รายงานการเมือง
น่าเป็นห่วงการทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะทำงานศึกษาแนวทางการสร้างการปรองดอง สปช.ที่มี “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” เป็นประธานเหลือเกิน หลังทัศนคติของ “บุญเลิศ คชายุทธเดช” หนึ่งในคณะกรรมการชุดดังกล่าว ยังจมปลักอยู่กับกรอบความคิดเดิมๆ
แยกแยะไม่ออกระหว่างความดีกับความชั่ว ปรองดองกับกฎหมาย ออกมากระทุ้งว่า การถอดถอน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี จะสร้างผลกระทบต่อการสร้างความปรองดองในประเทศ เป็นแบบฟอร์มเดียวกับลิ่วล้อทักษิณที่ขู่ฟ่อก่อนวันถอดถอนชนิดลอกกันมา
คณะทำงานชุดนี้จะไปรอดตลอดรอดฝั่งหรือไม่น่าสนใจไม่น้อย หลายกรรมหลายวาระบุญเลิศออกมาให้ความคิดเห็นในลักษณะปรองดองคือ การให้อภัย แทนที่จะมุ่งไปสู่การค้นหาความจริง การสำนึกผิดก่อนนิรโทษกรรม แต่ออกมาในแบบล้างไพ่ วิน-วินกันไป หรือเซตซีโร่ไปเลย
แบบเดียวกับที่ขี้ข้าทักษิณชงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยก่อนเกิดความขัดแย้งบานปลายจนคนออกมาหลับนอนกลางถนนเพื่อขับไล่รัฐบาลอย่างไรอย่างนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับชุดความคิดเดียวกัน
แถมยังให้น้ำหนักเรื่องการประกันตัวตามที่ “พะเยาว์ อัคฮาด” แม่น้องเกดชงความคิดเห็นจนออกมาเป็นมติ ข้อต่อสู้และสิ่งที่แกนนำ นปช.เรียกร้องมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ข้อเสนอของ “นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม” ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ที่ขอให้รับฟังความคิดเห็นจากทั่วประเทศก่อนกลับแผ่วเบาเหมือนกับผายลม
สิ่งที่บุญเลิศแห่งมติชนเออออห่อหมกส่วนใหญ่เป็นข้อเสนอคนเสื้อแดงทั้งนั้น
แต่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่กับท่าทีดังกล่าว ย้อนดูแบ็กกราวนด์ก่อนมานั่งกินเงินเดือนในตำแหน่งสมาชิก สปช.บุญเลิศรายนี้นี่แหละ ตัวตั้งตัวตีออกโรงเชียร์ความคิดพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง เมื่อครั้งยุคยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ เห็นเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในรัฐสภา มีเก้าอี้เป็นกรรมาธิการคณะนู้นคณะนี้ไม่หวาดไหว รายการไหนอยากได้นักวิชาการไปด่าประชาธิปัตย์ หรือ กปปส. ต่อสายมา เห็นหน้าจอทีวีประจำ
ทำตัวเหมือนเดินสายกลาง พยายามชูภาพนักวิชาการผู้คร่ำหวอดการเมืองไทย แต่แสดงความคิดเห็นทีไรพรรคเพื่อไทยเข้าตีนตลอด ราวกับคอหอยลูกกระเดือก มีพื้นที่ทำการประจำหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด ที่โดนตราหน้าว่าเป็นกระบอกเสียงขี้ข้าทักษิณในคราบคอลัมนิสต์ ทิศทางการเขียนโน้มเอียงเข้าข้างฝ่ายพรรคเพื่อไทย อัดฝ่ายตรงข้าม คนไม่ประสาการเมืองยังจับทัศนคติได้
หากคณะทำงานให้น้ำหนักกับคนคนนี้ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะวิธีการนำไปสู่ความปรองดอง ภายภาคหน้าจอดไม่ต้องแจว เพราะมีสิทธิ์ลงเอยด้วยการล้างผิดคนโกงเพื่อปรองดองจอมปลอมในเปอร์เซ็นต์สูง ตั้งขึ้นมาศึกษาเสียของกันอีกครั้ง สลับวังวนเดิมๆ ไม่ออก หลุดจากกรอบผีทักษิณไม่ได้สักที
งานปฏิรูปลำบากแน่ ไม่ใช่แค่เรื่องปรองดอง แม้แต่เรื่องตำรวจก็ยังลูกผีลูกคน จะถอยหลังลงคลองหรือไม่ วันนี้ทำกันไปสะเปะสะปะ สปช.ทำทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำอีกทาง สุดท้ายใครเป็นเจ้าภาพกันแน่ ไม่รู้จะแยกกันให้สับสนทำไม รวมกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเข้าท่ากว่า
น่าสงสัยเหมือนกัน สตช.ทำตัวเหมือนวัวสันหลังหวะ ผวาว่า สปช.จะปู้ยี้ปู้ยำโครงสร้างยุทธจักรสีกากีหรืออย่างไร เลยลุกขึ้นมาทำเอง วันก่อน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาฝันกลางวันจะทำให้วงการตำรวจปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง หัวเราะทั้งน้ำตาตัวคนพูดน่าจะส่องกระจกดูที่มาของตัวเองสักหน่อย
บางอย่างจมเกินจะขุดออกมา อย่างวัฒนธรรมเชลียร์นาย ใครทำไม่เป็นอย่าหวังว่าชาตินี้จะได้เป็นใหญ่เป็นโต กรณี พล.ต.ต.ชัชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ออกหนังสือเวียนให้ตำรวจใหม่ไปเข้าแถวคารวะและรับโอวาทจาก “ปลาไหลตัวพ่อ” บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนากันถึงบ้าน ทั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรในทางราชการเลย
ตอกลิ่มปัญหาตำรวจไทยวันนี้ยังเดินตามก้นนักการเมืองต้อยๆ อยากจะได้ดิบได้ดีต้องประจบสอพลอให้เป็น สมควรแล้วที่โดนเด้งพ้นวงจรไป เรื่องการเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เป็นวัฒนธรรมที่ดี แต่เข้าหาเวลานอกราชการก็ได้ เหตุใดต้องมีพิธีเอิกเกริก ให้คนนินทาหมาดูถูกอยู่เรื่อยไปผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
นอกจากเป็นภาพสะท้อนให้ต้องรื้อโครงสร้างตำรวจรอบใหญ่อย่างจริงจัง การเด้งผู้การสุพรรณบุรีเข้ากรุน่าสนใจไม่น้อย เพราะที่ผ่านมารับรู้กันดีในแวดวงการเมือง บรรหารบุรีใครจะได้ดีต้องผ่านความเห็นชอบปลาไหลตัวพ่อก่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้การตำรวจ หรือแม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด
ที่ผ่านมาใครผลงานเข้าตา เป็นเด็กดีอยู่ในโอวาท บรรหารยังจัดการปูนบำเหน็จให้สมน้ำสมเนื้อ อย่างผู้ว่าราชการจังหวัดคนก่อนๆ ขนาดเกษียณอายุราชการแท้ๆ ปลาไหลสุพรรณฯ ยังจัดการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่ออายุให้สองครั้งสองคราตามโควต้ากฎหมายที่เปิดช่องให้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาประจำการอยู่ในอาณาจักรศิลปอาชา
การอาจหาญเขี่ยเด็กในคาถาบรรหารกระเด็นรอบนี้ น่าจะมีสัญญาณจากผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายอำนาจเหมือนกัน ลำพัง ผบ.ตร.คงไม่กล้าฉีกหน้าปลาไหลสุพรรณบุรีตัวนี้แน่ โดยเฉพาะข่าวผู้มากบารมีแห่งบ้านน้อยเสาออกอาการหมันไส้คนตัวเตี้ยอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคยชุบเลี้ยงมากับเมือง ซึ่งพักหลังสวามิภักดิ์กับนักโทษชายทักษิณอย่างหัวปักหัวปรำแบบโงไม่ขึ้น
เป็นนักการเมืองอาวุโสแต่เสน่หากับลาภยศสรรเสริญจนเสียคนในตอนแก่ เห็นบ้านเมืองระส่ำระส่ายย่ำแย่ แต่ยังหน้ามืดสู้ถวายหัวให้นักโทษชายทักษิณ
ผู้มากบารมีแห่งบ้านน้อยเสาอดรนทนไม่ได้ ตัดหางปล่อยวัดไม่ใยดี แล้วอาจมีปฏิบัติการอาฟเตอร์ช็อกไล่ทุบค่ายชาติไทยพัฒนาของบรรหารเป็นช็อตต่อเนื่อง หลังเด็ดหัวยิ่งลักษณ์ได้สำเร็จไปก่อนหน้า สลายขั้วการเมืองอัปยศไม่ให้ฝนตกขี้หมูไหลไปรวมกันในสภาได้อีก
หนนี้ทุบจริง ทั้งชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา พลังชล ภูมิใจไทย ไม่มีใครรอด ตามกระแสข่าวหนาหู บิ๊กทหารผู้มากบารมีคนใหม่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมลงสนามการเมืองอีกครั้งหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หมดวาระ เลยต้องเดินสายทาบทามกันไว้ก่อน
ขั้วเพื่อไทยหลายรายก็โดนเด็ดให้ย้ายขั้ว ทั้ง “หญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำภาค กทม. “ยุทธ ตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำสายเชียงราย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ นายทุนใหญ่ค่ายเพื่อไทย เหล่านี้อาจสลับขั้วมาอยู่กับพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ในอนาคต
เที่ยวนี้ โดนสอยและทุบเข้ารังเพียบ!!!