รายงานการเมือง
การข่าวของทหารที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถจับกุมสองคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิดที่ศาลอาญาได้ทันทีที่ก่อเหตุ แต่เรื่องนี้คงไม่แฮปปี้เอนดิ้งถ้าจบแบบตัดตอนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีการจับกุมขบวนการก่อการร้ายครั้งแรกจากกรณี “ขอนแก่นโมเดล” พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะรองผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 แถลงจับกุมแกนนำกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่นได้ผู้ต้องหารวม 22 คน เป็นชาย 21 คน หญิง 1 คน โดยจับได้ที่ชลพฤกษ์อพาร์ทเม้นต์ ต.บ้านเป็น อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2557
โดยกลุ่มคนเหล่านี้ได้ออกปฏิบัติการป่วนเมือง ใช้ชื่อ “ขอนแก่นโมเดล” เพื่อให้เกิดการจลาจล พร้อมของกลางระเบิดขว้าง 3 ลูก ระเบิดควัน 1 ลูก มีดปลายปืน มีด สปาต้า กระสุนปืน รวม 356 นัด ถังแก๊ส 2 ใบ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายงาน อาทิ วิทยุสื่อสาร กล้องส่องทางไกล กุญแจมือ เสื้อเกราะ ผ้าพันคอสีแดง แผนผังวงจรระเบิด ที่สำคัญคือมีแม้กระทั่งแผนภูมิวางระเบิดภาคใต้!
การจับกุมและสอบสวนพบหลักฐานที่สามารถสาวตัวไปถึงผู้บงการได้ แต่สุดท้ายก็ตัดตอนอยู่แค่ปลาซิว ปลาสร้อยที่เป็นลูกกะจ๊อกเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในการสอบสวนผู้ต้องหารายหนึ่งมีการติดต่อทาง “ไลน์” กับ “คนแดนไกล” โดยตรง มีการวางแผนใช้ชื่อ “ทักกี้ นิว - Takky New” ซึ่ง เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โพสต์ข้อความแฉลงเฟซบุ๊กชื่อ “Sermsuk Kasitipradit” เกี่ยวกับ “ขอนแก่นโมเดล” อธิบายว่า
ในการสอบสวนพบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มดอกจาน” มีหัวโจกใหญ่ในกลุ่มชื่อ นายมีชัย ม่วงมนตรี และได้นำไลน์ที่มีการติดต่อกันซึ่งเสริมสุขฟันธงว่าเป็นข้อความที่ระบุได้ชัดเจนว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีดคดีอยู่เบื้องหลังและเป็นคนต้นคิด ให้เงิน ติดต่อประสานงาน และออกคำสั่งด้วยตัวเองทั้งหมด และการสอบสวนในครั้งนี้ยังประเมินด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้จัดตั้งกลุ่มดอกจานของนายมีชัยเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ติดอาวุธ
เสริมสุขยังได้นำข้อความที่สนทนาผ่านไลน์มาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กที่ทำให้สังคมต้องผงะถึงความชั่วของบางคนที่เนรคุณแผ่นดิน ทำร้ายประเทศโดยไร้สำนึก กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่มีทางจะเป็น “องคุลิมาล” ที่หลายคนพยายามจะบอกให้สังคม “ให้อภัย”
ตัวอย่างข้อความไลน์ ที่เสริมสุข โพสต์ มีดังนี้
“วันที่ 20 ก.พ. ส่งไปว่า ผมพร้อมแล้วครับ รอสัญญาณจากท่านครับ ทักษิณตอบว่า we should plan to start soon
วันที่ 25 ก.พ. มีชัยไลน์บอกว่า พร้อมรับคำสั่ง ทักษิณตอบกลับว่า Do whatever you can
วันที่ 26 ก.พ. มีชัยไลน์ไปว่า พร้อมปฏิบัติการทั่วประเทศ เพื่อรื้อโครงสร้างใหม่ พวกเราชุดหนึ่งจะปิด ป.ป.ช.ไม่ให้คุณปูไปรับข้อกล่าวหา
วันที่ 28 ม.ค. มีชัยไลน์ไปว่า องค์กรพวกเราโตอย่างรวดเร็ว กองทัพปราบกบฏพร้อมรบกับอำมาตย์ เพื่อให้ท่านกลับ ทักษิณตอบว่า Thanks
หลังจากกองทัพประกาศกฎอัยการศึก วันที่ 20 พ.ค มีชัยไลน์หาทักษิณว่า มวลชนจะลุกขึ้นแล้ว ต้านทานพวกเขาไม่อยู่ครับ จะทำอย่างไร
ทักษิณตอบว่า wait we have to work together not only one group
วันที่ 21 พ.ค. มีชัยไลน์ว่า คนของเราถูกจับที่ สภ.หนองม่วง ลพบุรี มีใครพอช่วยได้ไหมครับ ทักษิณเงียบ วันนั้นมีการจับคนที่ จ.ลพบุรี ยึดอาวุธได้จำนวนมาก และตามด้วยการยึดอาวุธอีกมากจากผู้หญิงที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
วันที่ 22 พ.ค. มีชัยไลน์ว่าจะเอาอย่างไร ให้ระดมคนเลยไหม ประสานสายไหน หรือ จะแนะนำอย่างไร ผมระดมคนพร้อมแล้ว ทั่วประเทศ... แต่ทักษิณไม่ตอบกลับ
วันที่ 23 พ.ค. ทักษิณไลน์ตอบมาว่า can't talk right now I call you later. Phone is trapped stay quiet for one or two days.
มีชัยตอบว่า เย็นนี้จะทำงานแล้ว ขอกำลังสนับสนุน ประสานงานกับฝ่ายรัฐบาล ที่หมายขอนแก่นโมเดล อันเป็นข้อความสุดท้าย ก่อนที่นายมีชัยกับพวกจะถูกจับ!!”
หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ แต่บทสรุปจบลงที่มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 26 คน ส่งศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น เป็นคดีหมายเลขดำที่ 10 ก./2557 ฟ้องความผิด 9 ข้อหา มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ประกอบด้วย
1. ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง 2. ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้
3. เป็นซ่องโจร 4. มีและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
5. มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6. พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร 7. มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาต 8. มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และ 9. มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
มีการพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 21 ตุลาคม 2557 ต่อมาในวันที่ 26 พ.ย. 57 ศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 7 คน เนื่องจากป่วยด้วยโรคร้ายแรง ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 19 คนยังถูกคุมขังในเรือนจำ
สถานะของคดียังไม่ยุติ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ทำไม “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ขยายผลประเด็นนี้ทั้งๆ ที่เห็นหลักฐานอยู่โต้งๆ ว่าพัวพันไปถึงนักโทษหนีคดี แต่กลับปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปกับสายลม
คดีขอนแก่นโมเดลกับการก่อเหตุระเบิดป่วนเมืองหลายครั้ง แม้แต่ที่ภาคใต้ในบางเหตุการณ์อาจเป็นขบวนการเชื่อมโยงกัน แต่กลับไม่มีการมองภาพรวมของปัญหาและดำเนินคดีอย่างเป็นระบบ
แม้แต่การจับกุมตัวผู้ก่อเหตุปาระเบิดศาลอาญา ซึ่งทางตำรวจได้นำนายมหาหิน ขุนทอง 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ในวันที่ 7 มีนาคม 2557 (ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ รักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากมีการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่) มาแถลงข่าวกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม 2558 หลุดปากสารภาพว่าต้องการการปกครองแบบ “สหพันธรัฐ” มีการติดต่อและประสานกันอย่างเป็นระบบ ถึงขั้นมีการประชุมวิชาการกันเสียด้วย โดยมีการระบุถึง “เดียร์ ออสเตรเลีย” ว่ามีแผนที่จะก่อความรุนแรงในประเทศไทยเพื่อดึงองค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงรัฐบาลไทย
อุดมการณ์ประชาธิปไตยของ “มหาหิน” ที่ใช้เป็นข้ออ้างในการก่ออาชญากรรมมีค่าตอบแทนในการปฏิบัติภารกิจปาระเบิดศาลอาญา 2 หมื่นบาท และยังเปิดเผยด้วยว่าในวันที่ 10 มีนาคม แกนนำกลุ่มมีการนัดประชุมวางแผนก่อเหตุป่วนทั่วทุกภาคเป็น 100 จุดพร้อมกันในวันที่ 15 มีนาคม 2558
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า รู้ว่านายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่หลบหนีคดีอยู่ในประเทศรอบบ้านของไทย และกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“เขาสร้างความตื่นตระหนกให้เห็นว่าเขามีบทบาทอยู่แค่เท่านั้น คนที่ไปเสียเงินจ้างมาก็โง่กว่าเขา คนทำก็โง่ มีการไปฝึกอาวุธที่ประเทศลาว”
ขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่า การข่าวแม่น หลักฐานแน่นหนา มีอำนาจล้นฟ้าขนาดนี้ อย่าปล่อยให้ผู้บงการทำร้ายประเทศไทยลอยนวล