xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"ฉุนนสพ.บางฉบับด่าทุกวัน ขู่ใช้กฎอัยการศึกจัดการ แจงผลงาน3ด.ยังไม่พอใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- นายกฯชี้ผลงาน 3 เดือน ยังไม่พอใจเท่าที่ควร วอนทุกฝ่ายร่วมมือ ลั่นขรก.ทำงานไม่ต้องรอเวลา เร่งผลักดันประเทศ แนะตั้งโจทย์ยึดประชาชน-ประเทศ เป็นศูนย์กลาง เผยยังมีต้นตอความขัดแย้งทั้งบุคคลและอาวุธสงคราม โวยหนังสือพิมพ์บางฉบับด่าทุกวัน ใครมาเป็นรัฐบาลด่าหมด ขู่ใช้กฎอัยการศึกจัดการ แต่ไม่คิดทำร้ายใคร เปิดใจ 22 พ.ค.รัฐประหาร ครอบครัวร้องไห้ ทุกอย่างต้องจัดระเบียบเดินหน้าให้ได้ ก่อนถูกตราหน้าเป็นกบฏ

เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (25ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือนว่า ถือเป็นการพบปะกันอย่างเป็นทางการก่อนวันขึ้นปีใหม่ที่จะถึง และยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสมาแถลงผลงานของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือน ก.ย.57 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการดำเนินการต่อเนื่องมาจากการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และวันนี้ได้ทำงานควบคู่กันไป ประสานความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะปัญหามีหลายอย่าง บางอย่างแก้ไขด้วยระบบราชการปกติได้ บางอย่างต้องอาศัยอำนาจพิเศษในการดำเนินการ ซึ่งทำให้สถานการณ์เรียบร้อยดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามที่ทำมานั้นคิดว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับที่จะทำให้ประเทศชาติเรามั่นคงและยั่งยืนในวันข้างหน้า ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือทุกท่าน

**เลิกถามจะเลือกตั้งเมื่อไร

นายกฯกล่าวต่อว่า การทำงานของเราจะต้องประกอบด้วย 3 ส่วน คือ นโยบาย ขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ โดยทั้งหมดนี้ต้องประสานสอดคล้องซึ่งกันและกันให้ได้ วันนี้เรามีหน้าที่ 3 ประการ ประกอบด้วย 1. การรักษาความสงบเรียบร้อย โดยใช้ทั้ง คสช.และส่วนราชการปกติดำเนินการอยู่ 2. การขับเคลื่อนบริหารประเทศโดยรัฐบาลมี คสช.ช่วยเหลือ แต่ระบบการขับเคลื่อนการบริหารประเทศยังใช้ระเบียบริหารราชการตามปกติเป็นหลัก เพียงแต่เพียงแต่เพิ่มเติมปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีลักษณะการทำงานแบบบูรณาการสอดคล้องกันมากขึ้น 3. ในส่วนของการปฏิรูปและการร่างกฎหมายต่างๆของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งต้องเดินไปตามโรดเเมปที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว

“ไม่อยากให้พูดว่า เราจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ทุกอย่างกำหนดไว้ในรัฐธรรนูญชั่วคราว ซึ่งต้องดูที่ขั้นตอน ทำกันสำเร็จตอนไหนก็ตอนนั้น เร็วที่สุดก็เร็วที่สุด ผมไม่ได้ไปยืดเยื้อไปดึงเวลา ฉะนั้นอยู่ที่พวกท่านทุกคนไม่ใช่โยนกลับมาที่ผมคนเดียว เพราะผมเข้ามาเป็นกรรมการ เข้ามาเป็นครูใหญ่ เข้ามาแนะนำทำให้เกิดคามรวดเร็วขึ้นในการทำงาน อาจใช้ความที่เคยเป็นทหาร ที่มีความรวดเร็วอยู่บ้าง บางครั้งอาจจะไม่เข้าใจและทุกครั้งที่สั่งหรือเป็นนโยบายอะไรลงไปบางครั้งนอนไม่หลับ กว่าจะคิดศึกษารายละเอียดได้ ผมก็ต้องทำการบ้านเยอะพอสมควร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** โอ่ทำงาน 3 เดือนผลงาน 3 ชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การทำงานที่ผ่านมา 3 เดือน อาจจะคิดกันว่ามันสำเร็จหรือไม่ สำเร็จอะไรไปบ้าง ไม่เห็นเป็นเนื้อเป็นหนังอะไรเลย ซึ่งที่ผ่านมาเราทำงาน 3 ระยะ โดยช่วงแรกที่เป็น คสช. ถือเป็นระยะเร่งด่วน ระยะที่ 2 คือ ปานกลางคือในห้วง 1 ปี ที่มีการดำเนนการปฏิรูปและระยะที่ 3 คือระยะยาวอย่างยั่งยืน ซึ่งการปฏิรูปต้องประสานสอดคล้องด้วยกันทั้ง 3 ระยะให้ได้ เวลานี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ฉะนั้นเรามีเวลาอีกไม่มากที่จะต้องทำทั้งหมด ซึ่งทุกท่านทราบดีเรามีปัญหาอะไรอยู่บ้างในปัจจุบัน ที่ต้องค่อยๆ ทำค่อยๆ แก้กันไป วันนี้รัฐบาลเข้ามาทำงานระยะเวลาสั้น การปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมต่างๆ คงทำไม่ทันในเวลาที่จำกัด ต้องให้รัฐบาลต่อไปเข้ามาดำเนินการ เราจึงต้องใช้ของเดิมที่มีอยู่ทำให้ได้ก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆมากมาย

“รัฐบาลนี้ทำงานมาไม่เพียงแค่ผลงาน 3 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ทำไปถึง 3 ชาติข้างหน้า สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมากี่รัฐบาลก็ทำไม่จบ ยกตัวอย่างประเทศจีน เมื่อก่อน 60 ปีที่แล้ว เป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก แต่หลังการปฏิรูปประเทศ 30 ปีที่แล้ว ปัจจุบันกลายเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกได้ วันนี้เราต้องใช้วิกฤตเป็นโอกาสให้ได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศชาติไปสู้ความั่นคงยั่งยืนในอนาคต ที่ใดที่มีความขัดแย้งก็ต้องแก้ไข สิ่งใดเห็นต่างก็ต้องแก้ไข ต้องร่วมมือกัน ลดราวาศอกสิ่งที่ขัดแย้งกันให้ได้”นายกฯ กล่าว

** จี้เคลียร์คดีขัดแย้งให้จบใน 3 เดือน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องใช้วิกฤตสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง แก้ความขัดแย้งด้วยกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และความยุติธรรม อย่างเป็นธรรมและโปร่งใสซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยึดถือ ให้ศาลและองค์กรอิสระทำหน้าที่อย่างเสรีอิสรภาพและให้กำลังใจฝ่ายกระบวนการ ถ้าเรายอมรับซึ่งกันและกันเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยไม่มีปัญหาอย่างที่ผ่านมา ก็จะทำให้ลดความขัดแย้งของประชาชนได้อย่างมากมาย

"ผมได้สั่งการไปแล้วว่า ทุกคดีจะต้องมีความชัดเจนใน 3 เดือนข้างหน้า ใครผิดถูกอย่างไรให้หามา อยากเอาทุกอย่างมาเป็นประเด็นตีกันไปหมด ต้องแยกระหว่างความขัดแย้ง กับการบริหารประเทศออกจากกัน เพราะถ้าทุกคนมัวแต่ตั้งแง่ ก็จะเดินไปไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

** ลั่นรัฐประหารต้องสูญพันธุ์

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในเรื่องการทำงานของรัฐบาลวันนี้ มีทั้งการแก้ไขความขัดแย้งและสร้างความปรองดอง วางพื้นฐานประเทศชาติทุกด้าน เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม การจัดระเบียบต่างๆเหล่านี้ ขณะเดียวกันต่างประเทศก็ต้องพัฒนาความสัมพันธ์ เพราะวันนี้เราเป็นเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่งอีกแล้ว ถือว่าทุกประเทศในภูมิภาคเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ไม่ใช่คู่แข่งขันกัน จากการที่เดินทางเยือนหลายประเทศ ทุกประเทศต่างชื่นชมประเทศไทย และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเราทุกอย่าง ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามก็ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ได้ ต้องสร้างหุ้นส่วนในอาเซียนให้ได้ โดยต้องวางยุทธศาสตร์ กำหนดวิสัยทัศน์ทของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าให้ได้เพื่อให้เกิดความมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งและยั่งยืน ตามพระพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระะเจ้าอยู่หัวฯ ฉะนั้นทุกคนต้องดูว่าจะมีส่วนร่วมได้ในส่วนไหน ต้องมีการเผื่อแผ่แบ่งฟัน และนำประเทศก้าวข้ามกับดักคำว่าประชาธิปไตยให้ได้ เราติดกับดักตรงนี้มานานแล้ว

“เมื่อปี 2475 เราได้มีเปลี่ยนแปลงการปกครองมา และมีการปฏิวัติรัฐประหารมาหลายครั้งเต็มที วันข้างหน้าเราจะแก้ปัญหาโดยการรัฐประหารอย่างนี้ไม่ได้ เราต้องสร้างความเข้มของประเทศและคนทุกภาคส่วนในประเทศให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้บ้านเมืองเรามีความสงบสุขพอสมควร ก็ควรจะมีรัฐบาลที่ถูกต้องได้โดยเร็ว มันเป็นกายภาพ คือดูว่าจะเรียบร้อยไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการประท้วง แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้งยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลอาวุธสงคราม ไม่ได้พูดให้ทุกคนตื่นตระหนก แต่ตราบใดที่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ยุติ ต้นตอความขัดแย้งไม่เลิก กระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด ก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ผมเพียงแค่รักษาสภาพไว้เท่านั้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในอนาคต หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบหรือรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่คนใช้ที่จะทำให้เกิดความสงบสุขหรือไม่ อยู่ที่การบริหารราชการแผ่นดิน การทำงานร่วมกันของฝ่ายรัฐ พ่อค้าประชาชน คนไทยทุกคนที่ต้องร่วมกันนำพาประเทศไปให้ได้

** เผยน้ำตาท่วมบ้านตอนยึดอำนาจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้เรื่องรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้ข้อยุติ ตนไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องคิดกันมา การทำอะไรต้องให้ประชาชนเป็นจุดศูนย์กลาง และนำปัญหามาเป็นโจทย์ การทำงานต้องมีการสื่อสารสองทาง ติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด จึงจะเห็นว่ารัฐบาลเข้าไปยุ่งทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการบริหารราชการแผ่นดิน การจัดระเบียบและสร้างความเข้มแข็งให้กับข้าราชการอย่างมีศักดิ์ศรี ข้าราชการบางคนทำงานแบบคิดว่าเดี๋ยวก็ไป ซึ่งต่อไปตนจะมีวิธีการตรวจสอบ ข้าราชการจะทำงานแบบนิ่งนอนใจไม่ได้ ต้องทำงานแบบร้อนใจอย่างที่ตนทำอยู่ ทุกอย่างอยู่ที่ผู้นำว่าจะนำอย่างไร หากปล่อยให้ข้าราชการทำงานอยู่แบบเดิม เราก็จะเป็นประเทศไทยที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ตนจะไม่ปล่อยให้ข้าราชการทำงานแบบเฉื่อยแฉะ ทุจริตผิดกฏหมาย และวันนี้มีเสียงร่ำลือว่ามีการส่งให้ คสช. 50 เปอร์เซ็นต์ แต่สลึงนึงพวกตนก็ยังไม่ได้ ตนไม่มีต้นทุน การเข้ามาทำงานไม่เสียเงินสักสลึง ฉะนั้นจึงไม่ต้องการเอากำไรกลับไป ขอยืนยันว่าพวกเราเข้ามาด้วยความตั้งใจ ด้วยคุณวุฒิความรู้ความสามารถ ตนเข้ามาด้วยชีวิต

“เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 บ้านผมร้องไห้กันทั้งบ้าน แล้วผมไม่ได้บอกใคร ผมบอกพี่ๆทีหลังทั้งนั้น แต่มันไม่ได้ วันหน้าเกษียณไปก็โดนด่าตายว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แม้ผมจะมีคุณวุฒิไม่เท่าพวกท่าน แต่ผมได้เอาชีวิตเข้ามา ถ้าวันที่ 22 พค. ผมจัดระเบียบไม่ได้ ผมก็กลายเป็นกบฏ แต่ผมสงสารลูกหลานผมวันข้างหน้าอยู่อย่างไร ประเทศไทยจะเข้มแข็งกับเขาได้อย่างไร ก็ต้องติดตามมาตลอดในฐานะที่เป็นฝ่ายความั่นคง เป็น ผบ.ทบ.สนับสนุนทุกรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม จะถูกจะผิดจะดีไม่ดี เราก็อยู่บทบาทที่เหมาะสมของเรามาโดยตลอด แต่เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นมันก็จำเป็น ไม่เคยขัดแย้งกับใคร เพียงแต่ต้องเข้ามาเพื่อระงับความขัดแย้ง และอันตรายที่จะเกิดขึ้น อาวุธสงครามมากมายไปหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** ว๊ากสื่อจ้องด่าไม่เลิก

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงบทบาทการทำงานของสื่อมวลชนด้วยว่า สื่อต้องปรับปรุงตัวเอง ซึ่งอยู่ในหัวข้อการปฏิรูปอยู่แล้ว สื่อเสนอข้อเท็จจริง วิจารณรืความเห็นที่เป็นประโยชน์ งดการให้ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม และเป็นสื่อในเชิงสร้างสรรค์ ทำแบบนี้ได้หรือไม่

“เดี๋ยวผมจะแจ้งเรื่องไปให้สมาคมสื่อฯ ดูซิ..หนังสือพิมพ์บางฉบับที่เขียนอยู่ทุกวันนี้ ผมทนมานานแล้ว ติติงมันได้ทุกเรื่องทุกหน้ากระดาษ มันเป็นอะไร มันบ้าหรือไง ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ด่าเขาหมด มันดีตรงไหนวะ ไอ้เจ้าของก็จะติดคุก ตายไม่ตายแหล่อยู่แล้ว ผมไม่ได้อยากจะอุดหนุน แต่ลูกน้องซื้อมาให้อ่าน ผมบางทีไม่อยากอ่าน เพราะอ่านแล้วโมโห ทำให้เสียกิริยาเสียมาดผู้นำหมด จะขี้โมโหไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็โดนสวนมาอีก คราวนี้ผมจะปิดมันจริงๆ ปล่อยไว้ไม่ได้ ลามปามไปเรื่อย ไม่งั้นจะเป็นทำไม จะมีกฎอัยการศึก จะมีมาตรา 44 ไว้ทำไม มีเพื่อให้เกิดความสงบ มีไว้ในเชิงสร้างสรรค์ ผมไม่ได้เอาใครมาติดคุกหรือยิงเป้าซักคน หรือจะให้ทำ เอาไหม มันก็ไม่ทำอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

** คุมเข้มช่วงปีใหม่ห้ามป่วน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ช่วงปีใหม่ถ้ายังมีอาวุธสงคราม มีการลอบทำร้าย มีคดีความรุนแรงต่าง จะสั่งให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการทันที ทั้งกฎอัยการศึก และกฎหมายทหารทุกฉบับเข้ามาจัดการ ถือว่าคนทั้งประเทศำลังมีความสุข จะมาทำแบบนี้ไม่ได้ เจ้าหน้าทีก่ต้องระมัดระวัง เกิดในพื้นที่ใคร หากหาคนทำผิดไม่ได้ ก็ต้องลงโทษ ฉะนั้นปีใหม่ต้องไม่มีเหตุ ข้าราชการทุกกระทรวงต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัย หน่วยใครหน่วยมัน อย่าไปปัดภาระ ว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงแล้วจะโยนให้ตำรวจกับทหารอย่างเดียวไม่ได้ ความมั่นคงประกอบด้วยหลายๆ ส่วนประชาชนเองก็ต้องช่วยกันเฝ้าระวังนั้น อย่าไปคิดว่าไม่ใช่ธุระ

นายกฯกล่าวต่อว่า ในเรื่องของการสร้างประชาธิปไตย กับต่างประเทศนั้นดีขึ้น วันนี้เมื่อมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ เราตอบไปว่า เรากำลังแก้ปัญหาเดินหน้าประเทศเราอยู่ ทุกอย่างกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ตอบมันไปแค่นั้น ยิ่งตอบมากไปก็บานปลายไปเรื่อย

**จี้จ่ายเงินช่วยเกตรกรให้เร็ว

สำหรับการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ข้าวยังขายไม่ได้อีกกว่า 7 แสนล้านบาท แล้วจะทำอย่างไร แล้วจะอุดหนุนไปถึงเมื่อใด ขณะที่การแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำนั้น เราต้องไปดูว่า ราคายางวันนี้กิโลกรัมละ 60 บาทเพียงพอหรือไม่ เลี้ยงดูครอบครัวได้หรือไม่ วันนี้เราทำอย่างไรถึงจะยกระดับให้ได้ ซึ่งประเทศจีนบอกว่าช่วยซื้อยาง เพราะเห็นความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย ทั้งที่บ้านเขาราคาต่ำกว่านี้ ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือเกษตรที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไป สาเหตุที่จ่ายเงินล่าช้า เพราะบัญชีของเกษตรกรไม่เรียบร้อย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจ่าย วันนี้ทุกกระทรวงต้องมาร่วมกันทำงาน ไม่ใช่ธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) อย่างเดียว กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลังต้องมาร่วมมือกันทั้งหมด

“เวลาจะจ่ายอะไรก็กลัวทุจริต เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจ่าย วันนี้เดี๋ยวต้องจ่ายให้ทัน มีเวลาให้จ่าย ถ้าจ่ายไม่เสร็จก็มีเรื่องอีก จ่ายอย่างไรก็ได้ แล้วตามจี้ทุจริตอีกที ถ้าเป็นข้าราชการก็ต้องเอาออกจากตำแหน่งก่อนแล้วจึงสอบ ทำไม่ทันก็โดน ทุจริตก็โดนอีก อย่างไรก็ตามถ้ากลัวทุจริตแล้วทำไม่ได้ นโยบายจะออกมาทำไม งบประมาณก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ท่านเป็นข้าราชการ ตั้งมาให้แก้ปัญหา ไม่ใช่รับประโยชน์” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** วอนอย่าลามปามถึงครอบครัว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่กำไรทุกแห่ง บางที่ขาดทุน เพราะเป็นการให้บริการ แห่งไหนกำไรก็นำมาชดเชยที่ขาดทุนไป กระทรวงการคลังก็ปวดหัวว่า จะเอาเงินจากไหน ต้องไปปรับระบบโครงสร้างภาษี ก็ถูกตำหนิอีก เรื่องไหนมันเดือดร้อนรัฐบาลนี้ชะลอหมด หลายอย่างมันต้องขึ้นมาหลายปี เราก็ดึงเอาไว้ พอวันนี้ขึ้นก็บอกว่าประชาชนเดือดร้อน แล้วจะให้ทำอย่างไร ให้เขาเจ๊งหรืออย่างไร เราต้องดูภาพรวมด้วย ต้องสอนให้เขามองภาพที่ใหญ่กว่าตัวเขา ทุกคนต้องช่วยกัน เสียสละแบ่งปันให้บ้านเมืองงดงามเหมือนในอดีต

“อย่าให้ต้องสร้างประเทศใหม่แล้วทำลายวัฒนธรรมเก่า เมื่อไหร่ที่เรามีเสรีภาพแล้วจะว่าใครก็บอกเสรีภาพ จะด่าตนถึงโคตรเหง้าศักราช ก็บอกว่าเป็นเสรีภาพ มันใช่ไหมเล่า คนเราต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผมเป็นนายกแล้วไม่มีสิทธิหรือ ต้องอดทนทุกอย่างเพราะเป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร ผมไม่ได้อยากเป็น ถ้าทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกันก็จบ วิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่เหมาะสม ไม่ใช่ไล่ล่าฆ่าฟันจะจับลูกสาวผมบ้าง ประเทศไทยมันเป็นอย่างนี้หรือ ตนถามว่าประเทศอื่นมีหรือไม่ โซเชียลมีเดีย แบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ เล่าด้วยว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งได้บอกกับตนว่า ถ้าเขาเชื่อโซเชียลมีเดีย เขาจะคบกับใครไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เขาต้องมีสติ และตนถามว่า ท่านให้เกียรติรัฐบาลไทยแค่ไหน ท่านบอกว่า ท่านจะพูดกับรัฐบาลประยุทธ์ เพราะเราเป็นทหารเก่าด้วยกัน รู้ใจกันว่าทำอย่างไรแล้วประชาชนมีความสุขแต่ตนต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรที่อยู่ในพื้นที่ที่ปัญหา คุยได้ก็คุย คุยไม่ได้ก็ให้มันอยู่ในดิน 5,000 ปีก็ทิ้งไป คุยได้เมื่อไหร่ เขาพร้อมคุยเราก็คุยเปิดเผย ผลประโยชน์ เขตแดนว่ากันทีหลังได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็อยู่แบบนี้ไป ตนไม่ได้ว่าอะไร

** ยกนักกีฬาเป็นแบบอย่างเยาวชน

สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน นายกฯกล่าวว่า กระทรวงที่เกี่ยวข้องกำลังแก้อยู่ โดยมี 2 แนวทาง พื้นที่ไหนครอบครองอยู่แล้วก็ให้ครอบครองต่อไป แต่จะมอบให้ทำกิน ไม่ได้ให้เป็นเจ้าของ ตนไม่เอาที่หลวงมาให้บุกรุก แต่ถ้าอยู่แล้วสร้างป่าแล้วทำกินด้วย ไม่ใช่แบบเดิมคือเป็นชุมชน ต้องจัดที่ดินทำกินใหม่ วันหน้าอยากให้รัฐบาลมาจัดแจกก็เชิญ มีอยู่ 5 แสนกว่าไร่ หมดแล้วประเทศไทยมีเท่านี้ บางคนมีที่เยอะเพราะเขาซื้อไป ถ้าถูกกฎหมายก็ให้เขาไป แต่ทำอย่างไรให้เขาเผื่อแผ่แบ่งปัน เรากำลังออกกฎหมายภาษีที่ดินเพื่อให้กระจายปล่อยออกมา ถ้าเขาไม่ทำกิน เก็บไว้ ก็ต้องเสียภาษีมาก นี่คือวิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน อะไรที่เป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคนจนต้องใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์

เรื่องความสำเร็จของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยที่ชนะเลิศรายการเอเอฟเอฟซูซูกิคัพ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องฟุตบอลตนปลื้มใจ เราต้องดูแลเขามากๆ ต้องเป็นนักกีฬาที่เป็นตัวอย่างของเยาวชนรุ่นต่อไป ไม่ใช่อยู่ๆ ก็เลิกไป เสียอีก ดังนั้น เราต้องมีการควบคุม จัดตั้ง ใช้งานให้ได้ เขาต้องเป็นทายาทต่อไปในรุ่นหลัง ซึ่งได้รับแจ้งว่า ตอนไทยแข่งกับมาเลเซีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงให้กำลังใจ เล่นให้มีสติ ชนะหรือแพ้เหมือนกัน ซึ่งมีการส่งข่าวไป ทุกคนมีกำลังใจ เล่นกันอย่างสงบ ไม่มีความรุนแรง แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากบอกคือ นี่คือพระองค์ท่านให้สติ โดยในขณะนั้นในสนามแฟนบอลมาเลเซียเป็นแสนคน ของไทยมีอยู่ 3 -4 พันคน แต่พอเขาแพ้ เขาก็ปรบมือให้เรา ยังคิดเลยว่าถ้าเป็นไทยจะเหลือหรือไม่เพราะนำจาก 3-0 แต่กลับมาแพ้ 3 -2 ที่ผ่านมาเคยมีแข่งแล้วเสร็จตีกันจนต้องเลิกแข่ง ต่อไปนี้ใครทำแบบนี้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ต้องคาดโทษ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องกีฬาไม่ใช่โหมประโคมกันไป ได้ถ้วยได้เหรียญ จากนั้นก็ลืมเขาไป และไปกดดันเด็ก อย่างนักแบดมินตันระยะหลังแพ้ตลอด ดังนั้นต้องเอาเขากลับมาเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่ผลักดันเขาไปเรื่อยอย่างนั้นไปไหว ดังนั้นการสร้างนักกีฬาไทยไม่ได้สร้างจากสมาคม เป็นหน้าที่ของทุกกระทรวงต้องไปผลิตนักกีฬามา มาแข่งกันในทุกสมาคมและใครชนะเลิศเอาคนนั้นเป็นตัวแทน ที่ผ่านมาสมาคมฟุตบอลฯทำไม่ได้ แต่ที่ทำได้เพราะวันนี้เกิดไทยพรีเมียร์ลีกขึ้นมา ไปคัดจากไทยพรีเมียร์ลีกเข้ามา ดังนั้นทุกกระทรวงต้องวางระบบเหมือนพรีเมียร์ลีก

** แจงน้ำมันลดไม่เท่าตลาดโลก

ในเรื่องโครงสร้างพลังงาน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า มีคนถามว่าทำไมราคาน้ำมันข้างนอกลดลง 50 แต่ของเราทำไมไม่ลดลง 50 ตนถามว่าน้ำมัน 1 บาร์เรล มันทำดีเซลหรือเบนซินได้ทั้งหมด 1 บาร์เรลหรือไม่ ซึ่ง 1 บาร์เรลมันทำได้ไม่เท่าไร เพราะต้องแยกไปตั้งหลายอย่าง บางอย่างขาดทุนบ้าง กำไรถัวเฉลี่ยกันไป ต้องบวกค่ากลั่น บวกภาษีสรรพสามิตอีก ยุบไปทั้งหมดแล้วอย่างไรก็ไม่ลด แต่วันนี้ต้องสร้างทั้งระบบ ขนส่งมวลชน รถเมล์ ซึ่งจะมีการปรับทั้งหมด แต่จะทันหรือไม่ยังไม่รู้เลย

ขณะที่โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้มีการดำเนินการเร็วกว่านี้ ปีหน้าควรจะมีรถเมล์คันใหม่วิ่งใน กทม.บ้าง มีทางลาดให้คนพิการ ต้องนึกถึงเขาบ้าง ถ้าบอกว่าต้องตรวจสอบให้ดีก่อนคิดว่าชาติหน้า แต่ถ้าซื้อแล้วทุจริต ไม่ยอมแน่นอน วันหน้าต้องไปสร้าง ต้องการ 4,000 คัน วันนี้ซื้อมา 300 คันก่อน ต้องทำให้ได้อย่างนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ แก้ปัญหาระยะสั้น ระยะยาวอย่างยั่งยืนส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป

** 28 ธ.ค.ร่วมงานถีบสองล้อ

นายกฯเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 26 ธ.ค. ตนจะลงพื้นที่ จ.พังงา เพื่อร่วมรำลึกครบรอบเหตุการณ์สึนามิ และจะตรวจเยี่ยมน้ำท่วมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ ในวันที่ 28 ธ.ค.จะมีการปั่นจักรยานรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ให้มาร่วมกันขี่จักรยาน ใครไม่พร้อมให้นำสามล้อมาขี่ มันติดขัดอยู่บ้างเพราะทางมันแคบ ซึ่งเรากำลังเสนอความคิดเห็นกันไปว่าจะทำทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง เพราะคนไปไม่ถึงแม่น้ำ ต้องผ่านโรงแรมและอาคารต่างๆ เราจะทำสะพานยื่นลงไปในน้ำ ซึ่งจะต้องไปตั้งงบประมาณ เพื่อให้คนได้ปั่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น