**การข่าวของทหารที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถจับกุมสองคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิดที่ศาลอาญาได้ทันทีที่ก่อเหตุ แต่เรื่องนี้คงไม่แฮปปี้เอนดิ้ง ถ้าจบแบบตัดตอนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการจับกุมขบวนการก่อการร้ายครั้งแรก จากกรณี “ขอนแก่นโมเดล”พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะรองผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 แถลงจับกุมแกนนำกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่นได้ผู้ต้องหารวม 22 คน เป็นชาย 21 คน หญิง 1 คน โดยจับได้ที่ชลพฤกษ์อพาร์ทเม้นต์ ต.บ้านเป็ด อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 24 พ.ค.57
โดยกลุ่มคนเหล่านี้ได้ออกปฏิบัติการป่วนเมืองใช้ชื่อ “ขอนแก่นโมเดล”เพื่อให้เกิดการจลาจล พร้อมของกลางระเบิดขว้าง 3 ลูก ระเบิดควัน 1ลูก มีดปลายปืน มีดสปาต้า กระสุนปืน รวม 356 นัด ถังแก๊ส 2 ใบ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ อาทิ วิทยุสื่อสาร กล้องส่องทางไกล กุญแจมือ เสื้อเกราะ ผ้าพันคอสีแดง แผนผังวงจรระเบิด ที่สำคัญคือ มีแม้กระทั่งแผนภูมิวางระเบิดภาคใต้ !
การจับกุมและสอบสวนพบหลักฐานที่สามารถสาวตัวไปถึงผู้บงการได้ แต่สุดท้ายก็ตัดตอนอยู่แค่ปลาซิว ปลาสร้อย ที่เป็นลูกกะจ๊อกเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในการสอบสวนผู้ต้องหารายหนึ่ง มีการติดต่อทาง“ไลน์” กับ “คนแดนไกล”โดยตรง มีการวางแผนใช้ชื่อ “ทักกี้ นิว –Takky New ซึ่ง เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โพสต์ข้อความแฉลงเฟซบุ๊ก ชื่อ “Sermsuk
Kasitipradit”เกี่ยวกับ “ขอนแก่นโมเดล”อธิบายว่า
**ในการสอบสวนพบว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มดอกจาน”มีหัวโจกใหญ่ในกลุ่มชื่อ นายมีชัย ม่วงมนตรี และได้นำไลน์ที่มีการติดต่อกันซึ่งเสริมสุข ฟันธงว่าเป็นข้อความที่ระบุได้ชัดเจนว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”นักโทษหนีดคดีอยู่เบื้องหลัง และเป็นคนต้นคิด ให้เงิน ติดต่อประสานงาน และออกคำสั่งด้วยตัวเองทั้งหมด และการสอบสวนในครั้งนั้ ยังประเมินด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้จัดตั้งกลุ่มดอกจาน ของนายมีชัยเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ติดอาวุธ
เสริมสุข ยังได้นำข้อความที่สนทนาผ่านไลน์มาเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ที่ทำให้สังคมต้องผงะถึงความชั่วของบางคนที่เนรคุณแผ่นดิน ทำร้ายประเทศโดยไร้สำนึก กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่มีทางจะเป็น “องคุลีมาล”ที่หลายคนพยายามจะบอกให้สังคม“ให้อภัย”
ตัวอย่างข้อความไลน์ ที่เสริมสุข โพสต์ มีดังนี้
วันที่ 20 ก.พ. ส่งไปว่า ผมพร้อมแล้วครับ รอสัญญาณจากท่านครับ ทักษิณ ตอบว่า we should plan to start soon
วันที่ 25 ก.พ. มีชัยไลน์ บอกว่า พร้อมรับคำสั่ง ทักษิณ ตอบกลับว่า Do whatever you can
วันที่ 26 ก.พ. มีชัย ไลน์ไปว่า พร้อมปฏิบัติการ ทั่วประเทศ เพื่อรื้อโครงสร้างใหม่ พวกเราชุดหนึ่งจะปิด ป.ป.ช.ไม่ให้ คุณปูไปรับข้อกล่าวหา
วันที่ 28 ม.ค. มีชัย ไลน์ไปว่า องค์กรพวกเราโตอย่างรวดเร็ว กองทัพปราบกบฏพร้อมรบกับอำมาตย์ เพื่อให้ท่านกลับ ทักษิณ ตอบว่า Thanks
หลังจากกองทัพประกาศกฎอัยการศึก วันที่ 20 พ.ค มีชัย ไลน์หา ทักษิณ ว่า มวลชนจะลุกขึ้นแล้ว ต้านทานพวกเขาไม่อยู่ครับ จะทำอย่างไร
ทักษิณ ตอบว่า wait we have to work together not only one group
วันที่ 21 พ.ค มีชัย ไลน์ว่า คนของเราถูกจับที่ สภ.หนองม่วง ลพบุรี มีใครพอช่วยได้ไหมครับ ทักษิณเงียบ วันนั้นมีการจับคน ที่จ.ลพบุรี ยึดอาวุธได้จำนวนมาก และตามด้วยการยึดอาวุธอีกมาก จากผู้หญิง ที่ อ.กระทุ่มแบน จ. สมุทรสาคร
วันที่ 22 พ.ค. มีชัย ไลน์ว่า จะเอาอย่างไร ให้ระดมคนเลยไหม ประสานสายไหน หรือจะแนะนำอย่างไร ผมระดมคนพร้อมแล้ว ทั่วประเทศ..... แต่ทักษิณไม่ตอบกลับ
วันที่ 23 พ.ค. ทักษิณไลน์ ตอบมาว่า can't talk right now I call you later. Phone is trapped stay quiet for one or two days.
มีชัย ตอบว่า เย็นนี้ จะทำงานแล้ว ขอกำลังสนับสนุน ประสานงานกับฝ่ายรัฐบาล ที่หมาย ขอนแก่นโมเดล อันเป็นข้อความสุดท้าย ก่อนที่นายมีชัยกับพวก จะถูกจับ !!
หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ แต่บทสรุปจบลงที่มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 26 คน ส่งศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น เป็นคดีหมายเลขดำที่ 10 ก./2557 ฟ้องความผิด 9 ข้อหา มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ประกอบด้วย
1. ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง 2. ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้ หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้
3. เป็นซ่องโจร 4. มีและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
5. มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6. พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร 7. มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาต 8. มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และ 9. มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
มีการพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 21 ต.ค.57 ต่อมาในวันที่ 26 พ.ย.57 ศาลทหารฯ อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 7 คน เนื่องจากป่วยด้วยโรคร้ายแรง ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 19 คน ยังถูกคุมขังในเรือนจำ
**สถานะของคดียังไม่ยุติ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไม“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์”ไม่ขยายผลประเด็นนี้ ทั้งๆ ที่เห็นหลักฐานอยู่โต้งๆ ว่าพัวพันไปถึงนักโทษหนีคดี แต่กลับปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปกับสายลม
คดีขอนแก่นโมเดล กับการก่อเหตุระเบิดป่วนเมืองหลายครั้ง แม้แต่ที่ภาคใต้ในบางเหตุการณ์ อาจเป็นขบวนการเชื่อมโยงกัน แต่กลับไม่มีการมองภาพรวมของปัญหาและดำเนินคดีอย่างเป็นระบบ
แม้แต่การจับกุมตัวผู้ก่อเหตุปาระเบิดศาลอาญา ซึ่งทางตำรวจได้นำ นายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในสองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ในวันที่ 7 มี.ค. 58 (ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ รักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ ) มาแถลงข่าวกลางดึก ของวันที่ 8 มี.ค. 58 หลุดปากสารภาพว่า ต้องการการปกครองแบบ “สหพันธรัฐ”มีการติดต่อและประสานกันอย่างเป็นระบบ ถึงขั้นมีการประชุมวิชาการกันเสียด้วย โดยมีการระบุถึง “เดียร์ออสเตรเลีย”ว่า มีแผนที่จะก่อความรุนแรงในประเทศไทย เพื่อดึงองค์การสหประชาชาติ เข้ามาแทรกแซงรัฐบาลไทย
อุดมการณ์ประชาธิปไตยของ “มหาหิน”ที่ใช้เป็นข้ออ้างในการก่ออาชญากรรม มีค่าตอบแทนในการปฏิบัติภารกิจปาระเบิดศาลอาญา 2 หมื่นบาท และยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 10 มี.ค. แกนนำกลุ่มมีการนัดประชุมวางแผนก่อเหตุป่วนทั่วทุกภาคเป็น 100 จุดพร้อมกัน ในวันที่ 15 มี.ค.58
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า รู้ว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่หลบหนีคดีอยู่ในประเทศรอบบ้านของไทย และกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
"เขาสร้างความตื่นตระหนกให้เห็นว่า เขามีบทบาทอยู่แค่เท่านั้น คนที่ไปเสียเงินจ้างมา ก็โง่กว่าเขา คนทำก็โง่ มีการไปฝึกอาวุธที่ประเทศลาว"
**ขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่า การข่าวแม่น หลักฐานแน่นหนา มีอำนาจล้นฟ้าขนาดนี้ อย่าปล่อยให้ผู้บงการทำร้ายประเทศไทยลอยนวล
ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการจับกุมขบวนการก่อการร้ายครั้งแรก จากกรณี “ขอนแก่นโมเดล”พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะรองผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 แถลงจับกุมแกนนำกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่นได้ผู้ต้องหารวม 22 คน เป็นชาย 21 คน หญิง 1 คน โดยจับได้ที่ชลพฤกษ์อพาร์ทเม้นต์ ต.บ้านเป็ด อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 24 พ.ค.57
โดยกลุ่มคนเหล่านี้ได้ออกปฏิบัติการป่วนเมืองใช้ชื่อ “ขอนแก่นโมเดล”เพื่อให้เกิดการจลาจล พร้อมของกลางระเบิดขว้าง 3 ลูก ระเบิดควัน 1ลูก มีดปลายปืน มีดสปาต้า กระสุนปืน รวม 356 นัด ถังแก๊ส 2 ใบ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ อาทิ วิทยุสื่อสาร กล้องส่องทางไกล กุญแจมือ เสื้อเกราะ ผ้าพันคอสีแดง แผนผังวงจรระเบิด ที่สำคัญคือ มีแม้กระทั่งแผนภูมิวางระเบิดภาคใต้ !
การจับกุมและสอบสวนพบหลักฐานที่สามารถสาวตัวไปถึงผู้บงการได้ แต่สุดท้ายก็ตัดตอนอยู่แค่ปลาซิว ปลาสร้อย ที่เป็นลูกกะจ๊อกเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในการสอบสวนผู้ต้องหารายหนึ่ง มีการติดต่อทาง“ไลน์” กับ “คนแดนไกล”โดยตรง มีการวางแผนใช้ชื่อ “ทักกี้ นิว –Takky New ซึ่ง เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โพสต์ข้อความแฉลงเฟซบุ๊ก ชื่อ “Sermsuk
Kasitipradit”เกี่ยวกับ “ขอนแก่นโมเดล”อธิบายว่า
**ในการสอบสวนพบว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มดอกจาน”มีหัวโจกใหญ่ในกลุ่มชื่อ นายมีชัย ม่วงมนตรี และได้นำไลน์ที่มีการติดต่อกันซึ่งเสริมสุข ฟันธงว่าเป็นข้อความที่ระบุได้ชัดเจนว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”นักโทษหนีดคดีอยู่เบื้องหลัง และเป็นคนต้นคิด ให้เงิน ติดต่อประสานงาน และออกคำสั่งด้วยตัวเองทั้งหมด และการสอบสวนในครั้งนั้ ยังประเมินด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้จัดตั้งกลุ่มดอกจาน ของนายมีชัยเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ติดอาวุธ
เสริมสุข ยังได้นำข้อความที่สนทนาผ่านไลน์มาเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ที่ทำให้สังคมต้องผงะถึงความชั่วของบางคนที่เนรคุณแผ่นดิน ทำร้ายประเทศโดยไร้สำนึก กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่มีทางจะเป็น “องคุลีมาล”ที่หลายคนพยายามจะบอกให้สังคม“ให้อภัย”
ตัวอย่างข้อความไลน์ ที่เสริมสุข โพสต์ มีดังนี้
วันที่ 20 ก.พ. ส่งไปว่า ผมพร้อมแล้วครับ รอสัญญาณจากท่านครับ ทักษิณ ตอบว่า we should plan to start soon
วันที่ 25 ก.พ. มีชัยไลน์ บอกว่า พร้อมรับคำสั่ง ทักษิณ ตอบกลับว่า Do whatever you can
วันที่ 26 ก.พ. มีชัย ไลน์ไปว่า พร้อมปฏิบัติการ ทั่วประเทศ เพื่อรื้อโครงสร้างใหม่ พวกเราชุดหนึ่งจะปิด ป.ป.ช.ไม่ให้ คุณปูไปรับข้อกล่าวหา
วันที่ 28 ม.ค. มีชัย ไลน์ไปว่า องค์กรพวกเราโตอย่างรวดเร็ว กองทัพปราบกบฏพร้อมรบกับอำมาตย์ เพื่อให้ท่านกลับ ทักษิณ ตอบว่า Thanks
หลังจากกองทัพประกาศกฎอัยการศึก วันที่ 20 พ.ค มีชัย ไลน์หา ทักษิณ ว่า มวลชนจะลุกขึ้นแล้ว ต้านทานพวกเขาไม่อยู่ครับ จะทำอย่างไร
ทักษิณ ตอบว่า wait we have to work together not only one group
วันที่ 21 พ.ค มีชัย ไลน์ว่า คนของเราถูกจับที่ สภ.หนองม่วง ลพบุรี มีใครพอช่วยได้ไหมครับ ทักษิณเงียบ วันนั้นมีการจับคน ที่จ.ลพบุรี ยึดอาวุธได้จำนวนมาก และตามด้วยการยึดอาวุธอีกมาก จากผู้หญิง ที่ อ.กระทุ่มแบน จ. สมุทรสาคร
วันที่ 22 พ.ค. มีชัย ไลน์ว่า จะเอาอย่างไร ให้ระดมคนเลยไหม ประสานสายไหน หรือจะแนะนำอย่างไร ผมระดมคนพร้อมแล้ว ทั่วประเทศ..... แต่ทักษิณไม่ตอบกลับ
วันที่ 23 พ.ค. ทักษิณไลน์ ตอบมาว่า can't talk right now I call you later. Phone is trapped stay quiet for one or two days.
มีชัย ตอบว่า เย็นนี้ จะทำงานแล้ว ขอกำลังสนับสนุน ประสานงานกับฝ่ายรัฐบาล ที่หมาย ขอนแก่นโมเดล อันเป็นข้อความสุดท้าย ก่อนที่นายมีชัยกับพวก จะถูกจับ !!
หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ แต่บทสรุปจบลงที่มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 26 คน ส่งศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น เป็นคดีหมายเลขดำที่ 10 ก./2557 ฟ้องความผิด 9 ข้อหา มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ประกอบด้วย
1. ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง 2. ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้ หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้
3. เป็นซ่องโจร 4. มีและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
5. มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6. พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร 7. มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาต 8. มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และ 9. มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
มีการพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 21 ต.ค.57 ต่อมาในวันที่ 26 พ.ย.57 ศาลทหารฯ อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 7 คน เนื่องจากป่วยด้วยโรคร้ายแรง ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 19 คน ยังถูกคุมขังในเรือนจำ
**สถานะของคดียังไม่ยุติ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไม“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์”ไม่ขยายผลประเด็นนี้ ทั้งๆ ที่เห็นหลักฐานอยู่โต้งๆ ว่าพัวพันไปถึงนักโทษหนีคดี แต่กลับปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปกับสายลม
คดีขอนแก่นโมเดล กับการก่อเหตุระเบิดป่วนเมืองหลายครั้ง แม้แต่ที่ภาคใต้ในบางเหตุการณ์ อาจเป็นขบวนการเชื่อมโยงกัน แต่กลับไม่มีการมองภาพรวมของปัญหาและดำเนินคดีอย่างเป็นระบบ
แม้แต่การจับกุมตัวผู้ก่อเหตุปาระเบิดศาลอาญา ซึ่งทางตำรวจได้นำ นายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในสองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ในวันที่ 7 มี.ค. 58 (ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ รักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ ) มาแถลงข่าวกลางดึก ของวันที่ 8 มี.ค. 58 หลุดปากสารภาพว่า ต้องการการปกครองแบบ “สหพันธรัฐ”มีการติดต่อและประสานกันอย่างเป็นระบบ ถึงขั้นมีการประชุมวิชาการกันเสียด้วย โดยมีการระบุถึง “เดียร์ออสเตรเลีย”ว่า มีแผนที่จะก่อความรุนแรงในประเทศไทย เพื่อดึงองค์การสหประชาชาติ เข้ามาแทรกแซงรัฐบาลไทย
อุดมการณ์ประชาธิปไตยของ “มหาหิน”ที่ใช้เป็นข้ออ้างในการก่ออาชญากรรม มีค่าตอบแทนในการปฏิบัติภารกิจปาระเบิดศาลอาญา 2 หมื่นบาท และยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 10 มี.ค. แกนนำกลุ่มมีการนัดประชุมวางแผนก่อเหตุป่วนทั่วทุกภาคเป็น 100 จุดพร้อมกัน ในวันที่ 15 มี.ค.58
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า รู้ว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่หลบหนีคดีอยู่ในประเทศรอบบ้านของไทย และกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
"เขาสร้างความตื่นตระหนกให้เห็นว่า เขามีบทบาทอยู่แค่เท่านั้น คนที่ไปเสียเงินจ้างมา ก็โง่กว่าเขา คนทำก็โง่ มีการไปฝึกอาวุธที่ประเทศลาว"
**ขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่า การข่าวแม่น หลักฐานแน่นหนา มีอำนาจล้นฟ้าขนาดนี้ อย่าปล่อยให้ผู้บงการทำร้ายประเทศไทยลอยนวล