“สมยศ” บอกคดีข่มขืนหญิงชราคืบ ตีกรอบแคบลง ยังไม่ชัดคนร้ายเป็นกลุ่มใด เผยมีผู้แจ้งเบาะแสบ้างแล้วหลังตั้งรางวัลนำจับ เตือนอย่าเล่นสนุก แต่ขอข้อมูลจริง
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุข่มขืนหญิงชราในพื้นที่ จ.นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวม 10 คดี ซึ่งได้มอบให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนในคดีอาญาสำคัญ ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 เร่งรัดติดตามจับกุมไปแล้วนั้น
ล่าสุดได้รับรายงานว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยชุดสืบสวนสามารถตีกรอบแคบลงได้มากขึ้น และอยู่ระหว่างติดตามเบาะแสต่อเนื่อง ส่วนคนร้ายจะเป็นกลุ่มใดยอมรับว่ายังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้น้ำหนักกับคนทุกกลุ่ม และยังไม่ตัดกลุ่มใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าว หรือคนงานก่อสร้างในพื้นที่ เนื่องจากในทางสืบสวนมีความเป็นไปได้ทั้งหมด
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับการตั้งรางวัลนำจับคนร้ายมีผู้หวังดีแจ้งเบาะแสเข้ามาบ้างแล้ว ได้กำชับให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ทั้งนี้ยอมรับว่าการตั้งรางวัลนำจับมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เนื่องจากบางครั้งมีกลุ่มคนที่นึกสนุก โทรศัพท์มาป่วนเจ้าหน้าที่เล่น เมื่อมีการตรวจสอบก็ไม่ได้เบาะแสเพิ่มเติม จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนอย่าสร้างความปั่นป่วน และหากบุคคลใดมีข้อมูลหรือเบาะแสที่แท้จริงขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามจับกุม ป้องกันการไปก่อเหตุซ้ำอีก
ด้าน พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประสานงานคดีคนร้ายก่อเหตุข่มขืนและข่มขืนฆ่าหญิงชรา 10 คดี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่มีการตั้งศูนย์ประสาน โดยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุม ประกอบด้วย กองบังคับการปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และชุดเฉพาะกิจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งได้สรุปข้อมูลการทำงานในรอบ 24 ชม. หลังจาก พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ได้ประชุมแบ่งงานไปเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่มีเผยแพร่ภาพเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน สกรีนชื่อ “ประเสิฐ” ตามคำให้การของผู้เสียหายรายที่ 9 นั้น ตำรวจได้ประสานไปยังเทศบาล อบจ. และอบต. รวมถึงขอข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนร้านค้าหาความเชื่อมโยงและที่มาของเสื้อด้วยอีกทางหนึ่ง ส่วนคนร้ายยังเชื่อว่าเป็นคนที่มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคกลาง และมีถิ่นที่พักชัดเจน ไม่น่าจะเป็นคนเร่ร่อน อยู่ระหว่างการติดตามตัวโดยขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดใกล้เคียงมากขึ้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ห้องแล็บอยู่ระหว่างตรวจสอบสารเคมีในสุนัขเพศผู้ที่นอนตายอยู่ข้างบ้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำไปขยายผล ส่วนกลุ่มเป้าหมายการติดตามตัวยังไม่ได้ตัดใครทิ้ง หากพบผู้ต้องสงสัยก็จะมีการนำตัวมาตรวจพิสูจน์ทันที