พ่อแม่สาวญี่ปุ่นเหยื่อกามปี 50 พบดีเอสไอหารือรื้อคดีข่มขืนฆ่าที่ จ.สุโขทัย วอน ตร.ไทยจับคนร้ายให้ได้เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณลูกสาวไปสู่สุคติ และให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยได้อย่างสบายใจ
จากกรณี น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่น ถูกฆาตกรรมที่บริเวณวัดสะพานหิน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย ขณะเที่ยวงานลอยกระทง เมื่อปี 2550 และยังจับคนร้ายไม่ได้ ต่อมากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กก 0210/3009 ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คลี่คลายคดี ขณะที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติรับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2556
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 มี.ค.) ที่ดีเอสไอ นายยาสุอากิ คาวาชิตะ และนางเอโกะ คาวาชิตะ บิดาและมารดาของ น.ส.โทโมโกะ คาวะชิตะ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดี เพื่อหารือข้อราชการเกี่ยวกับคดีพิเศษที่ 188/2556 โดยหลังจากนี้บิดามารดาของ น.ส.โทโมโกะมีกำหนดเยี่ยมคารวะ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 6 มี.ค. เวลา 10.00 น.
นายยาสุอากิกล่าวว่า ตนมีความคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะคลี่คลายคดีนี้เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เพราะอยากทราบว่าใครคือคนร้าย รวมทั้งใช้อาวุธชนิดใดทำร้ายลูกสาว ทั้งนี้ ได้รับทราบจากทางการไทยว่าได้ตั้งเงินรางวัลนำจับ 500,000 บาท ตนอยากให้ประเทศไทยเร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเองสามารถเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างสบายใจ
“ไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เป็นคนไทยหรือต่างชาติ แต่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่แถวสะพานหิน ตำรวจไทยประกาศว่ากล้องถ่ายภาพของลูกสาวหายไป จึงต้องการได้กล้องคืนด้วย เพราะคิดว่าอาจจะมีเบาะแสจากกล้องตัวนั้น”
นายยาสุอากิกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพียงคนเดียว และมีการถ่ายรูปบรรยากาศในประเทศไทยส่งให้กับเพื่อนชาวญี่ปุ่นและครอบครัวดู พร้อมกับยังส่งอีเมลมาให้ตนโดยมีข้อความว่า “คนไทยเป็นคนดี สนุกสนาน และเที่ยวเมืองไทยสนุกมาก” ตนจึงรู้สึกเสียใจที่ลูกต้องมาเสียชีวิตในประเทศที่ลูกรู้สึกดีและชื่นชม ดังนั้นจึงวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ เพื่อที่จะได้ปลดปล่อยดวงวิญญาณของลูกสาวไปสู่สุคติ