ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถ้าตัดสินแล้วไม่ยอมรับความผิด มาประท้วง ผมเอาเรื่องแค่นั้นเอง”ได้น้ำได้เนื้อดีทีเดียว สำหรับวลีเด็ดนี้ เมื่อโดนนักข่าวรุมซักถึงปมถอดถอน ที่กำลังเขม็งเกลียวกันตั้งแต่เปิดศักราชใหม่“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลยตอบให้แบบเสียดกึ๋น !!
ถอดสลักคำพูด พล.อ.ประยุทธ์ บรรดาลิ่วล้อนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้เสียวสันหลังวาบ ไม่สำนวนไหนสักสำนวนที่มีอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อาจมีรายการป็อกเด้ง อาจจะเป็นของ“ค้อนปลอมดูไบ”สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา หรือของ “เจ๊ปูฉุยฉาย” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือ อดีต 38 ส.ว. รวมไปถึงอดีต 268 ส.ส. ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลับมีดรอจะเชือด ส่งต่อตามมากันติดๆ
โอกาสปล่อยผีล้างป่าช้าเกิดขึ้นยาก น่าจะมีคนสังเวยเซ่นคสช. บ้าง ถ้าวัดกันตามข้อเท็จจริง และกฎหมายผสมกัน ยิ่งลักษณ์ มีโอกาสกลายเป็นไก่ไหว้เจ้า มากกว่าลูกสมุน
คดีชำแหละรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.มิชอบ บรรดาอดีตส.ส. และส.ว.โดนป.ป.ช.สับคอมา เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่กลายเป็นเศษกระดาษ ไม่มีสภาพบังคับไปแล้วทั้งสิ้น ลงเอยอาจเป็นแค่พวกดวงตก แต่ไม่ถึงฆาต
ส่วนยิ่งลักษณ์ ยากจะหาข้อดิ้นจากแหได้ เพราะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งอยู่ในโหมดความผิดตามกฎหมายอื่นที่ยังมีสภาพบังคับใช้ ถึงแม้จะมีข่าวซุบซิบ มีบิ๊กดีล เกิดขึ้นระหว่างผู้กุมอำนาจปัจจุบันกับคนแดนไกล ก็ไม่น่าจะต้านทานเหตุผลของพวกที่มีธงจะฟันกันท่าเดียวได้
เพราะหากตัดสินใจปล่อยผีหมดป่าช้า นอกจากจะเกิดปฏิกิริยาจากพรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. ที่ซุ่มดูท่าทีอยู่แล้ว อาจมีแรงเสียดทานเพิ่มเติมจากกระแสสังคมที่ไม่ยอมรับกับทฤษฎีปล่อยคนชั่วลอยนวลเพื่อความปรองดอง คนในรัฐบาลน่าจะประเมิน และพอรับรู้สัญญาณนี้ดี อย่าไรก็ตามในทางกลับกันหากล้างบางกันเหี้ยนป่าช้า อาจโดนตราหน้าว่า เผด็จการฟาสซิสต์ เข้ามาเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองของอีกฝั่ง ตอกย้ำข้อหาดับเบิ้ลแสตนดาร์ด !!!
ด้วยสภาพถูกบีบบังคับจากปมความขัดแย้งทางการเมืองของสองกลุ่มการเมืองใหญ่ ที่พร้อมจะปลุกระดมมวลชน “บิ๊กตู่” จำเป็นต้องหาโหมดตรงกลาง รอดบ้าง-โดนบ้าง ด้วยเหตุผลทางกฎหมายที่ยังมีทางให้ดิ้นไปได้ ซึ่งก็มีเพียงแค่สำนวนของ ยิ่งลักษณ์ อดีตผู้บังคับบัญชา ที่มีความผิดทางกฎหมายมาสนับสนุน
ประเมินความพึงพอใจของค่ายประชาธิปัตย์จากทฤษฎีนี้ น่าจะโอเค แม้ไม่สังหารหมู่ตามที่ตีเกราะเคาะไม้มาตลอด แต่การล่อปลาตัวใหญ่อย่างยิ่งลักษณ์ โคลนนิ่งจากชินวัตรคนสำคัญที่เหลืออยู่ในกระดานการเมืองนาทีนี้ น่าจะแฮปปี้ระดับหนึ่ง ส่วนค่ายเพื่อไทย แม้จะรอดตายทางการเมืองไปหลายคน แต่การที่ขุนอย่างยิ่งลักษณ์ ถูกกระซวกไส้ ก็คงมีรายการฟาดงวงฟาดงากันแน่ แต่ประเมินแล้วไม่น่าจะรุนแรงเท่าไหร่ เพราะคนอย่างนักโทษชายทักษิณ พร้อมจะ
เนรมิตนอมินีขึ้นมาได้ตลอดเวลา ลิ่วล้อผู้ภักดี ยังมีอีกเพียบ
คสช.น่าจะดูทิศทางลมแล้วว่า บรรยากาศยังพอถูไถต่อไปได้ ไม่ถึงขั้นกับปลุกม็อบใหญ่มาอาละวาด อาจจะมีประปราย คอยตอดเล็กตอดน้อย ตามที่จับสัญญาณ“บิ๊กตู่”ดักคอกันไว้ตอนต้น ใครประท้วงผมเอาเรื่องแน่
และคสช. คงไม่ปล่อยให้สำนวนถอดถอนยืดเยื้อยาวนาน น่าจะรีบสางกันให้จบให้สิ้นเสียทีเดียว เพื่อความชัดเจนของกติกาในอนาคต และเพื่อให้สนช. สปช. และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เดินหน้าเนื้องานกันเต็มสูบแข่งกับข้อจำกัดเวลาตามโรดแมป ไม่อยากกลืนน้ำลายขยายยืด สืบทอดอำนาจกันแบบไม่มีเกษียณ เพราะจะเป็นชนวนปลุกระดมให้พวกบ้าระห่ำออกมาเผาบ้าน ชิงเมืองได้ทุกเมื่อ
ตามคิวที่“บิ๊กตู่”มอบหมายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย และ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปไล่บี้งานของสนช. และ สปช. โดยเฉพาะ สปช.ที่ 3 เดือนหลังจากนี้ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง ผลงานที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เพราะก่อนหน้านี้คนนินทาหมาดูถูกว่า เก่งแต่ฟุ้งฝอย พ่นน้ำลายเสนอปัญหาต่างๆ นานา กันทุกวี่วัน แต่กลับไม่บอกวิธีการแก้ปัญหานั้นๆ มาให้ แล้วจะมานั่งปฏิรูปสากกะเบืออะไรกัน !!!
หันไปมองการบริหารราชการแผ่นดิน โจทย์ใหญ่เรื่องเศรษฐกิจ ยังเป็นอะไรที่น่าปวดหัว โหรหลายสำนักฟันธงว่า ฝืดเคือง เหมือนเฟืองไร้น้ำมัน ต้องรอดู“บิ๊กตู่” ที่ยืนยันจะยังให้โอกาสคณะรัฐมนตรีชุดนี้ได้ทำงานต่อ จะทนทานความอึดอัดต่อไปได้นานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ในช่วงความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ เขยิบเข้าปีแพะมาไม่ทันไร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลจัดชุดใหญ่แบบเซอร์ไพร์สกันไปแล้ว กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิตอลไป 8 ฉบับรวด รวมกับของเก่าที่เห็นชอบไปแล้วก่อนหน้านี้ 2 ฉบับ รวมเป็น 10 ฉบับ
จำนวนเยอะยังไม่เท่าไหร่ แต่เนื้อหาไม่ต่างอะไรจากการยึดอำนาจ กสทช. กลางอากาศ โดยเฉพาะ ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ที่ให้ยกเลิกอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ให้เหลือแต่กสทช.อย่างเดียว ซึ่งถึงเป็นการพรากกล่องดวงใจออกจากอก กสทช.อย่างแท้จริง
เพราะที่ผ่านมาสองหน่วยงานนี้ถือเป็นถุงเงินถุงทองใบใหญ่ในการดำเนินกิจการต่างๆ
โดยเฉพาะเรื่องการประมูลคลื่น 4 จี ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นาน หากครม.ไม่แก้ไขอำนาจใหม่ เท่ากับว่า กสทช. จะยังคุมอำนาจในการเลือกวิธีการประมูล กำหนดราคาเอง จนอาจเกิดปัญหาเหมือนในช่วงประมูลคลื่น 3 จี ที่โดนร้องว่า เกิดการฮั้วประมูล แต่ครั้งนี้เมื่อรัฐบาลทำเซอร์ไพร์ส แก้ไขกฎหมายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โอนอำนาจการตัดสินชั้นสุดท้ายมาให้คณะกรรมการคณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่มี “บิ๊กตู่”เป็นประธาน แทนที่จะให้กสทช. ตัดสินใจเพียงลำพัง เท่ากับว่า ขุมทรัพย์ กสทช. หายวับไปกับตา !!!
คสช.อ่านเกมและตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม เร่งเคลียร์ปัญหาก่อนฉาวอีกรอบ
ต้องจับตาว่ากฎหมายที่รัฐบาลเสนอรวม 10 ฉบับ จะผ่านทันการประมูล 4 จี ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ หากทัน กสทช.ก็คงคอตกหากคิดจะซอกแซก เพราะอำนาจตัดสินใจว่าจะใช้วิธีไหนขั้นสุดท้าย คือ คณะกรรมการดิจิตอลฯ แต่ถ้าไม่ทัน กสทช. ก็ลูบปาก เขย่าง่ามขาสบายแฮอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม หากกฎหมายฉบับใหม่ประกาศใช้ รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ ก็น่ากังวลเหมือนกันว่า การโอนอำนาจการประมูลมาให้คณะกรรมการดิจิตอลฯ ที่มีนายกฯ เป็นประธานโดยตำแหน่งนั้น จะสุ่มเสี่ยงเกินไปหรือไม่ หากในอนาคตรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้
เอาหมูออกจากปากหมา แต่กระฉอกไปเข้าปากหมาตัวใหม่ !!!