“ฆาตกามซิกซ์แพก” แค่โทษประหารยังไม่สาสม

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ต้องบอกว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนจริงๆ กับกรณี “ฆาตกรข่มขืนต่อเนื่อง” ที่ตอนนี้มีคนชราตกเป็นเหยื่อข่มขืนไปแล้ว 10 ราย และ 2 รายในนี้ถูกฆ่าข่มขืน!

คดีนี้กลายเป็นข่าวดังขึ้นมา เมื่อเกิดกรณีคนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนหญิงชราวัย 72 ปี ที่อาศัยอยู่บ้านคนเดียวในบริเวณพื้นที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในวันที่ 25 ม.ค. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อตำรวจสอบสวนแล้วพบว่าเชื่อมโยงไปถึงคนร้ายรายเดียวกัน โดยเชื่อว่าเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2553 -2558 นับแล้วรวม 10 คดี! เนื่องจากผลตรวจสอบดีเอ็นอีจากอสุจิและคราบเลือดของคนร้าย พบว่าเป็นคนเดียวกัน

ผลการสืบสวน ทราบว่าลักษณะคนร้ายมีร่างกายกำยำสูงประมาณ 170 ซม. หน้าท้องมีซิกซ์แพก มักใส่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีน้ำเงิน หรือสีกรมท่า หน้าอกเสื้อสกรีนคำว่า “ประเสริฐ” ล่าสุดตำรวจได้เบาะแสมาว่าคนร้ายมีการสักยันต์ที่คอหอย ทำให้ง่ายต่อการสืบสวนมากขึ้น

ทั้งนี้ 10 คดีที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาแล้ว มีดังนี้

1.วันที่ 26 ก.ย.53 เวลา 23.00 น. บุกเข้าไปข่มขืนหญิงชราวัย 70 ปี ที่อยู่บ้านคนเดียว ท้องที่ สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

2.วันที่ 10 พ.ย.53 เวลา 02.00 น. ท้องที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม บุกเข้าไปข่มขืนหญิงชราวัย 71 ปี

3.วันที่ 8 ม.ค.55 เวลา 01.00 น. ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คนร้ายเข้าไปข่มขืนฆ่าหญิงชราอายุ 61 ปี ที่อยู่บ้านเพียงลำพัง

4. วันที่ 8 ธ.ค.55 เวลา 03.00 น. ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ครั้งนี้คนร้ายข่มขืนหญิงชราอายุ 70 ปี ที่บ้านกลางสวนผลไม้

5.วันที่ 6 ธ.ค.55 เวลา 03.00 น. ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนสาวใหญ่วัย 59 ปี

6. วันที่ 16 ธ.ค.55 เวลา 03.40 น. ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม คนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนสาวใหญ่วัย 47 ปี

7. วันที่ 23 มี.ค.56 เวลา 23.00 น. คนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนหญิงชราวัย 75 ปี เหตุเกิดท้องที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม

8. วันที่ 11 มิ.ย.56 เมื่อเวลา 00.30 น. ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม คนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนแล้วฆ่าหญิงชราวัย 78 ปี

9.วันที่ 25 ธ.ค.56 ข่มขืนหญิงวัย 39 ปี ท้องที่ สภ.สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมข่มขืนหญิงวัย 39 ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

10.วันที่ 25 ม.ค.58 เวลา 01.00 น. คนร้ายข่มขืนคนชราอายุ 72 ปี ท้องที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

สำหรับคดีล่าสุด เหยื่อให้การว่า เหตุการณ์เกิดในช่วงเวลา 01.00 น. ขณะกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้านตามลำพัง มีคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อกางเกงสีดำ และสวมหมวกไหมพรมแบบเต็มใบปิดบังใบหน้า แต่ที่ศีรษะของคนร้ายมีไฟฉายส่องกบคาดไว้อยู่ จากนั้นได้เข้ามานั่งคร่อมอยู่บนตัวแล้วใช้ผ้าห่มปิดใบหน้าของตนไว้ พร้อมกับใช้อาวุธมีดกดอยู่ที่ลำคอข่มขู่ตนว่าอย่าส่งเสียงดัง พร้อมกับลวนลามและข่มขืน หลังเสร็จกิจ คนร้ายได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบว่าหลบหนีไปทางใด เพราะไม่กล้าออกมา ต่อมาได้พยายามหาโทรศัพท์ติดต่อกับบุตรชาย แต่ก็หาโทรศัพท์ไม่เจอ จนมาพบโทรศัพท์อีกทีวางอยู่ใต้โต๊ะวางทีวี จึงรีบโทร.บอกบุตรชายทันที

น่าสังเกตว่าฆาตกรหรือฆาตกามรายนี้มักมุ่งเป้าเหยื่อไปที่ “หญิงชรา” ซึ่งอาศัยอยู่บ้านคนเดียว โดยมากจะมีบ้านพักอยู่ริมน้ำ และอาศัยอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงครามและนครปฐม พฤติกรรมของคนร้ายคือ จะลอบเข้าบ้านยามวิกาลประมาณช่วงตี 3 จากนั้นจะตัดไฟ ตัดสายโทรศัพท์บ้าน หากบ้านไหนมีสุนัขก็จะวางยาเบื่อฆ่าสุนัขให้ตาย ก่อนที่จะบุกเข้าไปงัดประตูหน้าต่างและเข้าไปข่มขืนเหยื่อ ซึ่งมักเป็นคนชรา หากรายไหนขัดขืน ก็จะฆ่าทิ้ง นอกจากนั้นยังกวาดเอาทรัพย์สินของเหยื่อ โดยเน้นเป็นเงินและทองไปด้วย ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่เหล่านั้นเกิดอาการหวาดผวา โดยเฉพาะคนชราที่คนร้ายมักจ้องเป็นเหยื่อ ในขณะที่ตำรวจก็ออกมากำชับประชาชนว่าให้ดูแลคนชราที่อยู่ในบ้านให้ดีๆ อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียว

น่าสนใจว่าท่ามกลางกระแสคดีนี้นั้น มีแพทย์ออกมาวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ว่าเป็นพฤติกรรมของกามวิตถารที่เรียกว่า “จีโรฟีเลีย” คือ ชอบร่วมเพศกับผู้สูงอายุ แต่คนมักเห็นว่าเป็นแค่รสนิยมทางเพศ จึงไม่ไปรักษา ปัจจุบันจึงมีผู้ป่วยถูกส่งตัวเข้าบำบัดปีละไม่ถึง 1%

ในขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือการมีเพศสัมพันธ์แบบแปลกๆ ปัจจุบันยังไม่สามารถบอกถึงแรงจูงใจได้ แต่ในกลุ่มที่มีความต้องการทางเพศแบบแปลกๆหากไม่ได้รับความร่วมมืออาจทำร้ายร่างกายด้วย จะเกิดจากความเจ็บป่วยหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องสอบประวัติและทดสอบก่อน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เกิดจากการเจ็บป่วย หากจับกุมได้ต้องร่วมมือกันระหว่างงานนิติจิตเวชกับยุติธรรมเพื่อปกป้องสังคม เพราะในต่างประเทศจะร่วมกันบำบัด เพื่อไม่ให้กลุ่มที่ป่วยกลับมาก่อเหตุอีก

เรื่องที่น่าตั้งคำถามหลังจากนี้คือ หากคนร้ายเป็นโรคกามวิตถารนี้จริง จะมีวิธีการเยียวยา รักษา และลงโทษอย่างไรจึงจะสาสมความผิด และนอกจากคนร้ายรายนี้แล้ว จะยังมีคนอื่นที่มีพฤติกรรมเช่นนี้และเป็นภัยต่อสังคมอีกหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่รัฐสมควรจะหาทางแก้ไขและป้องกันต่อไป เพื่อไม่ให้มีใครต้องตกเป็นเหยื่อของกามวิปริตเช่นนี้อีก!

ต้องบอกว่าหลังจากคดีนี้กลายเป็นข่าวโด่งดัง ทำให้กระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์กพูดถึงเรื่องนี้กันครึกโครม ทั้งในแง่ของการเตือนภัยจากคนร้าย และข่าวคราวคนร้าย

แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวก็คือ กรณีของนักร้องดัง “เสก โลโซ” ที่ได้ปรากฏข้อความผ่านเฟซบุ๊กของเจ้าตัวที่ “SEK LOSO” ว่า...“เนื่องจากตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ชอบข่มขืนหญิงชราในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐมได้ ทำให้มีหญิงชราหลายร้อยคนเดินทางไปยังจังหวัดนครปฐมแล้ว เป็นเหตุให้ที่พัก เต็มทุกแห่ง.. ปล.น้ำหมากงี้กระจาย กระจาย และ กระจาย ฮาๆๆ”

ปรากฏว่าหลังโพสต์ข้อความดังกล่าว เสก โลโซ ก็ถูกกระแสโจมตีว่าใช้คำพูดไม่เหมาะสม ไม่สมควรเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น พราะถือเป็นเรื่องที่เหยียบย่ำเหยื่อซ้ำ

ในขณะที่ท่าทีของตำรวจนั้น ก็ต้องบอกว่าเข้มงวดกวดขันในคดีนี้เป็นพิเศษ โดย พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้ออกมาเปิดเผยว่า คดีข่มขืนต่อเนื่องนี้ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ความสนใจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาลงมาอำนวยการทั้ง พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. นอกจากนั้น ยังมอบหมายให้ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่มีความชำนาญการตรวจพิสูจน์ลงมาช่วยการทำงาน ทั้งยังมีการประสานขอความร่วมมือจาก พ.ต.ต.หญิง แพทย์หญิง อัญชุลี ธีรวงศ์ไพศาล จิตแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ มาเป็นที่ปรึกษา เพราะเชื่อว่าคนร้ายเป็นพวก “กามวิปริต”

ส่วนตำรวจในพื้นที่ก็มีการทำงานอย่างเต็มกำลัง มีการส่งกำลังสายตรวจรถยนต์และสายตรวจตำบลนำภาพสเกตซ์ผู้ต้องสงสัยไปแจกจ่ายให้ประชาชน รวมทั้งติดประกาศตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ร้านสะดวกซื้อ จุดอ่านหนังสือในหมู่บ้าน สถานที่ออกกำลังกาย และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนระมัดระวังตัวมากขึ้น ล่าสุดมีข่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งรางวัลนำจับคนร้ายนี้พุ่งสูงไปถึง 4 แสนบาท! โดยที่ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ก็ออกมาบอกว่า ยินดีควักเงินส่วนตัวเพิ่มเป็นรางวัลนำจับ 100,000 บาท แสดงให้เห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจที่ติดตามคดีนี้ให้ความสนใจในคดีนี้อย่างจริงจัง
 
ในขณะที่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ก็สนใจในคดีอย่างจริงจังด้วย โดยกล่าวว่าแม้ข่าวสารที่ดูเป็นเรื่องเล็ก แต่กระทบต่อความเชื่อมั่นของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ข่าวข่มขืนผู้สูงอายุ และกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขว้างระเบิด จึงได้มอบหมายให้ตำรวจเร่งดำเนินการโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความไม่สบายใจให้ประชาชนเป็นอย่างมาก

หลังจากนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของตำรวจไทย โดยเพาะอย่างยิ่ง “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าจะสามารถนำตัวคนร้ายวิปริตรายนี้มาลงโทษได้หรือไม่ เพราะพฤติกรรมที่ลงมือเหี้ยมโหดและลงมือต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง หากปล่อยไว้เนิ่นนาน ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครต้องสังเวยเป็นเหยื่อรายต่อไปอีก

นับว่าโทษประหารยังถือว่าน้อยเกินไปสำหรับฆาตกามรายนี้!