นครปฐม....รายงาน
หลังจาก พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี รอง ผบ.ตร.และตำรวจกองปราบปราม ลงพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุลงมือข่มขืนเหยื่อเป็นหญิงสูงวัย ที่อยู่บ้านลำพัง จากนั้นเพียงข้ามคืน ก็มีการลงมือข่มขืนหญิงสูงวัยอีก 1 ราย ท้องที่ สภ.นครชัยศรี ทำให้มีการรื้อฟื้นข้อมูล และคดีค้างเก่าในลักษณะนี้ โดยพบว่า เหยื่อ 10 ราย ที่ถูกคนร้ายลงมือข่มขืน 2 รายถูกฆ่าทิ้ง และแทบทุกรายที่เหลือจะถูกทำร้ายร่างกาย และบางส่วนมีการชิงทรัพย์จากเหยื่อหลังก่อเหตุ
หากย้อนรอยการติดตามคนร้ายรายนี้ พบว่า มีการก่อเหตุต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 จนถึงปี พ.ศ.2558 รวมระยะเวลากว่า 5 ปีที่ยังคงลงมือก่อเหตุ และหลบหนีมาอย่างลอยนวล โดยมีคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น แยกเป็น 10 คดี
วันที่ 26 ก.ย.53 ท้องที่ สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ก่อเหตุลงมือข่มขืนหญิงชรา 70 ปี อยู่บ้านคนเดียว ก่อเหตุกระทืบเหยื่อ และข่มขืน ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าของบ้านเหยื่อออกไป
วันที่ 10 พ.ย.53 ท้องที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ข่มขืน หญิงชรา 71 ปี
วันที่ 8 ม.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่นขืนหญิง 61 ปี และกระทืบช้ำในเสียชีวิต
วันที่ 6 ธ.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่มขืนหญิง 59 ปี และกระทืบเหยื่อได้รับบาดเจ็บ
วันที่ 8 ธ.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่มขืนหญิง 70 ปี
วันที่ 16 ธ.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่มขืนหญิง 47 ปี แต่ถูกแจ้งเหตุก่อน และหลบหนีเอาทรัพย์สินไป
วันที่ 23 ม.ค.56 ท้องที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม ข่มขืนหญิง 76 ปี
วันที่ 11 มิ.ย. 56 ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ข่มขืนหญิงวัน 78 ปี และกระทืบจนเหยื่อเสียชีวิต
วันที่ 25 ธ.ค.57 ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ข่มขืนหญิงวัย 39 ปี ทำร้ายร่างกายเหยื่อได้รับบาดเจ็บ
วันที่ 25 ม.ค.58 ท้องที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ข่มขืนหญิงวัย 70 ปี โดยมีการทำร้ายร่างกาย และนำทรัพย์สินของเหยื่อไป 5,000 บาท
ทั้งนี้ หลังการเกิดเหตุ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจกองปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจนครบาล และชุดสิบสวน ตร.ภ.ภ.7 ชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ได้ร่วมกันนำข้อมูลมาประมวล และรวบรวมผลหาพิกัดในการไล่ล่าจับตัวคนร้าย ซึ่งมีพฤติกรรมผิตปกติชนิดกามวิปริต ชอบมีอารมกับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพัง
มีการตัดไฟ วางยาเบื่อสุนัข มีการแต่งกายเป็นเหมือนคนสวน หรือคนหาปลา ร่างกายสูงใหญ่ มีความแข็งแรง ฝ่ามือมีลักษณะสาก น้ำเสียงเหมือนคนภาคกลาง ไม่ใช้คำรุนแรงในการก่อเหตุ และเหมือนคนใช้แรงงาน
มีการเลือกก่อเหตุในเวลามืด หรือก่อนสว่าง และมีการวางแผนก่อนเข้าไปทำร้าย และข่มขืนเหยื่อ เลือกในวันหยุด และวันนักขัตฤกษ์ โดยการข่มขืนจะใช้เวลาไม่นานเพียง 1 นาที บางครั้งอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ต้องช่วยตัวเองก่อนเกิดเหตุ รวมถึงมักทำร้ายร่างกายเหยื่อจนเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย และมีเหยื่อที่รอดเงื้อมือไปเพียงรายเดียว โดยมีภาพสเกตช์จากเหยื่อ และพยานที่ตรงกันแล้ว ครบถ้วน และผลการตรวจสอบคราบเลือดของคนร้ายทั้ง 10 รายเป็น คนร้ายคนเดียวกัน
ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. มาเป็นหัวหน้าทีมในการไลล่าคนร้ายโรคจิตรายนี้อย่างเร่งด่วน โดยใช้ห้องประชุมกองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นศูนย์การบัญชาการสั่งการ และไล่ล่าติดตามคนร้าย โดยมีการรวบรวมพฤติกรรมต่างๆ ว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนงานรับจ้างไม่ประจำ และมีการทำงานในสวน ก่อสร้าง หรืองานที่ต้องใช้แรงงานแบบรายวันเมื่อว่างงานจะออกตระเวนเดินทางไปสังเกตบ้านเรือนที่เงียบสงบ เป็นสวนเดี่ยวเงียบ และไม่มีแสงสว่าง
โดยบางครั้งจะมีการตัดไฟเข้าก่อนเข้าไป หรือจะมีการตัดโทรศัพท์ ยึดโทรศัพท์เหยื่อ พกอาวุธไปเอง โดยจะใช้ของแหลม หรือของมีคมจากบ้านเรือนเป็นเครื่องมืองัดแงะเข้าบ้าน และน่าจะเป็นโรคจิต ชนิดกามวิปริต เคยถูกกดดันจากหญิงสูงวัยมาจากวัยเด็ก และฝังใจต่อหญิงที่มีลักษณะขาวอวบสูงอายุ โดยไม่ได้มุ่งเน้นเอาทรัพย์เป็นหลัก แต่จะมีอารมทันทีที่ได้รับแรงกระตุ้น และจะวนเวียนดูบ้านเป้าหมายว่ามีสุนัข หรือคนพลุกพล่านหรือไม่ ซึ่งยังมีการวางยาเบื่อสุนัขก่อนลงมือกลางดึก แสดงว่ามีการวางแผนที่จะก่อเหตุไว้ก่อน
ทั้งนี้ ยังมีเสื้อที่เหยื่อ และพยานได้แจ้งข้อมูลไว้คือ เสื้อแขนยาวมีเข้ม เขียนอักษรที่หน้าอกซ้ายว่าประเสริฐ แต่จำอักษรด้านล่างไม่ชัดเจน ซึ่งกำลังหากลุ่มคนงาน คนสวน หรือผู้ใช้แรงงานว่ามีที่ใดใส่เสื้อชนิดเดียวกันนี้ รวมถึงการตามหาขวดน้ำดื่มที่คนร้ายทิ้งไว้ เพื่อหาพิกัดในการติดตาม การใช้กล้องวงจรปิดเข้าร่วมดูประกอบในพื้นที่เกิดเหตุ และมีการเดินปูพรมยังจุดเกิดเหตุทั้งหมดเพื่อหาหลักฐานพยาน
นอกจากนี้ ยังมีการนำ “บางคนที โมเดล” ซึ่งเป็นการติดไซเรน ไว้ที่บ้านพักของคนชราในสวนที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ ในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม มาแล้ว 4 ครั้งติด โดยจะมีการนำชุดอินทรีย์ 7 เป็นชุดจู่โจมประสิทธิภาพสูง ของตำรวจภูธรภาค 7 มีกำลัง 10 นาย จยย.5 คัน เพื่อเข้าจู่โจมเป้าหมายแบบทันท่วงที และยังได้มีการขยายพื้นที่ในการติดตามคนร้ายจาก 3 จังหวัดที่เคยเกิดเหตุเป็นเต็มพื้นที่ 8 จังหวัดในเขตภาค 7 เพื่อตีวงกว้างออกไปในการไล่ลาคนร้ายรายนี้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ยังสั่งการให้ท้องที่ สภ.นครชัยศรี พุทธมณฑล สามพราน มีการประสานกำลังกับ พล.ต.ชาติชาย อ่อนน่วม เจ้ากรมการสัตว์ทหารบก นำเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายทองฑีฆายุ กรมการสัตว์ทหารบก และสุนัขดมกลิ่นทหาร ติดตามผู้ต้องสงสัยตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีการเสี่ยงจะเกิดเหตุ ออกตรวจแบบพลิกแผ่นดิน พร้อมๆ กับทุกจังหวัดที่เป็นเป้าหมาย
ซึ่งนับว่าการติดตามฆาตรกามวิปริตรายนี้ ได้ถูกเปิดฉากอย่างจริงจัง และเข้มข้น แบบพลิกแผ่นดินหาครั้งหนึ่งในพื้นที่ภูธรภาค 7 ซึ่งยังมีการประสานงานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง นำกำลังไล่ล่าคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งมีการนำระบบการใช้ดาวเทียม การนำเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีมาผนวกกับการสืบสวนสมัยใหม่ การประสานงานกับจิตแพทย์ และกองพิสูจน์หลักฐาน และนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในงานนี้ ซึ่งกระแสข่าวลือต่างๆ ได้แพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้าง มีผู้หญิงที่อยู่ในเรือกสวนไร่นา ต่างติดตามข่าวไปพร้อมๆ กับผู้คนในสังคม ซึ่งทางตำรวจได้ออกมาแจ้งว่า อย่าตระหนกจนเกินไป เพียงแต่ให้ระวังป้องกันไว้ เพราะคนร้ายรายนี้เป็นบุคคลอันตรายของสังคม
แม้ว่าการติดตามตัวคนร้ายฆาตกามวิปริตรายนี้จะยังคงไม่ได้ตัวมา แต่ตำรวจก็สามารถจำกัดวงแคบของคนร้ายให้แคบลงมากขึ้น และเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเกิดความวิตกต่อสิ่งที่ก่อไว้ แต่เมื่อหลักฐานใกล้เข้ามา การตามล่าคนหนึ่งคนที่คน 70 กว่าล้านคนในประเทศ และต่างชาติให้ความสนใจ เชื่อว่าคนร้ายรายนี้ก็น่าจะเป็นบุคคลที่อยากมีคนเห็นหน้ามากที่สุดในช่วงนี้คนหนึ่ง และทุกคนรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐก็อยากจะได้ตัวมาดำเนินการปิดคดีให้เร็วที่สุด ไม่เป็นเหมือนไฟไหม้ฟางแน่นอน
หลังจาก พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี รอง ผบ.ตร.และตำรวจกองปราบปราม ลงพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุลงมือข่มขืนเหยื่อเป็นหญิงสูงวัย ที่อยู่บ้านลำพัง จากนั้นเพียงข้ามคืน ก็มีการลงมือข่มขืนหญิงสูงวัยอีก 1 ราย ท้องที่ สภ.นครชัยศรี ทำให้มีการรื้อฟื้นข้อมูล และคดีค้างเก่าในลักษณะนี้ โดยพบว่า เหยื่อ 10 ราย ที่ถูกคนร้ายลงมือข่มขืน 2 รายถูกฆ่าทิ้ง และแทบทุกรายที่เหลือจะถูกทำร้ายร่างกาย และบางส่วนมีการชิงทรัพย์จากเหยื่อหลังก่อเหตุ
หากย้อนรอยการติดตามคนร้ายรายนี้ พบว่า มีการก่อเหตุต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 จนถึงปี พ.ศ.2558 รวมระยะเวลากว่า 5 ปีที่ยังคงลงมือก่อเหตุ และหลบหนีมาอย่างลอยนวล โดยมีคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น แยกเป็น 10 คดี
วันที่ 26 ก.ย.53 ท้องที่ สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ก่อเหตุลงมือข่มขืนหญิงชรา 70 ปี อยู่บ้านคนเดียว ก่อเหตุกระทืบเหยื่อ และข่มขืน ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าของบ้านเหยื่อออกไป
วันที่ 10 พ.ย.53 ท้องที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ข่มขืน หญิงชรา 71 ปี
วันที่ 8 ม.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่นขืนหญิง 61 ปี และกระทืบช้ำในเสียชีวิต
วันที่ 6 ธ.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่มขืนหญิง 59 ปี และกระทืบเหยื่อได้รับบาดเจ็บ
วันที่ 8 ธ.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่มขืนหญิง 70 ปี
วันที่ 16 ธ.ค.55 ท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ข่มขืนหญิง 47 ปี แต่ถูกแจ้งเหตุก่อน และหลบหนีเอาทรัพย์สินไป
วันที่ 23 ม.ค.56 ท้องที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม ข่มขืนหญิง 76 ปี
วันที่ 11 มิ.ย. 56 ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ข่มขืนหญิงวัน 78 ปี และกระทืบจนเหยื่อเสียชีวิต
วันที่ 25 ธ.ค.57 ท้องที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ข่มขืนหญิงวัย 39 ปี ทำร้ายร่างกายเหยื่อได้รับบาดเจ็บ
วันที่ 25 ม.ค.58 ท้องที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ข่มขืนหญิงวัย 70 ปี โดยมีการทำร้ายร่างกาย และนำทรัพย์สินของเหยื่อไป 5,000 บาท
ทั้งนี้ หลังการเกิดเหตุ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจกองปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจนครบาล และชุดสิบสวน ตร.ภ.ภ.7 ชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ได้ร่วมกันนำข้อมูลมาประมวล และรวบรวมผลหาพิกัดในการไล่ล่าจับตัวคนร้าย ซึ่งมีพฤติกรรมผิตปกติชนิดกามวิปริต ชอบมีอารมกับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพัง
มีการตัดไฟ วางยาเบื่อสุนัข มีการแต่งกายเป็นเหมือนคนสวน หรือคนหาปลา ร่างกายสูงใหญ่ มีความแข็งแรง ฝ่ามือมีลักษณะสาก น้ำเสียงเหมือนคนภาคกลาง ไม่ใช้คำรุนแรงในการก่อเหตุ และเหมือนคนใช้แรงงาน
มีการเลือกก่อเหตุในเวลามืด หรือก่อนสว่าง และมีการวางแผนก่อนเข้าไปทำร้าย และข่มขืนเหยื่อ เลือกในวันหยุด และวันนักขัตฤกษ์ โดยการข่มขืนจะใช้เวลาไม่นานเพียง 1 นาที บางครั้งอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ต้องช่วยตัวเองก่อนเกิดเหตุ รวมถึงมักทำร้ายร่างกายเหยื่อจนเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย และมีเหยื่อที่รอดเงื้อมือไปเพียงรายเดียว โดยมีภาพสเกตช์จากเหยื่อ และพยานที่ตรงกันแล้ว ครบถ้วน และผลการตรวจสอบคราบเลือดของคนร้ายทั้ง 10 รายเป็น คนร้ายคนเดียวกัน
ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. มาเป็นหัวหน้าทีมในการไลล่าคนร้ายโรคจิตรายนี้อย่างเร่งด่วน โดยใช้ห้องประชุมกองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นศูนย์การบัญชาการสั่งการ และไล่ล่าติดตามคนร้าย โดยมีการรวบรวมพฤติกรรมต่างๆ ว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนงานรับจ้างไม่ประจำ และมีการทำงานในสวน ก่อสร้าง หรืองานที่ต้องใช้แรงงานแบบรายวันเมื่อว่างงานจะออกตระเวนเดินทางไปสังเกตบ้านเรือนที่เงียบสงบ เป็นสวนเดี่ยวเงียบ และไม่มีแสงสว่าง
โดยบางครั้งจะมีการตัดไฟเข้าก่อนเข้าไป หรือจะมีการตัดโทรศัพท์ ยึดโทรศัพท์เหยื่อ พกอาวุธไปเอง โดยจะใช้ของแหลม หรือของมีคมจากบ้านเรือนเป็นเครื่องมืองัดแงะเข้าบ้าน และน่าจะเป็นโรคจิต ชนิดกามวิปริต เคยถูกกดดันจากหญิงสูงวัยมาจากวัยเด็ก และฝังใจต่อหญิงที่มีลักษณะขาวอวบสูงอายุ โดยไม่ได้มุ่งเน้นเอาทรัพย์เป็นหลัก แต่จะมีอารมทันทีที่ได้รับแรงกระตุ้น และจะวนเวียนดูบ้านเป้าหมายว่ามีสุนัข หรือคนพลุกพล่านหรือไม่ ซึ่งยังมีการวางยาเบื่อสุนัขก่อนลงมือกลางดึก แสดงว่ามีการวางแผนที่จะก่อเหตุไว้ก่อน
ทั้งนี้ ยังมีเสื้อที่เหยื่อ และพยานได้แจ้งข้อมูลไว้คือ เสื้อแขนยาวมีเข้ม เขียนอักษรที่หน้าอกซ้ายว่าประเสริฐ แต่จำอักษรด้านล่างไม่ชัดเจน ซึ่งกำลังหากลุ่มคนงาน คนสวน หรือผู้ใช้แรงงานว่ามีที่ใดใส่เสื้อชนิดเดียวกันนี้ รวมถึงการตามหาขวดน้ำดื่มที่คนร้ายทิ้งไว้ เพื่อหาพิกัดในการติดตาม การใช้กล้องวงจรปิดเข้าร่วมดูประกอบในพื้นที่เกิดเหตุ และมีการเดินปูพรมยังจุดเกิดเหตุทั้งหมดเพื่อหาหลักฐานพยาน
นอกจากนี้ ยังมีการนำ “บางคนที โมเดล” ซึ่งเป็นการติดไซเรน ไว้ที่บ้านพักของคนชราในสวนที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ ในพื้นที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม มาแล้ว 4 ครั้งติด โดยจะมีการนำชุดอินทรีย์ 7 เป็นชุดจู่โจมประสิทธิภาพสูง ของตำรวจภูธรภาค 7 มีกำลัง 10 นาย จยย.5 คัน เพื่อเข้าจู่โจมเป้าหมายแบบทันท่วงที และยังได้มีการขยายพื้นที่ในการติดตามคนร้ายจาก 3 จังหวัดที่เคยเกิดเหตุเป็นเต็มพื้นที่ 8 จังหวัดในเขตภาค 7 เพื่อตีวงกว้างออกไปในการไล่ลาคนร้ายรายนี้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ยังสั่งการให้ท้องที่ สภ.นครชัยศรี พุทธมณฑล สามพราน มีการประสานกำลังกับ พล.ต.ชาติชาย อ่อนน่วม เจ้ากรมการสัตว์ทหารบก นำเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายทองฑีฆายุ กรมการสัตว์ทหารบก และสุนัขดมกลิ่นทหาร ติดตามผู้ต้องสงสัยตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีการเสี่ยงจะเกิดเหตุ ออกตรวจแบบพลิกแผ่นดิน พร้อมๆ กับทุกจังหวัดที่เป็นเป้าหมาย
ซึ่งนับว่าการติดตามฆาตรกามวิปริตรายนี้ ได้ถูกเปิดฉากอย่างจริงจัง และเข้มข้น แบบพลิกแผ่นดินหาครั้งหนึ่งในพื้นที่ภูธรภาค 7 ซึ่งยังมีการประสานงานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง นำกำลังไล่ล่าคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งมีการนำระบบการใช้ดาวเทียม การนำเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีมาผนวกกับการสืบสวนสมัยใหม่ การประสานงานกับจิตแพทย์ และกองพิสูจน์หลักฐาน และนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในงานนี้ ซึ่งกระแสข่าวลือต่างๆ ได้แพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้าง มีผู้หญิงที่อยู่ในเรือกสวนไร่นา ต่างติดตามข่าวไปพร้อมๆ กับผู้คนในสังคม ซึ่งทางตำรวจได้ออกมาแจ้งว่า อย่าตระหนกจนเกินไป เพียงแต่ให้ระวังป้องกันไว้ เพราะคนร้ายรายนี้เป็นบุคคลอันตรายของสังคม
แม้ว่าการติดตามตัวคนร้ายฆาตกามวิปริตรายนี้จะยังคงไม่ได้ตัวมา แต่ตำรวจก็สามารถจำกัดวงแคบของคนร้ายให้แคบลงมากขึ้น และเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเกิดความวิตกต่อสิ่งที่ก่อไว้ แต่เมื่อหลักฐานใกล้เข้ามา การตามล่าคนหนึ่งคนที่คน 70 กว่าล้านคนในประเทศ และต่างชาติให้ความสนใจ เชื่อว่าคนร้ายรายนี้ก็น่าจะเป็นบุคคลที่อยากมีคนเห็นหน้ามากที่สุดในช่วงนี้คนหนึ่ง และทุกคนรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐก็อยากจะได้ตัวมาดำเนินการปิดคดีให้เร็วที่สุด ไม่เป็นเหมือนไฟไหม้ฟางแน่นอน