**เหลียวหลังแลหน้าการเมืองไทย ในรอบปี 2557 ที่ผ่านมา บ้านเมืองเราเกิดเหตุการณ์เป็นที่โจษขานไปทั่วโลกหลายเรื่อง หลายประเด็น ถือเป็นอีกหนึ่งปีวิกฤติที่คนไทยไม่ค่อยอยากจะจดจำสักเท่าไหร่ วิกฤตการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นต่อเนื่อง เรื่อยมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 แล้ว หากจำกันได้ สาเหตุหลักก็มาจากการเคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย เป็นเชื้อชนวนสำคัญต่อๆ มาอีกหลายทอด หลายชนวน
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ขับเคลื่อนโดยนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นเซ็กเตอร์ใหญ่ ที่กุมอำนาจการเมืองไว้ส่วนหนึ่งในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ระยะหลังมีความพยายามจะช่วยเหลือนักโทษที่ระหกระเหินอยู่ต่างแดนกลับบ้านให้ได้ เป็นที่มาของนิรโทษสุดซอย เข้าล็อกฝ่ายต้าน ที่นำโดยประชาธิปัตย์ และกปปส. ใช้เป็นประเด็นเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาล จนที่สุดแล้วต้องล้มไปอีกครั้ง ด้วยการยึดอำนาจของกองทัพ ท่ามกลางคำถามว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยถึงจะไม่มีการปฏิวัติ
22 พ.ค. 57 ปฏิวัติอีกครา ครั้งนี้นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น แต่ตอนนี้โดดมาเป็นนายกรัฐมนตรี ควบด้วยตำแหน่งหัวหน้าคสช. มองกันด้วยชื่อชั้น ตำแหน่ง ถือว่าควบรวมอำนาจเบ็ดเสร็จประเทศไทย แต่ทว่าความจริงวันนี้อาจไม่ใช่เช่นนั้น อำนาจที่ว่าประยุทธ์กุมไว้ไม่ได้ทุกส่วน !!!
**เพราะยังมี "พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ยืนเป็นเงาทะมึนอยู่ด้านหลัง แม้อำนาจทั้งหมดจะอยู่กับกลุ่มทหารบูรพาพยัฆค์ แต่รู้กันเป็นนัย อำนาจยังทับซ้อนกันอยู่ระหว่าง "บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม"
ตอนปฏิวัติเสร็จใหม่ๆ แล้วฟอร์มครม. ยังเดากันอยู่ นายกฯจะเป็นใคร ท่ามกลางเสียงนินทากระเซ็นกระสาย "บิ๊กป้อม" ก็จ้องหยิบชิ้นปลามัน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ความเหมาะสม และเรื่องภาพลักษณ์ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ดูดีกว่า พร้อมกับเสียงเชียร์ให้ชงเองกินเอง อย่า"เสียของ" เหมือนสมัย "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ที่ผันตัวมาเล่นการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในภายหลัง
ยังไม่รู้ว่าในอนาคต "บิ๊กตู่" คนดีของแผ่นดิน จะเลือกเส้นทางเดินอย่างไร จะคงอยู่ในอำนาจต่อ หรือวางมือ และจะอยู่ต่อด้วยวิธีไหน จะเล่นการเมืองหรือไม่ จะเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง "สนธิบัง" หรือไม่ แต่เบื้องต้นทั่นนายกฯ ก็ออกตัวแล้วว่า ไม่สนใจจะสืบสานอำนาจด้วยการโดดมาเล่นการเมือง
ถามถึงเรื่องลงเลือกตั้ง เรื่องตั้งพรรคการเมือง ออกอาการเดือดดาลทุกครั้ง พร้อมยกตัวอย่างนักการเมืองมาเหน็บแนม ตอดเล็กตอดน้อยอยู่เรื่อย ว่าทำบ้านเมืองเสียหายบ้าง ทำประเทศขัดแย้งบ้าง ตัวเองไม่สนใจการเมือง ก็ไม่รู้สินะ ถ้าจับพลัดจับผลู ทั่นลงมาเล่นการเมืองในท้ายที่สุด คนจะนินทากันขรมเมืองแค่ไหน
**แต่จากท่าทีและข้อมูลเชิงลึกแล้ว ชี้ชัดว่า "บิ๊กตู่" ไม่เอา น่าจะเฟดตัวออกจากการเมืองหลังภารกิจคืนความสุข เสร็จสิ้น ไม่ปี 58 ก็เต็มที่ ปี 59 นานกว่านี้มีเรื่องแน่ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น คงต้องจับตาดูท่าทีเป็นระยะ อาจมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์พลิกผันทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลุกออกจากตำแหน่งนายกฯ ก่อนเวลาอันควรก็เป็นได้ !!!
ในทางกลับกันคนที่ดูแล้ว "เอาแน่" และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเล่นการเมืองต่อเนื่องไปคือ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ของน้องๆ "บิ๊กป้อม" คือคนที่ถืออำนาจตัวจริงของค่ายบูรพาพยัคฆ์ ที่วันนี้ใหญ่คับฟ้า
**ทั้งวงสนทนาการเมือง พูดจากันสนุกปาก ทหารแบ่งเป็น 2 ขั้ว "บิ๊กป้อม" กำลังจะมาเป็นแกนกลางอำนาจตัวจริงแทนที่คนเก่า ?!?
และก็มีข่าวตลอดมาว่า เตรียมตัวเล่นการเมืองจับมือกับทั้ง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังเงียบๆ นิ่งๆ อยู่ ถามใครก็ปฏิเสธเป็นพัลวัน เช่นเดียวกับ "ยี๊ห้อยร้อยยี่สิบ" เนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่แห่งค่ายภูมิใจไทยตัวจริง ที่หลบอิงอยู่หลังฉากด้วยการทำทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปล่อยให้เด็กในคาถามออกมาเล่นจำอวดหน้าม่านแทนในช่วงที่ผ่านมา
เป็นที่รู้กันว่า เนวินถือเป็นคีย์แมนคำสำคัญของ “บิ๊กป้อม”ตัวจริงเสียจริง สนิทสนมกันมาตั้งแต่ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้กระทั่งยุครัฐบาลบิ๊กตู่ หลายเรื่องก็ยังปรึกษาหารือกันอยู่เป็นระยะ ในอนาคตหากพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ลงเล่นบนกระดานการเมืองเต็มตัว จึงเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่จะไร้เงานักการเมืองปากห้อยรายนี้
แม้ปัจจุบันจะรูดซิบปาก ทำตัวโลว์โปรไฟล์ทางการเมือง แต่เขี้ยวเล็บและเหลี่ยมคูของเนวิน จัดเป็นที่ต้องการของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ครั้งนักโทษชายทักษิณเรืองอำนาจ ที่ถูกเปรียบว่าเป็นไอ้ห้อยไอ้โหน ประจำตัวนายกรัฐมนตรี ดังกูรู คู่คิด ทั้งเรื่องการบริหารและเกมการเมือง จนเป็นที่ไว้วางใจ สืบเนื่องมาจนเปลี่ยนขั้วกระโดดมาอยู่กับค่ายสีฟ้า พระสุเทพ ที่ตอนนั้นนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ก็เรียกใช้บริการมันสมองพ่อใหญ่แห่งบุรีรัมย์ เป็นระยะ
มายุคนี้ แม้ตัวไม่โผล่ แต่ก็ส่งพ่อตัวเองอย่าง "ปู่ชัย ชิดชอบ" เข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และนักธุรกิจหลายคนที่เชื่อมโยงกับเขา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของนักการเมืองรายนี้ ที่เหล่าท็อปบูตเองยังต้องพึ่งบริการ เพราะต่อให้ทหารจะเก่งกาจเรื่องสู้รบปรบมือแค่ไหน แต่ก็ยังกินฝุ่นบรรดานักการเมืองบ้านเราอยู่หลายขุม ดังนั้น ต้องมีคนแบบนี้มาเป็นกุนซือ เพื่อให้ช่ำชองเกมการเมือง
**แล้วตัวเนวินเอง แม้ภาพลักษณ์ที่ผ่านมาจะมีเรื่องสีเทาเป็นตราประทับ แต่ในทางการเมืองแล้วเคยมีการเปรียบเปรยกันว่า มันสมองของเขาเพียงพอที่จะต่อกรกับคนอย่างนักโทษชายทักษิณได้ รู้ทันความคิดของอีกฝ่ายตลอด ขณะที่วิสัยทัศน์การบริหารประเทศยังก้าวไกล ต้องตาตรงใจกับฐานเสียงชาวรากหญ้า หากต้องการจะทลายขุมอำนาจทักษิณ ก็ต้องมีคนอย่างเนวินไว้สักคน
ที่ผ่านมาเห็นได้ดี กับหลักคิดของนักการเมืองเจ้าของฉายายี๊ห้อยร้อยยี่สิบรายนี้ ตั้งแต่การยกระดับจังหวัดบุรีรัมย์ จากเมืองแวะพักให้เป็นปลายทางของนักท่องเที่ยว สร้างทีมฟุตบอล จนประสบความสำเร็จมากมาย สามารถแปรเปลี่ยนความเกลียดมาเป็นความศรัทธาให้ตัวเองได้ไม่น้อย ดังนั้นหาก “บิ๊กป้อม”ต้องการจะทำพื้นที่ เขาเหมาะที่สุดสำหรับเรื่องนี้
ส่วนที่ลั่นวาจาเอาไว้ว่า ไม่เอาอีกแล้วการเมือง เชื่อขนมกินรอได้ หาก “บิ๊กป้อม”สลัดคราบท็อปบูต มาเป็นนักการเมืองเต็มตัว มีอันต้องเกี่ยว “น้องเน”คัมแบ็กกลับมาแน่ ต่อให้ต้องกลืนน้ำลายก็ตาม
ขณะที่ขุนพลเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิก คสช. เป็นไปได้สูง เพราะฝีมือจัดอยู่ในระดับชั้นเซียน ที่แห้วเก้าอี้ในรัฐบาลนี้ ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เขียนคุณสมบัติล็อกพวกมีมลทินเอาไว้ กับอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะ คู่เกาเหลาอย่าง “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ใช้ความสนิทสนมกับพี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ เข้าวินมาคุมอำนาจทางเศรษฐกิจไว้ได้ ทำให้อดีตขุนคลังยุคทักษิณ ต้องหลบไปอยู่หลังฉาก
แต่การหลบหลังฉากไม่มีปัญหาสำหรับ สมคิด เพราะที่ผ่านมาทั้ง “บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”ต่างเรียกใช้บริการอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเจรจาด้านการค้าต่างๆ ลัดฟ้าไปไหนมีอันต้องเหน็บเป็นเงาตามตัวติดไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อครั้งไปเยือนประเทศจีน หรือเรียกผู้บริหารสื่อ 16 คนไปหารือ ก็ใช้บริการสมาชิก คสช.คนนี้ คอยตอบประเด็นเศรษฐกิจ มากกว่าเลือก“หม่อมอุ๋ย”
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเหมือนกันว่า คนอย่างสมคิด ที่เคยผ่านตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาแล้ว หากจะคัมแบ็กสู่สนามการเมือง ต้องพาสชั้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีสถานเดียว แต่ปัญหาของเขาติดตรงใจเสาะ ทั้งเรื่องทุน และแรงผลัก ทำให้มักเป็นได้แค่แคนดิเดตอยู่ในช่วงที่การเมืองเกิดวิกฤตเท่านั้น ดูแล้วหาก “บิ๊กป้อม”ต้องการสวมยูนิฟอร์ม เป็นนายกรัฐมนตรี สมคิด น่าจะเป็นเพียงขุนคลังเช่นเดิม
แล้วการได้สมคิดมา จะทำให้หน้าตาทีมเศรษฐกิจของ“บิ๊กป้อม”ดูดี เพราะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดี ได้รับการยอมรับจากนักธุรกิจ สามารถคอนเน็กด้านการค้าเป็นของสมนาคุณ ทั้งนักลงทุนในประเทศหรือต่างชาติเอง ต่างจาก “หม่อมอุ๋ย”ที่หลายคนฟันธงว่า หมดยุคยิ่งใหญ่ไปแล้ว
ให้คอยดูหลังเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก “บิ๊กตู่” ไปสู่ “บิ๊กป้อม” ให้ดี ก่อนมีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ทีมงานป้อมแอนด์เฟรนด์เหล่านี้จะเริ่มขยับให้เห็นเป็นตัวเป็นตน
**แล้วการลงสนามครั้งนี้ “บิ๊กป้อม”เองหวังสูงถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของประเทศ มีการเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งเคยมีหมอดูทำนายทายทักว่า หากไม่แต่งงาน ดวงของพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ จะไต่ระดับไปสู่จุดสูงสุดได้ ทำให้จวบจนบัดนี้ในทางนิตินัย ยังอยู่ในสถานะโสด
มีบ่อยครั้งเวลา“บิ๊กตู่”ออกนอกประเทศทีไร มักมีนักข่าวจะแซวเรื่องนี้อยู่เสมอ เรียกรักษาการนายกฯ บ้าง ทั่นนายกฯ บ้าง ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 แม้ “บิ๊กป้อม”จะทำฉุนเฉียว ด่ากราด แต่นักข่าวที่สนิทสนมรู้กันว่า ลึกๆ ในใจก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่องไม่น้อย
เพียงแต่ครั้งนี้ต้องหลีกทางให้น้องได้เป็นก่อน เพราะบารมีนั้นยังไม่ถึง ภาพลักษณ์ดูมองว่าเป็นมาเฟีย สืบเนื่องจากคนใกล้ชิด และเครือข่ายที่เป็นไปในด้านมืด อีกทั้งกระแสสังคมเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่”ขึ้นแท่นเอง เพราะแบรนด์เรื่องความเด็ดขาด ไม่มีภาพโกงกิน ตรงไปตรงมา โพลล์ไม่รู้กี่สำนัก เทคะแนนความนิยมให้กันจนแทบทะลัก หากฝืนสังคมช่วงนั้น การเมืองอาจแกว่งได้ เพราะประชาชนไม่ยอมรับ
แต่หาก“บิ๊กตู่”วางมือตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่า เข้ามาแก้ปัญหาเท่านั้น ไม่ได้หวังเล่นการเมืองยาวๆ เพื่อสืบทอดอำนาจ เมื่อทำตามคำสัตย์เสร็จก็ลาจาก จบด้วยภาพผู้กู้วิกฤต อย่างนั้นมีแต่เสียงปรบมือ เพราะไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเองด้วยฤทธิ์อำนาจเหมือนผู้นำรัฐประหารหลายๆ ยุค เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไงก็หมดตัวเล่น ต้องเป็น “บิ๊กป้อม”แบเบอร์ ที่จะมารับไม้ต่อ
ซึ่งดูท่า “บิ๊กตู่”แล้วน่าจะกลับออกไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมากกว่า ขออยู่ในฐานะวีรบุรุษเท่านั้น ปล่อยให้พี่ใหญ่ ที่ขุมข่ายและองค์ประกอบต่างๆ พอจะต่อกรกับขั้วตรงข้ามได้ เล่นบนฟลอร์ต่อไป
อย่าลืมว่า แม้ภารกิจของรัฐบาลชุดนี้จะสิ้นสุดเมื่อประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้ แต่เป็นไปไม่ได้เลย ที่การปฏิรูปทั้งหมดจะเสร็จทั้งหมด ต่อให้ในรัฐธรรมนูญจะมีการเขียนกลไกบังคับให้งานได้รับการสานต่อ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนมาก็ตาม พลันที่นักการเมืองเข้ามาก็หาช่องรื้อจนได้ ปฏิรูปที่เริ่มต้นดีอาจกลายเป็นบ้องกัญชาในตอนจบ แล้วคนที่โดนด่าก็คือ “บิ๊กตู่”นั่นแหละ เพราะไม่ทำให้สะเด็ดน้ำทีเดียว เท่ากับว่าที่ทำๆ กันมา เสียของโดยเปล่าประโยชน์
แน่นอนผู้มีอำนาจชุดนี้ ไม่มีใครอยากโดนด่าหลังพ้นเก้าอี้ไปแล้วเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ไว้วางใจคนอื่นนอกจากตัวเอง จึงจำเป็นต้องดันก้น “บิ๊กป้อม” เข้ามากุมอำนาจต่อ ตามช่องทางธรรมดา คือ การเลือกตั้ง ไม่ใช่ทางด่วนลัดพิเศษเหมือนรัฐประหารครั้งนี้ เพราะมันสง่างามกว่ากันเยอะ
อีกอย่าง แม้ตัว “บิ๊กป้อม”เองจะไม่ป็อบปูล่าจนกอบโกยความนิยมมาให้ตัวเองได้ แต่นั่นเป็นกติกาเก่าที่ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว ซึ่งหากสุดท้ายคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยึดเอาระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันมาใช้ พรรคเล็กพรรคน้อย จะมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก ขณะที่พรรคใหญ่เก่าๆ ที่เคยผูกขาดจะถูกหารคะแนน ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนเดิมอีกแล้ว พรรคตัวเลือกใหม่ๆ จะเยอะขึ้น
ขณะเดียวกัน ในรัฐธรรมนูญถาวรที่กำลังร่างกันอยู่ จะมีระบบกลั่นกรองนักการเมืองที่ต้องทุจริตไม่ให้กลับเข้าสู่เส้นทางอีก ซึ่งจะตัดคู่ต่อสู้ออกไปได้ไม่น้อย ดังนั้น ต้องจับตาการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ด้วยว่า จะเป็นการเขียนเพื่อสืบทอดอำนาจให้กับตัวเองทางอ้อมหรือไม่
นอกจากนี้ ต้องจับตาบทบาทของ “บิ๊กป้อม”ในห้วงโรดแมประยะที่ 2 หรือ ในปี 58 ให้ดี เพราะจะมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนในการตัดสินทั้งทางเบื้องหน้า และเบื้องหลัง เช่นเดียวกับบทบาทในการบริหารกลุ่มการเมือง “บิ๊กป้อม”จะค่อยๆ ควบรวมอำนาจจาก “บิ๊กตู่”มาอยู่ที่ตัวเอง
**การเดินเกมต่างๆ "บิ๊กป้อม" จะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะกุมกำลังใหญ่อยู่แล้ว มากกว่า“บิ๊กตู่”ด้วยซ้ำ แถมยังคอนเน็กชั่นกับกลุ่มการเมืองได้หลายกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของนักโทษชายทักษิณเองก็ตาม เรียกว่า มีทั้ง “บู๊”และ “บุ๋น”อยู่ในมือเพียบ
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการปรับครม. ที่มีข่าวแว่วๆ ออกมาเหมือนกันว่า พี่ใหญ่จะขอจัดขุมกำลังด้วยตัวเอง บางคนแม้ขัดใจน้องก็ต้องยอม ให้จับตาดูการฟอร์มทีมหลังจากมีการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2 ได้ ไปสืบค้นสาแหรกแต่ละคนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถูกเข็นขึ้นมาเป็นเสนาบดีได้เพราะคนนี้แน่ ดูหนังตัวอย่างก่อนหน้านี้ที่ไม่ว่าจะเป็น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 70% “บิ๊กป้อม”ดันก้นมาทั้งนั้น
ขณะที่งานสำคัญๆ ของรัฐบาลต่อจากนี้จะผลักให้เป็นหน้าที่ของ “บิ๊กป้อม”ได้ออกมาโชว์ลวดลายบนฟลอร์ ดังจะเห็นว่า ระยะหลังๆ เจ้าตัวเริ่มพูดมากขึ้น จากแรกๆ เวลาโดนนักข่าวตื๊อถาม มักจะมีแต่คำด่าออกมา
เรื่องของเรื่องเพราะได้เวลาแนะนำตัวต่อสังคมกันแล้วในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ จากมือหนึ่งไปสู่มือหนึ่งแบบแนบเนียน อาจพรวดพราดขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนเลยก็ได้ หรือไม่ก็ปูทางไว้เลือกตั้งภายใต้กติกาที่พรรคพวกเขียนเอื้ออำนวยไว้ให้
**เป็นปีที่ต้องจับตา “บิ๊กป้อม”อย่าได้กระพริบ !!
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ขับเคลื่อนโดยนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นเซ็กเตอร์ใหญ่ ที่กุมอำนาจการเมืองไว้ส่วนหนึ่งในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ระยะหลังมีความพยายามจะช่วยเหลือนักโทษที่ระหกระเหินอยู่ต่างแดนกลับบ้านให้ได้ เป็นที่มาของนิรโทษสุดซอย เข้าล็อกฝ่ายต้าน ที่นำโดยประชาธิปัตย์ และกปปส. ใช้เป็นประเด็นเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาล จนที่สุดแล้วต้องล้มไปอีกครั้ง ด้วยการยึดอำนาจของกองทัพ ท่ามกลางคำถามว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยถึงจะไม่มีการปฏิวัติ
22 พ.ค. 57 ปฏิวัติอีกครา ครั้งนี้นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น แต่ตอนนี้โดดมาเป็นนายกรัฐมนตรี ควบด้วยตำแหน่งหัวหน้าคสช. มองกันด้วยชื่อชั้น ตำแหน่ง ถือว่าควบรวมอำนาจเบ็ดเสร็จประเทศไทย แต่ทว่าความจริงวันนี้อาจไม่ใช่เช่นนั้น อำนาจที่ว่าประยุทธ์กุมไว้ไม่ได้ทุกส่วน !!!
**เพราะยังมี "พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ยืนเป็นเงาทะมึนอยู่ด้านหลัง แม้อำนาจทั้งหมดจะอยู่กับกลุ่มทหารบูรพาพยัฆค์ แต่รู้กันเป็นนัย อำนาจยังทับซ้อนกันอยู่ระหว่าง "บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม"
ตอนปฏิวัติเสร็จใหม่ๆ แล้วฟอร์มครม. ยังเดากันอยู่ นายกฯจะเป็นใคร ท่ามกลางเสียงนินทากระเซ็นกระสาย "บิ๊กป้อม" ก็จ้องหยิบชิ้นปลามัน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ความเหมาะสม และเรื่องภาพลักษณ์ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ดูดีกว่า พร้อมกับเสียงเชียร์ให้ชงเองกินเอง อย่า"เสียของ" เหมือนสมัย "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ที่ผันตัวมาเล่นการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในภายหลัง
ยังไม่รู้ว่าในอนาคต "บิ๊กตู่" คนดีของแผ่นดิน จะเลือกเส้นทางเดินอย่างไร จะคงอยู่ในอำนาจต่อ หรือวางมือ และจะอยู่ต่อด้วยวิธีไหน จะเล่นการเมืองหรือไม่ จะเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง "สนธิบัง" หรือไม่ แต่เบื้องต้นทั่นนายกฯ ก็ออกตัวแล้วว่า ไม่สนใจจะสืบสานอำนาจด้วยการโดดมาเล่นการเมือง
ถามถึงเรื่องลงเลือกตั้ง เรื่องตั้งพรรคการเมือง ออกอาการเดือดดาลทุกครั้ง พร้อมยกตัวอย่างนักการเมืองมาเหน็บแนม ตอดเล็กตอดน้อยอยู่เรื่อย ว่าทำบ้านเมืองเสียหายบ้าง ทำประเทศขัดแย้งบ้าง ตัวเองไม่สนใจการเมือง ก็ไม่รู้สินะ ถ้าจับพลัดจับผลู ทั่นลงมาเล่นการเมืองในท้ายที่สุด คนจะนินทากันขรมเมืองแค่ไหน
**แต่จากท่าทีและข้อมูลเชิงลึกแล้ว ชี้ชัดว่า "บิ๊กตู่" ไม่เอา น่าจะเฟดตัวออกจากการเมืองหลังภารกิจคืนความสุข เสร็จสิ้น ไม่ปี 58 ก็เต็มที่ ปี 59 นานกว่านี้มีเรื่องแน่ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น คงต้องจับตาดูท่าทีเป็นระยะ อาจมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์พลิกผันทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลุกออกจากตำแหน่งนายกฯ ก่อนเวลาอันควรก็เป็นได้ !!!
ในทางกลับกันคนที่ดูแล้ว "เอาแน่" และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเล่นการเมืองต่อเนื่องไปคือ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ของน้องๆ "บิ๊กป้อม" คือคนที่ถืออำนาจตัวจริงของค่ายบูรพาพยัคฆ์ ที่วันนี้ใหญ่คับฟ้า
**ทั้งวงสนทนาการเมือง พูดจากันสนุกปาก ทหารแบ่งเป็น 2 ขั้ว "บิ๊กป้อม" กำลังจะมาเป็นแกนกลางอำนาจตัวจริงแทนที่คนเก่า ?!?
และก็มีข่าวตลอดมาว่า เตรียมตัวเล่นการเมืองจับมือกับทั้ง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังเงียบๆ นิ่งๆ อยู่ ถามใครก็ปฏิเสธเป็นพัลวัน เช่นเดียวกับ "ยี๊ห้อยร้อยยี่สิบ" เนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่แห่งค่ายภูมิใจไทยตัวจริง ที่หลบอิงอยู่หลังฉากด้วยการทำทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปล่อยให้เด็กในคาถามออกมาเล่นจำอวดหน้าม่านแทนในช่วงที่ผ่านมา
เป็นที่รู้กันว่า เนวินถือเป็นคีย์แมนคำสำคัญของ “บิ๊กป้อม”ตัวจริงเสียจริง สนิทสนมกันมาตั้งแต่ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้กระทั่งยุครัฐบาลบิ๊กตู่ หลายเรื่องก็ยังปรึกษาหารือกันอยู่เป็นระยะ ในอนาคตหากพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ลงเล่นบนกระดานการเมืองเต็มตัว จึงเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่จะไร้เงานักการเมืองปากห้อยรายนี้
แม้ปัจจุบันจะรูดซิบปาก ทำตัวโลว์โปรไฟล์ทางการเมือง แต่เขี้ยวเล็บและเหลี่ยมคูของเนวิน จัดเป็นที่ต้องการของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ครั้งนักโทษชายทักษิณเรืองอำนาจ ที่ถูกเปรียบว่าเป็นไอ้ห้อยไอ้โหน ประจำตัวนายกรัฐมนตรี ดังกูรู คู่คิด ทั้งเรื่องการบริหารและเกมการเมือง จนเป็นที่ไว้วางใจ สืบเนื่องมาจนเปลี่ยนขั้วกระโดดมาอยู่กับค่ายสีฟ้า พระสุเทพ ที่ตอนนั้นนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ก็เรียกใช้บริการมันสมองพ่อใหญ่แห่งบุรีรัมย์ เป็นระยะ
มายุคนี้ แม้ตัวไม่โผล่ แต่ก็ส่งพ่อตัวเองอย่าง "ปู่ชัย ชิดชอบ" เข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และนักธุรกิจหลายคนที่เชื่อมโยงกับเขา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของนักการเมืองรายนี้ ที่เหล่าท็อปบูตเองยังต้องพึ่งบริการ เพราะต่อให้ทหารจะเก่งกาจเรื่องสู้รบปรบมือแค่ไหน แต่ก็ยังกินฝุ่นบรรดานักการเมืองบ้านเราอยู่หลายขุม ดังนั้น ต้องมีคนแบบนี้มาเป็นกุนซือ เพื่อให้ช่ำชองเกมการเมือง
**แล้วตัวเนวินเอง แม้ภาพลักษณ์ที่ผ่านมาจะมีเรื่องสีเทาเป็นตราประทับ แต่ในทางการเมืองแล้วเคยมีการเปรียบเปรยกันว่า มันสมองของเขาเพียงพอที่จะต่อกรกับคนอย่างนักโทษชายทักษิณได้ รู้ทันความคิดของอีกฝ่ายตลอด ขณะที่วิสัยทัศน์การบริหารประเทศยังก้าวไกล ต้องตาตรงใจกับฐานเสียงชาวรากหญ้า หากต้องการจะทลายขุมอำนาจทักษิณ ก็ต้องมีคนอย่างเนวินไว้สักคน
ที่ผ่านมาเห็นได้ดี กับหลักคิดของนักการเมืองเจ้าของฉายายี๊ห้อยร้อยยี่สิบรายนี้ ตั้งแต่การยกระดับจังหวัดบุรีรัมย์ จากเมืองแวะพักให้เป็นปลายทางของนักท่องเที่ยว สร้างทีมฟุตบอล จนประสบความสำเร็จมากมาย สามารถแปรเปลี่ยนความเกลียดมาเป็นความศรัทธาให้ตัวเองได้ไม่น้อย ดังนั้นหาก “บิ๊กป้อม”ต้องการจะทำพื้นที่ เขาเหมาะที่สุดสำหรับเรื่องนี้
ส่วนที่ลั่นวาจาเอาไว้ว่า ไม่เอาอีกแล้วการเมือง เชื่อขนมกินรอได้ หาก “บิ๊กป้อม”สลัดคราบท็อปบูต มาเป็นนักการเมืองเต็มตัว มีอันต้องเกี่ยว “น้องเน”คัมแบ็กกลับมาแน่ ต่อให้ต้องกลืนน้ำลายก็ตาม
ขณะที่ขุนพลเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิก คสช. เป็นไปได้สูง เพราะฝีมือจัดอยู่ในระดับชั้นเซียน ที่แห้วเก้าอี้ในรัฐบาลนี้ ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เขียนคุณสมบัติล็อกพวกมีมลทินเอาไว้ กับอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะ คู่เกาเหลาอย่าง “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ใช้ความสนิทสนมกับพี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ เข้าวินมาคุมอำนาจทางเศรษฐกิจไว้ได้ ทำให้อดีตขุนคลังยุคทักษิณ ต้องหลบไปอยู่หลังฉาก
แต่การหลบหลังฉากไม่มีปัญหาสำหรับ สมคิด เพราะที่ผ่านมาทั้ง “บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”ต่างเรียกใช้บริการอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเจรจาด้านการค้าต่างๆ ลัดฟ้าไปไหนมีอันต้องเหน็บเป็นเงาตามตัวติดไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อครั้งไปเยือนประเทศจีน หรือเรียกผู้บริหารสื่อ 16 คนไปหารือ ก็ใช้บริการสมาชิก คสช.คนนี้ คอยตอบประเด็นเศรษฐกิจ มากกว่าเลือก“หม่อมอุ๋ย”
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเหมือนกันว่า คนอย่างสมคิด ที่เคยผ่านตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาแล้ว หากจะคัมแบ็กสู่สนามการเมือง ต้องพาสชั้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีสถานเดียว แต่ปัญหาของเขาติดตรงใจเสาะ ทั้งเรื่องทุน และแรงผลัก ทำให้มักเป็นได้แค่แคนดิเดตอยู่ในช่วงที่การเมืองเกิดวิกฤตเท่านั้น ดูแล้วหาก “บิ๊กป้อม”ต้องการสวมยูนิฟอร์ม เป็นนายกรัฐมนตรี สมคิด น่าจะเป็นเพียงขุนคลังเช่นเดิม
แล้วการได้สมคิดมา จะทำให้หน้าตาทีมเศรษฐกิจของ“บิ๊กป้อม”ดูดี เพราะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดี ได้รับการยอมรับจากนักธุรกิจ สามารถคอนเน็กด้านการค้าเป็นของสมนาคุณ ทั้งนักลงทุนในประเทศหรือต่างชาติเอง ต่างจาก “หม่อมอุ๋ย”ที่หลายคนฟันธงว่า หมดยุคยิ่งใหญ่ไปแล้ว
ให้คอยดูหลังเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก “บิ๊กตู่” ไปสู่ “บิ๊กป้อม” ให้ดี ก่อนมีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ทีมงานป้อมแอนด์เฟรนด์เหล่านี้จะเริ่มขยับให้เห็นเป็นตัวเป็นตน
**แล้วการลงสนามครั้งนี้ “บิ๊กป้อม”เองหวังสูงถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของประเทศ มีการเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งเคยมีหมอดูทำนายทายทักว่า หากไม่แต่งงาน ดวงของพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ จะไต่ระดับไปสู่จุดสูงสุดได้ ทำให้จวบจนบัดนี้ในทางนิตินัย ยังอยู่ในสถานะโสด
มีบ่อยครั้งเวลา“บิ๊กตู่”ออกนอกประเทศทีไร มักมีนักข่าวจะแซวเรื่องนี้อยู่เสมอ เรียกรักษาการนายกฯ บ้าง ทั่นนายกฯ บ้าง ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 แม้ “บิ๊กป้อม”จะทำฉุนเฉียว ด่ากราด แต่นักข่าวที่สนิทสนมรู้กันว่า ลึกๆ ในใจก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่องไม่น้อย
เพียงแต่ครั้งนี้ต้องหลีกทางให้น้องได้เป็นก่อน เพราะบารมีนั้นยังไม่ถึง ภาพลักษณ์ดูมองว่าเป็นมาเฟีย สืบเนื่องจากคนใกล้ชิด และเครือข่ายที่เป็นไปในด้านมืด อีกทั้งกระแสสังคมเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่”ขึ้นแท่นเอง เพราะแบรนด์เรื่องความเด็ดขาด ไม่มีภาพโกงกิน ตรงไปตรงมา โพลล์ไม่รู้กี่สำนัก เทคะแนนความนิยมให้กันจนแทบทะลัก หากฝืนสังคมช่วงนั้น การเมืองอาจแกว่งได้ เพราะประชาชนไม่ยอมรับ
แต่หาก“บิ๊กตู่”วางมือตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่า เข้ามาแก้ปัญหาเท่านั้น ไม่ได้หวังเล่นการเมืองยาวๆ เพื่อสืบทอดอำนาจ เมื่อทำตามคำสัตย์เสร็จก็ลาจาก จบด้วยภาพผู้กู้วิกฤต อย่างนั้นมีแต่เสียงปรบมือ เพราะไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเองด้วยฤทธิ์อำนาจเหมือนผู้นำรัฐประหารหลายๆ ยุค เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไงก็หมดตัวเล่น ต้องเป็น “บิ๊กป้อม”แบเบอร์ ที่จะมารับไม้ต่อ
ซึ่งดูท่า “บิ๊กตู่”แล้วน่าจะกลับออกไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมากกว่า ขออยู่ในฐานะวีรบุรุษเท่านั้น ปล่อยให้พี่ใหญ่ ที่ขุมข่ายและองค์ประกอบต่างๆ พอจะต่อกรกับขั้วตรงข้ามได้ เล่นบนฟลอร์ต่อไป
อย่าลืมว่า แม้ภารกิจของรัฐบาลชุดนี้จะสิ้นสุดเมื่อประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้ แต่เป็นไปไม่ได้เลย ที่การปฏิรูปทั้งหมดจะเสร็จทั้งหมด ต่อให้ในรัฐธรรมนูญจะมีการเขียนกลไกบังคับให้งานได้รับการสานต่อ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนมาก็ตาม พลันที่นักการเมืองเข้ามาก็หาช่องรื้อจนได้ ปฏิรูปที่เริ่มต้นดีอาจกลายเป็นบ้องกัญชาในตอนจบ แล้วคนที่โดนด่าก็คือ “บิ๊กตู่”นั่นแหละ เพราะไม่ทำให้สะเด็ดน้ำทีเดียว เท่ากับว่าที่ทำๆ กันมา เสียของโดยเปล่าประโยชน์
แน่นอนผู้มีอำนาจชุดนี้ ไม่มีใครอยากโดนด่าหลังพ้นเก้าอี้ไปแล้วเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ไว้วางใจคนอื่นนอกจากตัวเอง จึงจำเป็นต้องดันก้น “บิ๊กป้อม” เข้ามากุมอำนาจต่อ ตามช่องทางธรรมดา คือ การเลือกตั้ง ไม่ใช่ทางด่วนลัดพิเศษเหมือนรัฐประหารครั้งนี้ เพราะมันสง่างามกว่ากันเยอะ
อีกอย่าง แม้ตัว “บิ๊กป้อม”เองจะไม่ป็อบปูล่าจนกอบโกยความนิยมมาให้ตัวเองได้ แต่นั่นเป็นกติกาเก่าที่ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว ซึ่งหากสุดท้ายคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยึดเอาระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันมาใช้ พรรคเล็กพรรคน้อย จะมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก ขณะที่พรรคใหญ่เก่าๆ ที่เคยผูกขาดจะถูกหารคะแนน ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนเดิมอีกแล้ว พรรคตัวเลือกใหม่ๆ จะเยอะขึ้น
ขณะเดียวกัน ในรัฐธรรมนูญถาวรที่กำลังร่างกันอยู่ จะมีระบบกลั่นกรองนักการเมืองที่ต้องทุจริตไม่ให้กลับเข้าสู่เส้นทางอีก ซึ่งจะตัดคู่ต่อสู้ออกไปได้ไม่น้อย ดังนั้น ต้องจับตาการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ด้วยว่า จะเป็นการเขียนเพื่อสืบทอดอำนาจให้กับตัวเองทางอ้อมหรือไม่
นอกจากนี้ ต้องจับตาบทบาทของ “บิ๊กป้อม”ในห้วงโรดแมประยะที่ 2 หรือ ในปี 58 ให้ดี เพราะจะมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนในการตัดสินทั้งทางเบื้องหน้า และเบื้องหลัง เช่นเดียวกับบทบาทในการบริหารกลุ่มการเมือง “บิ๊กป้อม”จะค่อยๆ ควบรวมอำนาจจาก “บิ๊กตู่”มาอยู่ที่ตัวเอง
**การเดินเกมต่างๆ "บิ๊กป้อม" จะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะกุมกำลังใหญ่อยู่แล้ว มากกว่า“บิ๊กตู่”ด้วยซ้ำ แถมยังคอนเน็กชั่นกับกลุ่มการเมืองได้หลายกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของนักโทษชายทักษิณเองก็ตาม เรียกว่า มีทั้ง “บู๊”และ “บุ๋น”อยู่ในมือเพียบ
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการปรับครม. ที่มีข่าวแว่วๆ ออกมาเหมือนกันว่า พี่ใหญ่จะขอจัดขุมกำลังด้วยตัวเอง บางคนแม้ขัดใจน้องก็ต้องยอม ให้จับตาดูการฟอร์มทีมหลังจากมีการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2 ได้ ไปสืบค้นสาแหรกแต่ละคนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถูกเข็นขึ้นมาเป็นเสนาบดีได้เพราะคนนี้แน่ ดูหนังตัวอย่างก่อนหน้านี้ที่ไม่ว่าจะเป็น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 70% “บิ๊กป้อม”ดันก้นมาทั้งนั้น
ขณะที่งานสำคัญๆ ของรัฐบาลต่อจากนี้จะผลักให้เป็นหน้าที่ของ “บิ๊กป้อม”ได้ออกมาโชว์ลวดลายบนฟลอร์ ดังจะเห็นว่า ระยะหลังๆ เจ้าตัวเริ่มพูดมากขึ้น จากแรกๆ เวลาโดนนักข่าวตื๊อถาม มักจะมีแต่คำด่าออกมา
เรื่องของเรื่องเพราะได้เวลาแนะนำตัวต่อสังคมกันแล้วในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ จากมือหนึ่งไปสู่มือหนึ่งแบบแนบเนียน อาจพรวดพราดขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนเลยก็ได้ หรือไม่ก็ปูทางไว้เลือกตั้งภายใต้กติกาที่พรรคพวกเขียนเอื้ออำนวยไว้ให้
**เป็นปีที่ต้องจับตา “บิ๊กป้อม”อย่าได้กระพริบ !!