ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สัญญาณหลายอย่างเปลี่ยนไป ตั้งแต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สร้างประวัติศาสตร์เขี่ย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระเด็นออกนอกกระดานการเมือง โดยเฉพาะท่าทีของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ดุดันขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่า รัฐบาลจะกล้าถอดยิ่งลักษณ์ หลังมีกระแสข่าวลือหนาหูออกมาตลอดว่า ผู้มีบารมีคนปัจจุบันอย่าง“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ อยากปล่อยผีเพื่อปรองดองกับโจร แต่คดีดันพลิกในตอนช่วงโค้งสุดท้าย เหล่าทหารนายกองได้รับสัญญาณใหม่ให้ลุยเชือดยิ่งลักษณ์ แบบไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใครจะมาโวยวาย
หลังจากถอนรากถอนโคนยิ่งลักษณ์เสร็จ เซ่นนักการเมืองตระกูลชินวัตร ต่อเนื่องจากนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลายคนแปรรหัส สถานการณ์ของตระกูลชินวัตร น่าจะย่ำแย่ เพราะฝ่ายคุมอำนาจจ้องไล่ล่า ไม่ให้ผุดได้เกิดทางการเมืองอีก หากยังขยันส่งมา จุดจบจะลงเอยแบบเดียวกัน
ตั้งแต่วันนั้นอาการของ “บิ๊กตู่”เริ่มเปลี่ยนไป ปากคอเหมือนอมรังแตนไว้ในปาก หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย ไล่เรียงตั้งแต่ประเด็นหากยิ่งลักษณ์ จะขอออกนอกประเทศในช่วงการต่อสู้คดีบนชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “บิ๊กตู่”คำรามเสียงดัง หากศาลไม่อนุมัติ ก็ไม่ให้ แล้วยังขู่ฟ่อเลยว่า หากคิดจะหนีคงไม่ได้กลับประเทศอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เพิ่งทำงานร่วมกันมาในสมัยรัฐบาลชุดก่อน
น่าแปลกใจกับท่าทีที่แปรเปลี่ยน เพราะก่อนหน้านี้ “บิ๊กตู่”ค่อนข้างให้เกียรติยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาเก่า แม้แต่วันเข้ายึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 ยังประนีประนอมไม่จับเข้าไปดัดนิสัยในค่ายทหารเหมือนนักการเมืองรายอื่นๆ หรือก่อนหน้านี้เวลายิ่งลักษณ์ จะขอออกนอกประเทศไปหาพี่ชายที่หนีคดี คสช.ก็ไฟเขียวให้ทุกรอบ ไม่มีระแวง
แต่พลันที่สนช. มีมติ 190 เสียงล้นสภา ทุกอย่างทำท่าว่าจะไม่เหมือนเดิม แม้แต่การแถลงเปิดใจหลังโดนถอดถอนของ ยิ่งลักษณ์ ยังมีการประสานไปให้งด ห้ามจ้อ จนต้องเปลี่ยนแผนเป็นโพสต์เฟซบุ๊กแทน ครั้นนักข่าวเอาเนื้อหาที่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงไปถาม “บิ๊กตู่”ยังโดนตอกกลับทำนองมุกเดิมๆ ที่ยิ่งลักษณ์ มักใช้
อาการขึงขังเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังลิ่วล้อนักโทษชายทักษิณ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การถอดถอนครั้งนี้ “บิ๊กตู่”กลายเป็นพวกไวต่อแสง สั่ง พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะคุมกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เรียกพวกปากดีมาดีดปากรายตัว ทั้ง สิงห์ทอง บัวชุม สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จาตุรนต์ ฉายแสง วรชัย เหมะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จนกลายเป็นกระรอกม่อยกันหมด หนำซ้ำ ยังมีบริการพิเศษ ส่งทหารเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูบ้าน
ทำเอาพรรคเพื่อไทยหงอยเหงากันทั้งค่าย ไม่กล้าออกมาแหกปากแหกคอวิพากษ์วิจารณ์แรงๆให้เห็น ผวาโดนเรียกรอบสาม กลัวจะไม่ได้ผุดได้เกิดทางการเมืองอีก
ต่อเนื่องมาถึงคิวแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนประเทศไทย แรกๆ ต้อนรับขับสู่อย่างดีด้วยการให้คนระดับรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ไปเลี้ยงดูปูเสื่อ แต่พลันที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีรายนี้ทำตัวเป็นอันธพาลโลก จุ้นจ้านการเมืองไทย โอบอุ้มยิ่งลักษณ์ กรณีถูกสนช.ถอดถอน อย่างออกนอกหน้านอกตา “บิ๊กตู่”ถึงกับควันออกหู สั่งองคาพยพรุมกระซวกไส้มะกันเละเทะ ไม่สนใจความเป็นบิ๊กเบิ้มของโลก
ทำเอาหลายคนงง เพราะที่ผ่านมาไทยมียุทธศาสตร์บริหารความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจของโลก ต่อให้สหรัฐฯ กร่างกับไทยแค่ไหน เราก็ทำไทยเฉย เกรงอกเกรงใจ กลัวได้รับผลกระทบ ไม่กล้าขัดอกขัดใจพี่เบิ้ม แต่วันนี้ประเทศไทยในยุค“บิ๊กตู่”แข็งกร้าวใส่ไม่สนขนาดไซส์ ของสหรัฐฯ หากมายุ่มย่ามการเมืองไทย
แถมยังย้อนศรอันธพาลโลกที่ขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึก หากเป็นสหรัฐฯ เจอสถานการณ์แบบประเทศไทยจะใช้มาตรการใดดูแล ทำเอา แดเนียล รัสเซล เกากบาลขอกลับไปหาคำตอบ หลายฝ่ายชี้ชัดตรงกัน ที่มะกันทำ “บิ๊กตู่”ของขึ้น เพราะดันไปสุมหัวกับนักโทษชายทักษิณ รุมกินโต๊ะรัฐบาล
กระทั่งเหตุการณ์มือดีวางระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีสยาม ใกล้ห้างสรรพสินค้าพารากอน ที่หลายคนสงสัยว่า จะเป็นระเบิดต่ออายุขัยการใช้กฎอัยการศึกหรือเปล่า เช้าวันรุ่งขึ้น “บิ๊กตู่”ไม่สน ตั้งข้อสงสัยกลุ่มที่เคยพูดว่า จะก่อเหตุในลักษณะนี้เป็นผู้ต้องหาทันควัน
ไม่ต้องถอดต้องแกะคำพูด เพราะคนจ้อในลักษณะอย่างว่า มีแค่ลูกหาบของพรรคเพื่อไทย ที่วิพากษ์วิจารณ์เอาไว้ก่อนวันถอดถอนยิ่งลักษณ์ ถึงรอบนี้ “บิ๊กตู่” พูดไม่ชัด ไม่ยอมเอ่ยชื่อเอ่ยนาม แต่การพูดแบบนี้ ไม่ต้องเสียเวลาตีความ ทุกคนรู้กันว่า พุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทยโดยตรง
แม้แต่เที่ยวล่าสุดยังตีกรอบให้แคบ ทำหน้าที่วินิจฉัยว่า ระเบิดที่ใช้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ที่มีทั้งทหาร และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และระเบิดที่ลอบทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. กลายเป็นการใบ้คำชัดๆ ว่า เหลือแค่เครือข่ายนักโทษชายทักษิณ ที่อยู่ในกลุ่มต้องสงสัย
นาทีนี้พรรคเพื่อไทย อยู่ในสภาวะเหมือนโดนไล่ต้อน ท่าทีของ “บิ๊กตู่”แต่ละวันเชี่ยวกราก ไม่มีญาติดี ผิดกับก่อนหน้านี้ที่ค่อนข้างประนีประนอม ไม่โฉงฉ่าง ไม่ผลีผลามเปิดศึก พยายามรักษาภาพเข้ามาสงบศึกมากกว่าสร้างศัตรู ทว่า ตั้งแต่วันถอดถอนยิ่งลักษณ์ เป็นต้นมา อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป
เหมือนกับรู้ตัวแล้วว่า การพยายามสร้างความปรอดองด้วยวิธีการรอมชอมแบบวิน-วิน ไม่ได้ผล เพราะคนอย่างนักโทษชายทักษิณไม่มีวันจบหากยังไม่ได้กลับบ้าน วันนี้แค่แกล้งตาย รัฐบาลพลาดพลั้งเมื่อไหร่ พร้อมเอาคืนทุกเมื่อ โดยเฉพาะวันที่ “บิ๊กตู่”ลงจากอำนาจกลายเป็นทหารแก่เกษียณราชการ
ตามท่าทีกระด้างของ “บิ๊กตู่”ระยะหลัง นโยบายปรองดองเก็บลงลิ้นชักไปแล้ว คงไม่กะตีงูแค่หลังหัก และปล่อยไป น่าจะทุบหัวให้ตายกันไปข้าง ตามคิวที่ ยิ่งลักษณ์ ขุนในกระดานของพรรคเพื่อไทย ยังโดนเขี่ยแบบไม่สนแรงกระเพื่อม
ช่วงนี้ดูเหมือน “บิ๊กตู่”จะเงี่ยหูฟังคำสั่งสอนของผู้มากบารมีแห่งบ้านน้อยเสา ที่จุดยืนชัดเจนว่าไม่เอาระบอบทักษิณ และไม่มีวันรอมชอมให้ มากกว่าช่วงแรกๆ ที่มาใหม่ๆ ที่เอาแต่ฟังพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์อย่าง“บิ๊กป้อม”คนเดียว
งานนี้เครือข่ายทักษิณน่าจะโดนไล่ต้อนจนสุดกระดาน!!!