xs
xsm
sm
md
lg

ปีใหม่ปฏิทินการเมืองร้อน “ถอดถอน” ไม่น่าลุ้นเท่าคดีฟ้องอาญาปู!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน


เริ่มส่งเสียงโวยวายกันยกใหญ่แล้วสำหรับบรรดาเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร เครือข่ายพรรคเพื่อไทย กับกำหนดการพิจารณาถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และวันรุ่งขึ้นก็ตามมาด้วยการแลงเปิดคดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวรวมไปถึงอดีต 38 ส.ว.ในกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ

สองคนแรกดังกล่าว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีกำหนดพิจารณาในวันที่ 8-9 มกราคมนี้ แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาตามอาการแล้วอาจดูขึงขัง น่าตื่นเต้น เพราะเริ่มมีการดิสเครดิต ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นคนสรุปความผิดแลส่งเรื่องมาให้พิจารณาถอดถอน หาว่า ป.ป.ช.บางคนขาดคุณสมบัติ มีการแต่งตั้งมาแบบไม่ชอบ ขัดต่อคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมไปถึงข่มขู่ สนช.ว่าหากไปยุ่งเกี่ยวสนับสนุนการถอดถอนก็จะถูกฟ้องร้องตอนแก่ หรืออ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ถูกฉีกหมดสภาพไปแล้ว เมื่อไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่มีความผิด หรือถ้ามีก็ตกไปพร้อมกับรัฐธรรมนูญฉบับนั้นแล้ว อะไรประมาณนั้น เรียกว่าเล่นกันทุกทาง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าพวกที่เดินเรื่องดิสเครดิตคนอื่นจะไร้เครดิตก็ตาม แต่เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องนำเสนอรายชื่อสักหน่อย เพื่อความสมจริง อย่างเช่น สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่เคยได้ดิบได้ดีเป็นถึงรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรืองไกร ลีกิตวัฒนะ ที่ปัจจุบันผันตัวเองไปเป็นมือไม้ให้เครือข่ายทักษิณ ในเรื่องร้องเรียน เป็นต้น คนพวกนี้กำลังเดินหน้ากันเต็มกำลัง

แต่ที่น่าจับตาก็คือ มีลูกแถมพ่วงเข้ามาว่าด้วยเรื่องสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมในอนาคต โดยเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้การสนับสนุน เหตุผลง่ายๆไม่มีอะไรมากไปกว่าข้ออ้างเรื่องความปรองดอง

นั่นเป็นกระบวนการดิ้นรนให้ตัวเองและพวกของตัวเองรอด ขณะเดียวกันยังเป็นเคลื่อนไหวในเชิงข่มขู่ และหาแนวร่วมมวลชนพร้อมกันทั้งสองทางอีกด้วย แม้ว่าในความเป็นจริงหากพิจารณาเฉพาะกรณีถอดถอนแล้วก็มองออกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่มีทางระคายผิว นั่นคือเสียงในสนช.ไม่เพียงพอ เพราะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 คือจำนวน 132 เสียง ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เมื่อพิจารณาจากวันที่ สนช.ลงมติรับเรื่องไว้พิจารณาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 57 ด้วยเสียง 87 ต่อ 75 เสียง และงดออกเสียง 15 เสียง ดูแล้วมันช่างห่างไกล 132 เสียงสิ้นดี ดังนั้นก็อย่าไปคาดหวังอะไรมาก แต่ถ้าหากจะได้มองเห็นธาตุแท้ของพวก สนช.บางกลุ่มว่าได้รับแต่งตั้งเข้าไปทำหน้าที่อย่างไร เพื่ออะไร เพื่อใครมากกว่าแบบนั้นแหละคงจะได้เห็นกันชัดขึ้นเท่านั้นเอง

ดังนั้น เมื่อหวังพึ่งพากระบวนการใน สนช.ว่าด้วยเรื่องดังกล่าวไม่ได้แล้วก็น่าจะไปลุ้นในทางอื่น นั่นคือคดีที่คณะกรรมการปัองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติฟ้องอาญา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท แม้ว่าเวลานี้ยังสะดุดอยู่ที่อัยการสูงสุด มาพักใหญ่ แต่จากท่าทีล่าสุดทำให้พอมองเห็นได้แล้วว่าใกล้จบในขั้นตอน “ยื้อ” เต็มทีแล้ว และถึงอย่างไรในการประชุมร่วมภายในเดือนนี้จะต้องได้ข้อสรุปโดยเฉพาะในประเด็นการสอบสวนพยานเพิ่มเติมในกรณีขายข้าวแบบจีทูจี อย่างไรก็ดี แม้ว่าถึงที่สุดแล้วทางอัยการฯจะบอกว่าไม่ฟ้อง แต่เชื่อว่าทาง ป.ป.ช.คงเดินหน้าฟ้องอาญาเอง แต่นาทีนี้ยังเชื่อว่าอัยการน่าจะมีความเห็นสั่งฟ้อง เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศรอบข้างเวลานี้ โดยเฉพาะว่าด้วยเรื่องการปฏิรูประบบอัยการ

หากมีการฟ้องอาญา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่แหละน่าลุ้นที่สุด เพราะต้องเดินเข้าไปสู่ศาลอาญาแปนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามกระบวนการก็ใช้เวลาไม่นานเกินไปนัก งานนี้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง รวมไปถึงอนาคตทางการเมืองด้วย ดังนั้นระหว่างที่กำลังจะมีรายการพิจารณาถอดถอน นิคม-สมศักดิ์ ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมิชอบในวันที่ 8 มกราคม ซึ่งผลที่จะออกมาก็รู้กันล่วงหน้าอยู่แล้วไม่น่าตื่นเต้น แต่ที่น่าลุ้นน่าจะเป็นกรณีหลังมากกว่าว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีบทสรุปอย่างไรมากกว่า!!
กำลังโหลดความคิดเห็น