xs
xsm
sm
md
lg

ทหารสั่งปลดป้ายเชียร์ปลัดสธ.“หมอรัชตะ”ถกผู้บริหารรับมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ยงยุทธ" ยันกรรมการสอบสวนฯปลัด สธ. เป็นคนนอกวงการสาธารณสุข ระบุชัดต้องสอบปลัด สธ.ฝ่ายเดียว เหตุไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ลงรอยกับ รมต.สธ. และกล่าวหาใช้งบบัตรทองไม่ชอบมาพากล ยันไม่ใช่สอบการใช้งบบัตรทอง เหตุมี สตง. ตรวจสอบอยู่แล้ว พบใช้เงินผิดวัตถุประสงค์เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ “หมอณรงค์” เปลี่ยนใจไม่ลาพักร้อน เข้าทำงานทำเนียบฯ ด้าน ”หมอรัชตะ” เรียกประชุมด่วนผู้บริหาร ย้ำแต่งดำประท้วงไม่ว่า แต่อย่าให้กระทบการบริการประชาชน ทหารสั่งรพ.ปลดป้ายเชียร์ปลัด

วานนี้ (16 มี.ค.) ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เขตคลองสาน กทม. ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายในงานปิดเทอมสร้างสรรค์ จัดโดย สสส. ถึงกรณีลงนามสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า ได้ลงนามคำสั่งดังกล่าวไปนานแล้ว มี น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ส่วนกรรมการร่วมสอบประกอบด้วย นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งล้วนเป็นคนนอกวงการสาธารณสุข เพราะเป็นเรื่องทั่วไปที่สังคมภายนอกต้องการรับทราบ ส่วนเรื่องที่ปลัด สธ. ยังไม่เห็นคำสั่งนั้น ตนไม่ทราบ

ทั้งนี้ การตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว เป็นการสอบกรณีปลัด สธ. ทำงานไม่ลงรอย และไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรี สธ. และจำเป็นต้องสอบ เพราะถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรี สธ. และสอบสวนถึงกรณีที่ปลัดสธ. พูดถึงความไม่ชอบมาพากล ของการบริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ที่บริหารโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่ไม่ได้สอบสวนกรณีบริหารจัดการงบบัตรทองอย่างไร ส่วนผลสอบจะออกมาอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯปลัด สธ.เพียงฝ่ายเดียว ไม่สอบรัฐมนตรีสธ. ด้วย ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า ต้องสอบปลัด สธ.เพียงคนเดียว อย่างที่ระบุไปแล้วว่า เพราะปลัด สธ. เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรี และไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรี จริงหรือไม่

ทั้งนี้ ยืนยันว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯดังกล่าวไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งข้าราชการ ส่วนการสอบสวนที่ระบุว่า จะต้องแล้วเสร็จภายใน 30 วันนั้น ก็ไม่อยากให้เร่งรัด แต่จะพยายามให้ดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และรอดูผลว่า คณะกรรมการฯจะให้คำแนะนำว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกองทุนบัตรทองด้วยหรือไม่ ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อมูลหลักประกันสุขภาพฯ ที่มี ศ.อัมมาร สยามวาลา เป็นประธานอยู่แล้ว ซึ่ง นพ.ณรงค์ ก็ไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว

เมื่อถามว่าคณะกรรมการดังกล่าวเป็นการสอบสวนเรื่องโรงพยาบาลขาดทุน แต่ไม่ได้สอบเรื่องการบริหารจัดการของกองทุนบัตรทอง ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า เท่าที่ทราบนั้น สปสช. มีคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารงานอยู่แล้ว เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีประเด็นอะไรเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก ซึ่งสิ่งที่พบก็เพียงการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์เล็กน้อย เป็นเงินจำนวนไม่มาก

ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) กล่าวว่า ทราบว่า มีการตั้งให้ตนเป็นหนึ่งในกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการ ดังนั้น คงยังไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียดว่าจะต้องสอบสวนเรื่องใดบ้าง

“ยงยุทธ” ชี้คนสธ.ต้องทำงานเป็นทีม

ศ.ดร.ยงยุทธ ยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในกระทรวงสาธาณสุขครั้งนี้ว่า เนื่องจากเป็นกระทรวงใหญ่ ย่อมมีหลากหลายความคิด แต่ประเด็นสำคัญ คนที่รัฐมนตรี และปลัดกระทรวง ต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งนายกฯ ได้ให้เวลาแก้ปัญหาแล้ว แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้ เมื่อทำงานร่วมกันไม่ได้ ก็ต้องสอบสวนดูว่าเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ ส่วนผลสอบจะเป็นอย่างไร ต้องว่าไปตามครรลอง แต่หลังจากนี้เชื่อว่าไม่บานปลาย แม้จะมีการเคลื่อนไหวคัดค้านคำสั่งดังกล่าวก็ตาม
ส่วนปมความขัดแย้งการบริหารจัดการเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น ประเด็นหลักๆ คือ งบประมาณมีอยู่จำนวนหนึ่งเยอะมาก กว่าแสนล้าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอในการรับใช้ทางด้านสุขภาพอย่างเต็มที่ ทุกคนก็พยายามเต็มที่อยู่แล้ว แต่มีทรัพยากร งบประมาณที่จำกัด

“หมอณรงค์”เปลี่ยนใจไม่ลาพักร้อน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ลาพักร้อนตามที่ได้แจ้งไว้แต่แรก แต่ได้เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี โดยห้องทำงานอยู่ที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ มาช่วยดูงานให้คำปรึกษางานวิชาการ กำกับนโนบาย ยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ

ชาว สธ.แต่งชุดดำทำงานถึง 31 มี.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ ของบุคลากรสาธารณสุขตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ พบว่า มีการนัดแต่งกายด้วยชุดสีดำ และพร้อมใจกันขึ้นป้ายให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก อาทิ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี รพ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี รพ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รพ.อ่างทอง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พะเยา รพ.พะเยา รพ.แพร่ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ รพ.แม่สอด จ.ตาก รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี รพ.สุรินทร์ จ.สุรินทร์ ซึ่งได้มีการโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก “เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข”

สำหรับเนื้อหาของป้าย ส่วนใหญ่เป็นการให้กำลังใจ ปลัด สธ. อาทิ “เราจะสานต่องานและเป็นกำลังใจให้ท่าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์” “ถ้าประเทศไทยไม่มีธรรมาภิบาล ข้าราชการและประชาชน จะอยู่อย่างไร” เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัด สธ. ในฐานะ รักษาการปลัด สธ. เพื่อสอบถามถึงการเตรียมพร้อมกรณีการขึ้นป้าย และแต่งชุดดำ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ด้าน พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เริ่มมีการแต่งชุดดำ และขึ้นป้ายประท้วงกันแล้ว และในส่วนของ รพ.สุรินทร์ ที่ตนทำงานอยู่นั้น จะขึ้นป้ายในช่วงบ่าย โดยการแต่งชุดดำนั้นเพื่อไว้อาลัยที่ สธ. ไม่มีธรรมาภิบาล และไว้อาลัยในตัวของ รมว.สาธารณสุข และรมช.สาธารณสุข ที่ทั้งสอง ได้ตายไปจากหัวใจชาวสาธารณสุขแล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับการร่างหนังสือเพื่อยื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น ยังติดอยู่ที่เนื้อหา แต่ภายในสัปดาห์นี้ จะสามารถยื่นหนังสือได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ประชาคมสาธารณสุข ก็ยังขอรอดูท่าทีการไปทำงานวันแรกของปลัดสธ. ที่สำนักนายกฯก่อน ว่าเป็นอย่างไร ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วมีงานให้ทำหรือไม่ เนื่องจากพวกเราทุกคนเคารพในตัวของนายกฯ และอยากให้นายกฯ สนใจในปัญหาของพวกเราบ้าง

นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันที่ 16 มี.ค. บุคลากรเริ่มมีการแต่งชุดดำมาทำงานกันแล้ว และจะแต่งดำ จนถึงวันที่ 31 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นการแต่งตามความสมัครใจ นอกจากนี้ ยังมีการขึ้นป้ายใน 2 เรื่อง คือ ธรรมาภิบาล และเรื่องสนับสนุนการทำงานของปลัดสธ. ซึ่งเป็นในแนวทางที่เหมือนกันทั้งประเทศ แต่เมื่อครบกำหนดแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้น ชาวสาธารณสุขต้องมาหารือกันก่อนเพื่อทำพร้อมๆ กันทั้งประเทศ พวกเราต้องการแสดงให้เห็นว่า พวกเรามีเอกภาพ ไม่ใช่เป็นความต้องการของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความต้องการของชาวสาธารณสุขทั้งหมด

"หมอวิชัย" ยันสั่งย้ายปลัด สธ.ถูกต้อง

นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) สัดส่วนผู้แทนองค์กรเอกชนด้านผู้สูงอายุ กล่าวถึง กรณี ป.ป.ท.ตรวจสอบ สปสช. ตามข้อร้องเรียนต่างๆ ทั้งการเอื้อประโยชน์พวกพ้อง การจ่ายเบี้ยประชุมจำนวนมาก และการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง ไม่มีประสิทธิภาพ ว่า กรรมการ สปสช. ยินดีให้ตรวจสอบหมด เพราะมีระเบียบรองรับ และทำงานมีขั้นตอน ตรวจสอบได้ แต่เกิดคำถามว่า ป.ป.ท. มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบหรือไม่ เพราะสปสช. ถูกตรวจสอบโดยตรง จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงอยากฝากถาม ป.ป.ท.เ พื่อให้ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาสตง. ได้มีการตรวจสอบทุกปี และได้เคยทักท้วง สปสช. กรณีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่ทำหน้าที่เป็น สปสช. สาขา ว่าอาจมีการดำเนินการที่ผิดระเบียบหรือไม่ ซึ่ง สปสช. มีการชี้แจงแล้วว่า เป็นที่ความเข้าใจในเรื่องคำนิยามเงื่อนไขการใช้งบประมาณ ที่อาจแตกต่างกัน ซึ่ง สตง. ก็รับทราบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อร้องเรียนว่า การดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อน ทั้งกรรมการบอร์ด สปสช. และอนุกรรมการย่อย นพ.วิชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ดำเนินการได้ ทุกบอร์ดของทุกที่ จะมีคณะอนุกรรมการ เพื่อทำงานเฉพาะ และในอนุกรรมการ ก็จะมีกรรมการในบอร์ดหลัก มาดำรงตำแหน่ง ซึ่งตรงนี้ไปสอบถามกระทรวงไหนก็มีทั้งนั้น ส่วนที่ว่าบอร์ดมักเลือกกรรมการหน้าเดิมๆ ต้องบอกว่า การเลือกกรรมการล้วนเป็นดุลยพินิจของบอร์ดแต่ละท่าน เพราะกรรมการก็จะมีทั้งกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการโดยการเลือก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือในบอร์ดสปสช. หรือไม่ว่า หากผลตรวจสอบ ป.ป.ท. แล้วเสร็จ จะมีการร้องเรียนข้อหาที่ดูไม่มีน้ำหนัก นพ.วิชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของบอร์ดในการพิจารณา

“เรื่องการตรวจสอบก็ให้เป็นไปตามระบบ ทั้งที่ ป.ป.ท. สอบ สปสช. หรือคณะกรรมการสอบสวนปลัด สธ. ที่รองนายกรัฐมนตรีตั้ง ซึ่งผมมองว่า การย้ายปลัด สธ.ไปทำงานที่สำนักนายกฯ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และควรทำมานานแล้ว เพราะต้องยอมรับว่า ปัญหาที่ผ่านมา มาจากนพ.ณรงค์ ที่ไม่ยอมเดินหน้าตามนโยบายรัฐมนตรี ทำให้การทำงานต่างๆ ล่าช้า เช่น ออกหนังสือส่งมอบหน้าที่การขึ้นทะเบียนบัตรทองคืน สปสช. ทั้งที่โรงพยาบาลทั้งหมดทำมาตลอด หากปล่อยไว้ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชน สุดท้ายก็ต้องมาหารือ และตกลงกันจนให้ดำเนินการตามเดิม ถามว่าเสียเวลาหรือไม่ แทนที่จะเอาเวลาไปเดินหน้างานอื่นๆ ” นพ.วิชัย กล่าว

เมื่อถามว่าประชาคมสาธารณสุข ขอให้นายกฯ ย้ายหรือปลด ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สธ. เพื่อความเป็นธรรม นพ.วิชัย กล่าวว่า นพ.รัชตะ เป็นอาจารย์แพทย์ มีความสุภาพ และพยายามประนีประนอมกับปลัด สธ. แต่เมื่อถึงจุดนี้ คงสุดจะทน ตนมองว่าเราควรแก้ที่ปัญหามากกว่า

ปลดป้ายเชียร์หมอณรงค์

นพ.ทรงวุฒิ หุตามัย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ที่ สสจ.อ่างทองได้มีการขึ้นป้าย “จะสานต่องาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์” และ “ถ้าประเทศไทย ไม่มีธรรมาภิบาล แล้วข้าราชการและประชาชนจะอยู่อย่างไร” เพื่อเป็นการสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อการย้าย นพ.ณรงค์ และสะท้อนว่า สิ่งที่รัฐมนตรี และคณะทำนั้นไม่ถูกต้อง โดย รพ.อ่างทอง ก็ได้ขึ้นป้ายแบบเดียวกัน ซึ่งได้นำป้ายขึ้นเวลา 09.00 น. ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ทหาร 10 นาย ได้เดินทางมาที่สสจ. และขอร้องให้นำป้ายลง จึงได้เชิญนายทหารที่เดินทางมาพูดคุยกันในห้องประชุม และเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย จึงได้นำป้ายลง และมอบให้เจ้าหน้าที่ทหารไป

อย่างไรก็ตาม มีความเข้าใจการทำหน้าที่ของทหาร แต่ยืนยันว่า สิ่งที่ทำนั้นเป็นเพียงการสะท้อนความรู้สึกของข้าราชการ ไม่ได้มีการต่อต้านรัฐบาลแต่อย่างใด

"รัชตะ" เรียกประชุมด่วนผู้บริหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว. สธ. และประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อดูงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องภัยพิบัติ โดยเมื่อเวลา 17.00 น. ศ.นพ.รัชตะ ได้เดินทางเข้ามายังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เพื่อเตรียมตัวในการเดินทางไปยังโรงแรมพักพิงอิงทาง เนื่องจากได้สั่งการให้ผู้บริหาร อธิบดีทุกกรม ร่วมประชุมหารือ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามทำข่าว

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวถึงกรณีบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลทุกระดับแต่งชุดสีดำทำงาน และขึ้นป้ายให้กำลังใจปลัดสธ. ว่า เรื่องนี้เคยสื่อสารไปแล้ว และขอความร่วมมือว่า การกระทำอะไร ขออย่าให้กระทบกับการบริการประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการทำหนังสือห้ามปรามหรือไม่ ศ.นพ.รัชตะ ไม่ตอบ โดยเดินเข้าลิฟต์เพื่อไปยังชั้น 4 ห้องทำงานทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น