอากรทั้งหมดของคนไทยทั้งชาติกลับคืนมาโดยครบถ้วนทันที เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของสาธารณชนและหลักนิติธรรม”
ด้านนายรักษเกชากล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ ผู้ตรวจฯ พิจารณากฎหมายและข้อเท็จจริง หากเข้าข่ายกระทำความผิดแต่ไม่ร้ายแรงก็ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หากกระทำความผิดร้ายแรงก็จะส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป ส่วนที่ระบุว่าฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.นั้นต้องไปดูในรายละเอียดเพื่อเทียบเคียงกับระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. 2557 และคำสั่งของ คสช.ด้วย