xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ปฏิรูปตำรวจไทย”ไปไม่ถึง แค่ละเมอเหมือน “บอลไทยไปบอลโลก"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อีกครั้งที่จำเป็นต้องเขียนถึงการปฏิรูปตำรวจไทย เพราะเท่าที่สัมผัสอยู่ใก้ลชิดกับวงการตำรวจ(ไทย)มานานกว่า 20 ปีบอกตรงๆว่าไม่เคยเชื่อสักนิดเดียวว่าบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายโดยเฉพาะตำรวจใหญ่เขาจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือยอมปฏิรูปตัวเองเพื่อเป็นตำรวจของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน

ล่าสุดพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.ลงทุนเป็นประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบงานตำรวจ จัดโดยโรงเรียนนายร้อยตำรวจโดยมุ่งหวังเพื่อนำข้อมูลต่างๆไปเสนอแนะสู่แนวทางปฏิรูปงานตำรวจและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้ร่วมงานประกอบด้วยข้าราชการตำรวจระดับ พ.ต.อ.ขึ้นไป 64 นาย อันเป็นตัวแทนจากสังกัดต่างๆทั่วประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ผู้แทนภาครัฐ -เอกชนตลอดจนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป และแบ่งเป็น 4 กลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดเห็นใน 4 ประเด็นหลักคือ

1.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง
2.แนวทางการกระจายอำนาจ
3.การมีส่วนร่วมของประชาชน
4.การถ่ายโอนภาระกิจและงานสอบสวนของตำรวจไปให้หน่วยงานอื่นของรัฐที่มีหน้าที่

ตอนท้ายของการสัมมนาพล.ต.อ.สมยศ กล่าวยอมรับว่าวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสปฏิรูปโครงสร้างตำรวจเป็นกระแสหลักในสังคมไทยเนื่องจากประชาชนมีคววาสมคาดหวังต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีกว่าเดิม ทั้ง สปช.และ สนช.จะต้องกล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจเสมอ ทั้งบุคคลที่เป็นขาประจำ ขาจรดาวรุ่ง หรืแม้อดีตตำรวจเองก็ตามแต่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งสิ้น

“การปฏิรูปพี่น้องประชาชนต้องได้ประโยชน์ แต่ในการปฏิรูปขอให้ตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมรับรู้และแสดงความคิดเห็นด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่าตำรวจด้วยกันเอง”

สรุปว่า ผบ.ตร.ไม่เคยพลาดที่จะขอโอกาสให้ตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิรูป และไม่เคยพลาดที่จะยกความเห็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ที่เห็นพ้องต้องกันกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ว่าต้องเอาคนที่รู้เรื่องตำรวจ หรือไม่ก็ต้องเป็นตำรวจที่จะปฏิรูปตัวเอง

...ตำรวจจะปฏิรูปไปในทิศทางไหน...ตำรวจจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง..ยอมลดอำนาจ...ลดบทบาทจริงหรือ...เป็นประเด็นที่ขอละไว้ก่อนพาไปยังข้อมูลเก่าที่อาจทำให้เห็นภาพอะไรชัดเจนมากยิ่งขึ้น...ขอเริ่มจากการปฏิรูปตำรวจสมัยรัฐบาล “ขิงแก่”ของพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ การปฏิรูปในครั้งนั้นมีพล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชรอดีตรองอ.ตร.เป็นประธานการปฏิรูปในยุคนั้นใช้ชื่อคณะทำงานว่า “คณะพิจารณาระบบงานตำรวจ” มีคณะกรรมการชุดใหญ่ 28 คนใช้เวลา 1 ปีร่างเป็นกฎหมาย 2 ฉบับเสนอนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นแต่ถูกคัดค้านโดยตำรวจด้วยกัน (ตำรวจระบบทักษิณ)

คณะตำรวจที่ลงรายชื่อไม่เห็นด้วยขอเข้าพบนายกฯ และที่สุดจากการต่อรองได้มีการแต่งตั้งพล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีตอ.ตร.เป็นประธานฯยกร่างกฎหมายปฏิรูปตำรวจขึ้นมาอีกทำให้ฉบับของพล.ต.อ.วสิษฏ์ ต้องตกไป

พ.ศ.2550 รัฐบาลขิงแก่หมออายุ พอเข้ายุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วงพ.ศ.2552 มีการหยิบยกเรื่องการปฏิรูปตำรวจขึ้นมาพิจารณาอีกแต่ด้วยระยะเวลาบริหารประเทศเพียง 1 ปี นายกฯอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาเลือกตั้งทั่วประเทศ การปฏิรูปตำรวจต้องค้างเติ่งไปอีกล่นมาจานถึงยุคน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากการปฏิรูปตำรวจไม่เกิดขึ้นรัฐบาลยังใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ เดินหน้าสร้างฐานอำนาจอย่างเต็มที่

พ.ศ.2556 - 2557 เกิดความวุ่นวายทางการเมืองเกิดกลุ่มมวลชนนำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” หรือ กปปส. อันมีนกหวีดเป่าส่งเสียงเป็นสัญญาลักษณ์และอาวุธ

มวลชนกลุ่มนี้ออกมาเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างจริงจังโดยมีเหตุผลหลักจากการที่ตำรวจในยุคระบอบ “ทักษิณ”เข้าบริหารประเทศนั้นได้ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ สร้างอำนาจขุ่มขู่ กลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามหรือคนที่คิดต่าง

และด้วยพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายประการของตำรวจในยุคนั้นทำให้กลุ่มมวลชน กปปส.ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทั่วไปอย่างมากมาย กระทั่งเกิดการยึดอำนาจ คณะทหารที่ใช้ชื่อ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ “หรือ คสช.ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 87-89/2557ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานตำรวจ ที่เกี่ยวกับคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เปิดทางให้ “ขั้วอำนาจใหม่”เข้าไปจัดระเบียบ-บริหารบุคคลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างเบ็ดเสร็จโดยมีกระทรวงกลาโหม (ตำแหน่งปลัดกลาโหม)เข้ามาเป็นกรรมการด้วย..เหตุผลของทหารคือเพื่อยึดโยงกับความมั่นคงมิได้เป็นการแทรกแซงจากกองทัพแต่ประการใด

เกือบ 9 เดือนเต็มของการยึดอำนาจ การปฏิรูปตำรวจที่สังคมต้องการเห็นยังไม่มีอะไรคืบหน้า หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความตั้งใจจริงป่านนี้เรา-ท่านคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมกันบ้างแล้ว

ไม่ใช่เพิ่งมาตั้ง 4 หัวข้อกันอย่างที่เกริ่นในตอนแรก และที่ยังวนเวียนหาข้อสรุปไม่เจอก็คือข้อที่ 1.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง

ข้อนี้เหมือนตั้งโจทก์ให้มันยุ่งเข้าไว้ เหมือนไก่กับไข่อย่างไหนเกิดก่อน สมัยหนึ่งตอนเป็นกรมตำรวจเคยขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย พอมายุคหนึ่งแก้ให้ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งคู่ก็นักการเมืองด้วยกันทั้งนั้น ปัญหานักการเมืองแทรกแซง หรือขายตัวขายจิตวิญญาณให้กับนักการเมืองมันคาบลูกคาบดอกกันอยู่

ถ้าให้ความเป็นธรรมนักการเมืองเขาบ้าง ระหว่างนักการเมืองชั่ว หรือตำรวจเลว มันมีเส้นแบ่งบางๆ ถ้ารู้ไส้รู้พุงกันอาจตัดสินลำบาก เอาเป็นว่ารากเง้าของปัญหาตำรวจก็มาจากคน ระบบดีแค่ไหน โครงสร้างเลิศแค่ไหนถ้าคนมันเลว เนื้อตัวมีแต่กลากเกลื้อนให้หุ้มทองแกะออกมาก็ลายทั้งตัว

เอาที่มันเป็นไปได้ดีกว่า...อย่างทุกวันนี้โผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทั้งระดับนายพลยันนายพัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ลองตอบหัวใจตัวเองให้ได้ว่ามันเป็นไปตามที่ท่านอยากให้เป็นหรือเปล่า...ท่านถูกสั่ง หรือกำหนดโดยใคร...ขัดกับความรู้สึกไหม

เรื่องหาทางให้ตำรวจพ้นจากอาณัตินักการเมือง หรือผู้มีอำนาจเลิกพูดซะทีเหอะ...ยอมรับความจริงว่ามันทำไม่ได้ สุดแต่ว่าจะเป็นยุคของใคร อำนาจนักการเมือง อำนาจทหาร ก็ค่านั้นเอง...ปัญหามันจึงอยู่ที่คนมีอำนาจและเรา (ผู้นำตำรวจ) ทั้งสองฝั่งจะมีจิตสำนึกกันมากน้อยแค่ไหน...เล่นพรรคเล่นพวกบ้าง...เลือกคนเก่ง คนดีมีฝีมือบ้าง หรือคนที่เข้าเกณฑ์ เข้าอาวุโส อย่างนั้นสังคมก็ได้รับอานิสสงค์ องค์กรตำรวจย่อมขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่าเอ่ยเชียวนะว่าการแต่งตั้งแต่ละครั้งไม่เคยมีเด็กฝากเด็กเส้น ไม่มีพรรคมีรุ่น พูดไปทำไมให้อายเขา

ที่สุดแล้วปฏิรูปตำรวจ(ไทย)คืออะไร..สามารถเป็นจริงได้ไหม...คำตอบก็คือปฏิรูปตำรวจ(ไทย)คือการวาดสวรรค์วิมานกลางอากาศ ร่างกันเสร็จจะได้ออกเป็นกฎหมายมีผลบังคบใช้หรือไม่คำตอบให้ไปดูสมัยรัฐบาล “ขิงแก่” ก็ดึงกันไปดึงกันมา

มีคนบอกว่าบางครั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ชอบทำตัวเหมือนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวคือว่างๆไม่มีอะไรทำก็ประโคมข่าวฟุตบอลไทยจะไปบอลโลก...ได้ยินกันมากี่ปีแล้วมันก็ได้กันแค่นี้ ไม่ทราบชาตินี้หรือชาติหน้า..โลกนี้หรือโลกไหนที่บอลไทยจะไปแข่งกับเขา

เฉกเช่นการปฏิรูปตำรวจ(ไทย)จะปีไหนล่ะที่คนไทยจะได้เห็น และคำสั่ง คสช.ที่87-89/2557 ตกลงจะคงไว้หรือยกเลิกเพื่อรับการปฏิรูป

ล่าสุดมีข่าวว่าเดือนนี้จะมีการโยกย้ายนายตำรวระดับพล.ต.ท.อีกอย่างน้อย 8 ตำแหน่ง มีคนใหญ่ “สีเขียว”กำหนดตัวไว้เรียบร้อย...ถามไปยัง “บิ๊กอ๊อด”มีโควตากับเขาสักคนไหม...หรือว่าพี่ใหญ่เขาล็อกไว้หมด....ตกลงเพิ่งจะเริ่มไตเติ้ลปฏิรูปตำรวจท่านผู้มีอำนาจก็เข้าเกียร์ถอยหลังตกคลองไปซะแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น