รองประธาน สนช.เผย 8 ม.ค.พิจารณาแถลงเปิดคดี 2 อดีตประธาน คาดปลายเดือนลงมติถอดถอน ส่วนคดี “ยิ่งลักษณ์” ไม่เกินต้น ก.พ. แจง สนช.ไม่มีทางเลือกต้องพิจารณา เชื่อมีอิสระ ขอความเห็นใจ รับเลือกทางที่ดีที่สุดคือทำตาม กม. เผย 3 ผู้ถูกกล่าวหายังไม่รับปากมาแจงเอง แนะมาสู้เป็นทางการในสภา ลั่นความถูกต้องใช้ความเกรงใจไม่ได้
วันนี้ (5 ม.ค.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาและนายสมศักดิ์ เกรียติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ว่าในวันที่ 8 ม.ค.จะมีการพิจารณาคดีแถลงเปิดคดีนายสมศักดิ์ และนายนิคม โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเป็นผู้เริ่มแถลงเปิดคดีในแต่ละสำนวน ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งจะเป็นตัวผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ได้รับมอบหมายก็ได้จะแถลงในลักษณะแก้ข้อกล่าวหา โดยแต่ละสำนวนคาดว่าจะใช้เวลาแถลงสำนวนละ 2 ชั่วโมง จากนั้น สนช.จะตั้งกรรมาธิการ 1 ชุดจำนวน 21 คนเพื่อซักถาม เพื่อรวบรวมคำถามต่างๆ จากสมาชิก สนช.โดยสมาชิกจะต้องส่งคำถามให้กรรมาธิการชุดดังกล่าวภายในวันที่ 7 ม.ค. จากนั้นภายใน 7 วันจะเข้าสู่กระบวนการซักถามคู่กรณี และคาดว่าคดีของนายสมศักดิและนายนิคมจะแถลงปิดคดีและจากนั้นอีก 3 วันจะลงมติถอดถอนหรือไม่ คาดว่าในช่วงปลายเดือน ม.ค.จะแล้วเสร็จ
ในขณะที่สำนวนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็จะดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน แต่สมาชิกจะส่งคำถามได้ถึงวันที่ 8 ม.ค.เนื่องจากจะมีการแถลงเปิดคดีในวันที่ 9 ม.ค. และคาดว่าจะมีการลงมติถอดถอนหรือไม่ ในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือต้นเดือน ก.พ. ขึ้นอยู่กับจำนวนคำถามของสมาชิก สนช.
นายสุรชัยกล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่า หาก สนช.ดำเนินการถอดถอนจะกระทบต่อการปรองดอง หรือหากไม่ดำเนินการก็จะตกเป็นจำเลยของสังคมว่า สนช.ทำหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ เมื่อ ป.ป.ช.ส่งเรื่องดังกล่าวมาซึ่งอยู่ในอำนาจของ สนช.เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าจะให้ สนช.หยุดการพิจารณาคดีก็ต้องขอคำแนะนำด้วย แต่ในขณะนี้ตนมองไม่เห็นช่องทางอื่น ส่วนมติจะออกมาเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่า สนช.มีอิสระทางความคิดที่จะรับฟังคำแถลงจากทั้งสองฝ่ายเพื่อที่จะนำสิ่งที่ปรากฏในสำนวนมาชั่งน้ำหนักว่าสิ่งใดถูกหรือผิด ถ้า สนช.ดำเนินการถูกต้องและเป็นธรรมก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อคำวิจารณ์ต่างๆ ดังนั้นจึงอยากขอความเห็นใจ เพราะไม่ว่า สนช.จะทำหรือไม่ทำ ย่อมได้รับแรงเสียดทาน จึงต้องเลือกทางที่ดีที่สุดคือทำตามกฎหมายและความถูกต้อง
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ในขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนยังไม่ตอบรับว่าจะมาต่อสู้คดีด้วยตนเองหรือไม่ อยากจะฝากไปยังคนที่เกี่ยวข้องที่ออกมาวิจารณ์ ตนอยากจะให้ออกมาต่อสู้อย่างเป็นทางการ คือการเข้ามาแถลงในสภา เพราะการไปพูดภายนอกทำให้ สนช.ต้องไปตามข้อเท็จจริงที่อยู่นอกสำนวน ซึ่งก็จะไม่เป็นผลดี
นายสุรชัยยังกล่าวถึงกรณีข้อวิจารณ์ของ สนช.ที่อยู่ในกลุ่มอดีต 40 ส.ว.ที่ถูกกลุ่ม 38 ส.ว.ที่กำลังจะถูกถอดถอนมองว่ามีอคติต่อการพิจารณากระบวนการถอดถอนว่า ไม่มี ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ไปฟังมาจากไหน ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด และ 38 ส.ว.ก็เป็นเพื่อนตน ทำงานร่วมกันมา แม้แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ออกมาระบุว่าเสียงในการถอดถอนไม่เพียงพอก็เป็นเพียงการคาดคะเน การพิจารณาเรื่องดังกล่าวว่าจะผิดหรือถูกควรยืนอยู่บนพยาน หลักฐาน จะใช้ความเกรงใจมาตัดสินไม่ได้ ต้องยืนหยัดบนความถูกต้องแม้จะไม่ถูกใจ
