ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบช.ภ.7 นำทีมวางแผนไล่ล่าฆาตกามต่อเนื่อง เผยล่าสุดคดีที่ 10 ท้องที่สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ลั่นต้องจับให้ได้ ระบุจิตวิปริต พบเหยื่ออายุมาก-ขาวอวบลงมือทันที สถานที่เกิดเหตุ-เวลาเหมือนกันทุกคดี กองปราบกระจายกำลังปิดล้อมแหล่งกบดานหลังตีกรอบพื้นที่ได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถขออนุมัติหมายจับได้ จิตแพทย์ระบุหากเกิดจากภาวะทางจิตต้องรักษา สกัดก่อเหตุซ้ำ คาดอาจเป็นพวกพาราฟีเลีย ชอบมีเพศสัมพันธ์แบบแปลกๆ แต่ไม่ใช่โรคทางจิตเวช
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(26 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 จ.นครปฐม พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 แถลงข่าวความคืบหน้าคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง เหตุเกิดในพื้นที่จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และจ.สมุทรสงคราม รวม 9 คดีว่า ล่าสุดได้เกิดคดีที่ 10 ในพื้นที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นที่สนใจแต่ในประเทศเท่านั้น แต่สื่อต่างประเทศเริ่มมีการติดตามข่าวนี้แล้ว และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ติดตามคดีอย่างจริงจัง ซึ่งตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการสืบสวนทางลับมาโดยตลอด แต่คนร้ายก็ก่อเหตุ และหลบหนีไปเงียบๆ ยากต่อการติดตามจับกุม เพราะเคลื่อนไหวไปในหลายพื้นที่
"คดีนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 เราพบความผิดปกติเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2555 และมีการก่อเหตุต่อเนื่อง ซึ่งผบช.ภ. 7 คนก่อนหน้านี้ ได้รวบรวมข้อมูล และติดตามคดีมาโดย 9 คดีพบว่าดีเอ็นเอของผู้ก่อเหตุนั้นเป็นคนเดียวกัน ส่วนรายที่ 10 กำลังรอผลการตรวจสอบ"
พล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการสืบสวนติดตามตัวคนร้าย ได้มอบให้ พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผบช.ภ. 7 ประสานกับตำรวจกองปราบปราม และแพทย์จิตเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพราะเชื่อว่าคนร้ายเป็นพวกกามวิปริต ซึ่งตอนนี้ได้ทำเว็บไซต์เตือนภัยประชาชนให้ทราบถึงการป้องกันตัวเองจากการถูกข่มขืนแล้ว
โดยพฤติกรรมของคนร้ายมักจะก่อเหตุกับผู้สูงอายุลักษณะขาวอวบ อยู่บ้านคนเดียว หรืออยู่กับลูกหลานแต่ไปๆมาๆ ลักษณะบ้านเดี่ยว และเปลี่ยว เพื่อพรางสายตาจากคนทั่วไป วันก่อเหตุ คือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดพิเศษ คนร้ายมีร่างกายสูงใหญ่กำยำ แข็งแรง ชุดที่สวมมีหมวกไหมพรมปิดบัง เหมือนกับคนออกหาปลาเวลากลางคืน อาวุธจะใช้ใช้มีดหรือชะแลงที่อยู่ในบ้านเกิด จึงขอเตือนประชาชนควรเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ให้ไกลมือคนร้าย
"ได้สั่งการให้แจ้งเตือนไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนช่วงนี้ เพราะถือว่าคนร้ายเป็นผู้ป่วยทางจิต อันตรายมาก บ้านไหนมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ต้องมีมาตรการป้องกันไว้ก่อน หากมีคนลักษณะนี้เข้ามาด้อมๆมองๆ ผู้สูงอายุ ควรแจ้ง 191 ไว้ก่อน"
พล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บังคับการตรวจภูธรทั้ง 8 จังหวัด ได้สั่งการทำแผนรับมือในพื้นที่รับผิดชอบแล้ว เพราะเชื่อว่าคนร้ายอยู่ในพื้นที่ภาค 7 ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะได้รับการเลี้ยงดูจากผู้หญิงสูงอายุในวัยเด็ก และฝังใจจนเกิดความผิดปกติ เป็นกามวิปริต เมื่อสบโอกาสก็จะหาช่องทางก่อเหตุ หากไม่มีแรงกระตุ้นก็เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
"ตำรวจจะทำงานอย่างเร่งด่วน จริงจัง และเอาจริง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ซึ่งผมและทีมงานเชื่อมั่นว่าจะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ แต่ขออย่ากำหนดเวลากระชั้นชิดเกินไป เพราะจะเป็นการกดดัน แต่ผมเองเมื่อลงสนามแล้วบอกได้เลยว่าต้องชนะอย่างเดียว งานนี้ตำรวจทุกท้องที่ไม่ได้นิ่งนอนใจแน่นอน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดแถลงข่าวได้ใช้เวลานานราว 30 นาที ซึ่งท่าทีของตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาค่อนข้างตึงเครียด ระมัดระวังการตอบคำถามสื่อมวลชนที่มาฟังการแถลงข่าวจำนวนมาก จากนั้นปิดห้องประชุมไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปติดตามการประชุมลับกับพล.ต.ต.พูลศักดิ์ ประเสริฐศักดิ์ พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร พล.ต.ต.ชนาภันทร วัฒนวิศาล พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ และพล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผบช.ภ. 7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ ผกก.สส.ภ. 7 ตลอดจนผกก.สภ.ในจ.นครปฐม พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รองผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจกองปราบจัดชุดสืบสวน 9 ชุด มีรองผู้บังคับการ 5 นาย และนายตำรวจระดับผู้กำกับ ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามคดีแล้วร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งขณะนี้ตำรวจสามารถตีวงแคบพื้นที่ซึ่งคนร้ายกบดานได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถนำไปสู่การขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับได้
"คนร้ายมีพฤติกรรมติดตามเหยื่อหลายวันก่อนลงมือ เชื่อว่าเป็นคนจิตใจวิปริต และไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ร่างกายบึกบึน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร หากผู้ใดพบเห็นบุคคลในภาพสเก็ตซ์ที่เผยแพรื่ทางสื่อมวลชน สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 191 หรือบช.ภ. 7 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"
ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากการเจ็บป่วย โดยการมีเพศสัมพันธ์แบบแปลกๆกับเด็ก ผู้สูงอายุ เป็นต้น จัดอยู่ในกลุ่มกามวิตถารหรือพาราฟีเลีย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นโรคทางจิตเวช แต่เป็นภาวะความผิดปกติทางเพศ หากร่วมเพศกับเด็กจะเรียกว่าพีโดฟีเลีย กับผู้สูงอายุจะเรียกว่าจีโรฟีเลีย ซึ่งการแบ่งแยกกลุ่มเพื่อให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจ แรงกระตุ้นทางด้านเพศได้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้กลุ่มที่มีความต้องการทางเพศแบบแปลกๆ หากไม่ได้รับความร่วมมือก็อาจมีการทำร้ายร่างกายด้วย หากเจ้าหน้าที่จับกุมได้แล้วประสานมาทางสถาบัน ก็พร้อมที่จะช่วยหาแนวทางแก้ปัญหาให้ เพราะเมื่อเกิดเหตุลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องดีที่เราต้องให้การดูแลผู้สูงอายุและเด็กมากขึ้น
"หากจับกุมได้ต้องร่วมมือกันระหว่างงานนิติจิตเวชกับยุติธรรมเพื่อปกป้องสังคม เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุเป็นผู้ป่วย แม้ถูกจับกุมได้ก็จะทำซ้ำอีก เพราะทำให้เกิดความสุขทางเพศได้ ในต่างประเทศหากพบผู้กระทำผิดมีความต้องการทางเพศสูง และก่อคดีซ้ำ อาจลดความต้องการทางเพศด้วยการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไป เช่น ยาคุม เป็นต้น แต่จะต้องมีการสอบสวนให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงก่อน"
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(26 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 จ.นครปฐม พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 แถลงข่าวความคืบหน้าคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง เหตุเกิดในพื้นที่จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และจ.สมุทรสงคราม รวม 9 คดีว่า ล่าสุดได้เกิดคดีที่ 10 ในพื้นที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นที่สนใจแต่ในประเทศเท่านั้น แต่สื่อต่างประเทศเริ่มมีการติดตามข่าวนี้แล้ว และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ติดตามคดีอย่างจริงจัง ซึ่งตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการสืบสวนทางลับมาโดยตลอด แต่คนร้ายก็ก่อเหตุ และหลบหนีไปเงียบๆ ยากต่อการติดตามจับกุม เพราะเคลื่อนไหวไปในหลายพื้นที่
"คดีนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 เราพบความผิดปกติเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2555 และมีการก่อเหตุต่อเนื่อง ซึ่งผบช.ภ. 7 คนก่อนหน้านี้ ได้รวบรวมข้อมูล และติดตามคดีมาโดย 9 คดีพบว่าดีเอ็นเอของผู้ก่อเหตุนั้นเป็นคนเดียวกัน ส่วนรายที่ 10 กำลังรอผลการตรวจสอบ"
พล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการสืบสวนติดตามตัวคนร้าย ได้มอบให้ พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผบช.ภ. 7 ประสานกับตำรวจกองปราบปราม และแพทย์จิตเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพราะเชื่อว่าคนร้ายเป็นพวกกามวิปริต ซึ่งตอนนี้ได้ทำเว็บไซต์เตือนภัยประชาชนให้ทราบถึงการป้องกันตัวเองจากการถูกข่มขืนแล้ว
โดยพฤติกรรมของคนร้ายมักจะก่อเหตุกับผู้สูงอายุลักษณะขาวอวบ อยู่บ้านคนเดียว หรืออยู่กับลูกหลานแต่ไปๆมาๆ ลักษณะบ้านเดี่ยว และเปลี่ยว เพื่อพรางสายตาจากคนทั่วไป วันก่อเหตุ คือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดพิเศษ คนร้ายมีร่างกายสูงใหญ่กำยำ แข็งแรง ชุดที่สวมมีหมวกไหมพรมปิดบัง เหมือนกับคนออกหาปลาเวลากลางคืน อาวุธจะใช้ใช้มีดหรือชะแลงที่อยู่ในบ้านเกิด จึงขอเตือนประชาชนควรเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ให้ไกลมือคนร้าย
"ได้สั่งการให้แจ้งเตือนไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนช่วงนี้ เพราะถือว่าคนร้ายเป็นผู้ป่วยทางจิต อันตรายมาก บ้านไหนมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ต้องมีมาตรการป้องกันไว้ก่อน หากมีคนลักษณะนี้เข้ามาด้อมๆมองๆ ผู้สูงอายุ ควรแจ้ง 191 ไว้ก่อน"
พล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บังคับการตรวจภูธรทั้ง 8 จังหวัด ได้สั่งการทำแผนรับมือในพื้นที่รับผิดชอบแล้ว เพราะเชื่อว่าคนร้ายอยู่ในพื้นที่ภาค 7 ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะได้รับการเลี้ยงดูจากผู้หญิงสูงอายุในวัยเด็ก และฝังใจจนเกิดความผิดปกติ เป็นกามวิปริต เมื่อสบโอกาสก็จะหาช่องทางก่อเหตุ หากไม่มีแรงกระตุ้นก็เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
"ตำรวจจะทำงานอย่างเร่งด่วน จริงจัง และเอาจริง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ซึ่งผมและทีมงานเชื่อมั่นว่าจะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ แต่ขออย่ากำหนดเวลากระชั้นชิดเกินไป เพราะจะเป็นการกดดัน แต่ผมเองเมื่อลงสนามแล้วบอกได้เลยว่าต้องชนะอย่างเดียว งานนี้ตำรวจทุกท้องที่ไม่ได้นิ่งนอนใจแน่นอน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดแถลงข่าวได้ใช้เวลานานราว 30 นาที ซึ่งท่าทีของตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาค่อนข้างตึงเครียด ระมัดระวังการตอบคำถามสื่อมวลชนที่มาฟังการแถลงข่าวจำนวนมาก จากนั้นปิดห้องประชุมไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปติดตามการประชุมลับกับพล.ต.ต.พูลศักดิ์ ประเสริฐศักดิ์ พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร พล.ต.ต.ชนาภันทร วัฒนวิศาล พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ และพล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผบช.ภ. 7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ ผกก.สส.ภ. 7 ตลอดจนผกก.สภ.ในจ.นครปฐม พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รองผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจกองปราบจัดชุดสืบสวน 9 ชุด มีรองผู้บังคับการ 5 นาย และนายตำรวจระดับผู้กำกับ ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามคดีแล้วร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งขณะนี้ตำรวจสามารถตีวงแคบพื้นที่ซึ่งคนร้ายกบดานได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถนำไปสู่การขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับได้
"คนร้ายมีพฤติกรรมติดตามเหยื่อหลายวันก่อนลงมือ เชื่อว่าเป็นคนจิตใจวิปริต และไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ร่างกายบึกบึน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร หากผู้ใดพบเห็นบุคคลในภาพสเก็ตซ์ที่เผยแพรื่ทางสื่อมวลชน สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 191 หรือบช.ภ. 7 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"
ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากการเจ็บป่วย โดยการมีเพศสัมพันธ์แบบแปลกๆกับเด็ก ผู้สูงอายุ เป็นต้น จัดอยู่ในกลุ่มกามวิตถารหรือพาราฟีเลีย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นโรคทางจิตเวช แต่เป็นภาวะความผิดปกติทางเพศ หากร่วมเพศกับเด็กจะเรียกว่าพีโดฟีเลีย กับผู้สูงอายุจะเรียกว่าจีโรฟีเลีย ซึ่งการแบ่งแยกกลุ่มเพื่อให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจ แรงกระตุ้นทางด้านเพศได้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้กลุ่มที่มีความต้องการทางเพศแบบแปลกๆ หากไม่ได้รับความร่วมมือก็อาจมีการทำร้ายร่างกายด้วย หากเจ้าหน้าที่จับกุมได้แล้วประสานมาทางสถาบัน ก็พร้อมที่จะช่วยหาแนวทางแก้ปัญหาให้ เพราะเมื่อเกิดเหตุลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องดีที่เราต้องให้การดูแลผู้สูงอายุและเด็กมากขึ้น
"หากจับกุมได้ต้องร่วมมือกันระหว่างงานนิติจิตเวชกับยุติธรรมเพื่อปกป้องสังคม เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุเป็นผู้ป่วย แม้ถูกจับกุมได้ก็จะทำซ้ำอีก เพราะทำให้เกิดความสุขทางเพศได้ ในต่างประเทศหากพบผู้กระทำผิดมีความต้องการทางเพศสูง และก่อคดีซ้ำ อาจลดความต้องการทางเพศด้วยการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไป เช่น ยาคุม เป็นต้น แต่จะต้องมีการสอบสวนให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงก่อน"