xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ฉุน นสพ.บางฉบับด่าทุกวัน ขู่ใช้อัยการศึกจัดการ-แจงผลงาน 3 เดือนยังไม่พอใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ ชี้ผลงาน 3 เดือนยังไม่พอใจเท่าที่ควร วอนทุกฝ่ายร่วมมือ ลั่น ขรก.ทำงานไม่ต้องรอเวลา เร่งผลักดันประเทศ แนะตั้งโจทย์ยึด ปชช.-ประเทศเป็นศูนย์กลาง เผยยังมีต้นตอความขัดแย้งทั้งทั้งบุคคล และอาวุธสงคราม โวยหนังสือพิมพ์บางฉบับด่าทุกวัน ใครมาเป็นด่าหมด ขู่ใช้กฎอัยการศึกจัดการ แต่ไม่คิดทำร้ายใคร เปิดใจ 22 พ.ค.รัฐประหาร ครอบครัวร้องไห้ ทุกอย่างต้องจัดระเบียบเดินหน้าให้ได้ ก่อนถูกตราหน้าเป็นกบฏ





เมื่อเวลา 09.00 น. ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่ 12 กันยายน - 12 ธันวาคม 2557

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตลอดเวลาการทำงาน 3 เดือนของรัฐบาล ต่อนื่องจากคสช. ซึ่งมีการดำเนินการควบคู่กันไปในการทำงาน การแก้ปัญหาบางอย่างแก้ไขด้วยระบบราชการปกติได้ บางอย่างต้องอาศัยอำนาจพิเศษในการดำเนินการ ซึ่งทำให้สถานการณ์เรียบร้อยตามลำดับ แต่ตนเองคิดว่าที่ทำมานั้นยังไม่เป็นที่หน้าพอใจสำหรับที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคง และยั่งยืนในวันข้างหน้า ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน การทำงานของรัฐบาลจะต้องประกอบด้วย 3 ส่วน คือ นโยบาย ขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ โดยทั้ง 3 ส่วนต้องประสานสอดคล้องกัน ซึ่งวันนี้มีหน้าที่ 3 ประการ คือ 1. การรักษาความสงบเรียบร้อย ใช้ทั้ง คสช. และส่วนราชการปกติในการดูแลอยู่ 2. การขับเคลื่อนบริหารประเทศในขณะที่เป็นรัฐบาล โดยมี คสช.เป็นผู้ช่วยเหลือ และใช้การบริหารราชการแผ่นดินปกติเป็นหลัก เพียงแต่เพิ่มเติม ปรับปรุงวิธีการให้มีลักษณะบูรณาการ ประสานงานให้สอดคล้องมากขึ้น 3. การปฏิรูป และการร่างกฎหมาย ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 3 อย่างจะต้องเดินไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ซึ่งตนเองไม่ได้ยืดเยื้อหรือดึงเวลา ขึ้นอยู่กับทุกคน

“ไม่อย่าให้พูดว่าจะมีการเลือกตั้งอย่างไร เมื่อไหร่ วันนั้นวันนี้ เดือนนั้นเดือนนี้ ทุกอย่างกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ทำได้สำเร็จตรงไหนก็ตรงนั้น เร็วที่สุดก็เร็วที่สุด ไม่ได้ยืดเยื้อ ดึงเวลา เพราะฉะนั้นอยู่ที่พวกท่านทุกคน ไม่ใช่โยนกลับมาที่ผมคนเดียว ผมเข้ามาเป็นกรรมการ เข้ามาเป็นครูใหญ่ ทำให้เกิดความรวดเร็วขึ้นในการทำงานเท่านั้นเอง อาจจะมีความเป็นทหาร มีความรวดเร็วอยู่บ้าง บางครั้งก็อาจจะไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่สั่งอะไรลงไป หรือเป็นนโยบายลงไป ผมก็นอนไม่หลับ กว่าจะคิดออกมาได้ กว่าจะศึกษารายละเอียดได้ ผมก็ต้องทำการบ้านเยอะพอสมควร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ อย่ากังวลว่าจะใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน ชื่อเสียงของประเทศชาติในสายตาของคนภายนอก วันนี้จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาของเราให้ได้ เพื่อยืนหยัดอยู่ในเวทีนานาชาติต่อไปในวันข้างหน้า ถ้าเราไม่เริ่มวันนี้ วันหน้าก็ไปไม่ได้ การดำเนินการเราได้กำหนดเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะเร่งด่วน คือ ช่วงของ คสช. 2. ระยะปานกลาง คือในห้วง 1 ปีที่จะมีการปฏิรูป 3. ระยะยาวอย่างยั่งยืน ซึ่งจะต้องทำงานประสานสอดคล้องทั้ง 3 ระยะให้ได้ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของระยะที่ 2 ระยะที่มีการปฏิรูป เพราะฉะนั้น มีเวลาอีกไม่มากที่จะดำเนินการทั้งหมด ทุกคนทราบดีว่ามีปัญหาอะไรอยู่บ้างจะต้องค่อยๆ แก้ไขกันไป จะต้องสร้างความเข้มแข็งของประเทศ ซึ่งการสร้างความเข้มแข็งประกอบด้วย คน แผ่นดิน หัวใจ ทั้งกายและใจที่จะต้องทุ่มเท จึงเรียกว่าความเป็นชาติของเรา เพราะฉะนั้นถ้าจะมุ่งเน้นผลประโยชน์ของตัวเอง ความขัดแย้งของตนเอง การใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้อง ไม่สุจริต ไม่เป็นธรรมไม่ชอบธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างแรงให้กับประเทศ ความมีเสถียรภาพ ความสงบสุขก็ไม่เกิดขึ้น วันนี้ต้องใช้วิกฤตเหล่านี้ให้เป็นโอกาส ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้มีความมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต ที่ใดที่มีความขัดแย้ง เราต้องแก้ไข ประเด็นใดที่เป็นความเห็นต่าง เราก็ต้องแก้ไข หาทางร่วมมือกันให้ได้ ขณะเดียวกันต้องเร่งทำงานด้านกระบวนการยุติธรรมให้เกิดการยอมรับเพื่อที่จะลบความขัดแย้ง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ต่อไปไม่ว่าจะเลือกใครก็แล้วแต่ ต้องคิดถึงประเทศชาติก่อน และต้องเลิกความขัดแย้ง แยกกันให้ออกระหว่างการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า สร้างความเข้มแข้งยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ ส่วนเรื่องความขัดแย้งไว้ท้าย สุดให้กระบวนการยุติธรรมไปว่ามา ผมไม่เคยสั่งการใดๆทั้งสิ้น ฉะนั้นคดีทุกคดีต้องมีความชัดเจนภายใน 3 เดือนข้างหน้า ไปหาวิธีการมา ส่วนการปฏิรูปก้ต้องเดินหน้าไป อย่าเอาทุกอย่างมาตีกันทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของประชาคมโลกเราถือว่าเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เราต้องสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะของอาเซียนร่วมกันให้ได้ ทั้งนี้จะต้องให้ความสำคัญกับต่างประเทศอย่างเสมอกัน และต้องมองประเทศของตนเองโดยกำหนดวิสัยทัศน์ใน 5 ปี ข้างหน้า โดยประเทศไทยจะต้องมีความมั่นคง ประชาชนมีความมั่นคง อย่างยั่งยืน ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“เราต้องทำให้ประเทศก้าวข้ามกับดักประชาธิปไตยให้ได้ ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเกิดการปฏิวัติรัฐประหารมาหลายครั้ง วันหน้าจะมาแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ได้อีก เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ วันนี้บ้านเมืองเราสงบสุขพอสมควร ทุกคนอาจจะมองว่าไม่เห็นมีอะไร ควรจะมีรัฐบาลที่ถูกต้องได้โดยเร็ว แต่นั่ยนเป็นกายภาพที่ดูเรียบร้อย แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้งยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรืออาวุธสงคราม หากต้นตอความขัดแย้งยังไม่ยุติ กระบวนการยุติธรรมไม่สิ้นสุด ก็ไม่สามารถแก้อะไรได้ ผมเพียงรักษาสภาพไว้เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นอัตรายต่อประชาธิปไตยในอนาคต” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบ หรือรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่คนใช้ อยู่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ว่าจะต้องใช้อย่างไรให้เกิดความสงบสุข คนไทยทุกคนจะต้องร่วมนำพาประเทศให้ได้ ไม่ว่าจะมีกี่สภาก็ตาม วันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ ไปคิดกันมา เราต้องตั้งโจทย์ โดยการเอาประชาชน ประเทศชาติเป็นศูนย์กลาง ประชาชนอยากได้อะไร ขาดอะไร ต้องยึดเอาตรงนี้เป็นวิธีคิด วิธีแก้ไข จะเห็นว่ารัฐบาลเข้ามายุ่งกับทุกปัญหา เพราะรัฐบาลต้องการเข้ามาแก้ไข วันนี้ทุกคนจะต้องลดอัตราตัวเอง ลดศักดิ์ศรีลงบ้าง ข้าราชการอย่าทำงานแบบรอเวลา ผมจะไม่ปล่อยให้รอเวลาอีกแล้ว เพราะว่าเราใกล้จะหมด โดยเฉพาะในเวทีโลก ซึ่งหากมัวแต่รอก็จะประสบแต่ความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เวลานี้จะมาปฏิรูปกระทวรงกระทรวงทั้งหมดคงไม่สำเร็จ แต่เราจะต้องเอาของเดิมที่มีอยู่มาใช้ให้ดี และใช้งบประมาณอย่างประหยัดร่วมมือกับการทำงาน ส่วนการจะปรับทั้งหมดให้รอรัฐบาลหน้า

“วันนี้ที่เข้ามาคือเข้ามาแบบไม่มีต้นทุน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอากำไรกลับไป ผมเอาชีวิตเข้ามาทำงาน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. เพราะต้องการเข้ามาจัดระเบียบทุกอย่าง เห็นว่าประเทศชาติเดินหน้าไปไม่ได้แล้ว ปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะว่าสงสารลูกหลานในอนาคต แต่ถ้าผมทำอะไรไม่สำเร็จจัดระเบียบไม่ได้ เท่ากันว่าผมเป็นกบฎ วันนี้จะต้องทำให้ได้ ที่ผ่านมาการทำงานได้ดูความมั่นคง เฝ้าติดตามและให้ความร่วมมือกับทุกรัฐบาล แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็ต้องเข้ามาระงับความขัดแย้ง เราต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจนในช่วงรัฐบาลนี้เข้ามา ถ้าทุกคนมัวแต่ตั้งแง่ ก็จะเดินไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้สื่อก็ต้องปรับปรุงตัวเองซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อปฏิรูป ต้องเสนอข้อเท็จจริงและวิจารณ์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ลดการให้ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม

“เดี๋ยวผมจะแจ้งเรื่องไปให้สมาคมสื่อฯ ดูว่าหนังสือพิมพ์บางฉบับที่เขียนอยู่ทุกวัน ติติงมาทุกเรื่อง ทุกหน้ากระดาษ เป็นบ้าหรือไง ไม่ว่าใครจะเป็นก็ด่าเขาทั้งหมด เจ้าของก็จะติดคุกตายไม่ตายแหล่อยู่แล้ว ผมก็ไม่อยากจะอ่าน อ่านแล้วโมโหเสียบุคลิกผู้นำ แต่จะปล่อยก็ไม่ได้ ลามปามไปเรื่อย แล้วจะมีกฎอัยการศึกไว้ทำไม ที่มีไว้ก็เพื่อให้เกิดความสงบ ไม่เคยเอาใครมาติดคุก หรือเอาใครมายิงเป้าสักคน”

แต่ถ้ายังทำให้เกิดความขัดแย้งกันอยู่ เช่น ช่วงปีใหม่ใครมีเรื่องอาวุธสงคราม มีการทำร้าย มีคดีความ ผมบอกฝ่ายกฎหมายให้ดำเนินการทันที ใช้กฎอัยการศึกใช้กฎหมายทุกอัน เพราะในช่วงที่คนทั้งประเทศมีความสุขจะทำแบบนั้นไม่ได้ เจ้าหน้าก็ต้องระมัดระวัง เกิดในเขตใคร ถ้าจับไม่ได้ต้องโดน เชื่อว่าไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยจับไม่ได้ ตำรวจยังจับตำรวจเองได้เลย ดังนั้นปีใหม่ต้องไม่มีเหตุ ข้าราชการทุกคนต้องวช่วยกัน อย่าปัดภาระความมั่นคงมาให้ทหาร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงระบบทางเศรษฐกิจว่า เราต้องสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นจะอยู่ไม่ได้ ไม่มีอะไรกิน เพราะว่าถ้ามีความเหลื่อมล้ำ เกษตรกรก็จะเลิกปลูกข้าว ส่วนที่รัฐบาลได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับจีน เรื่องการรถไฟนั้น จะเห็นว่าผ่านมา 3 รัฐบาลแล้วก็ทำไม่ได้ แต่รัฐบาลนี้คุยมาไม่ถึงเดือนก็มีการเริ่มต้น การทำงานวันนี้จะต้องไม่มีนอกมีใน ในเมื่อการวางโครงสร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางจึงต้องเป็นผู้เริ่มวางโครงสร้างเพื่อมาเชื่อมต่อ ไม่ใช่เราไปเชื่อมต่อกับคนอื่น ส่วนการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร ก็เป็นอีกนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งมีแนวคิดที่จะผันงบประมาณ แก้ไขปัญหาเรื่องภัยแล้งซ้ำซาก แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และหนี้สินเกษตรกร สำหรับการจ่ายเงินให้เกษตรกร ซึ่งบางบัญชีไม่เดินไม่เรียบร้อย ไม่ถึงมือประชาชน ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง เข้าไปดูปัญหา ส่วนที่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจ่าย เพราะกลัวการทุจริต วันนี้ต้องจ่ายให้ทัน

“ถ้าจ่ายไม่เสร็จ ไม่ทันมีเรื่องแน่ และจะติดตามดูอย่างจริงจัง ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการทุจริต ต้องเอาออกก่อนเลย แล้วสอบทีหลัง ทำไม่ทันก็โดน ผมถามว่าวันนี้นโยบายตั้งมาทำไม ทำไม่ได้ เงินออกไม่ได้ ไม่ใช่อันนี้ก็ไม่ทัน อันนั้นก็ไม่ทัน แล้วอ้างว่าติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย ฝากให้ไปดู เรื่องพืชผลทางการเกษตรทั้งข้าว และยาง เราลงรายละเอียดทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า จากนี้ไป 3 เดือนข้างหน้าจะกำหนดจุดที่ต้องการ ทุกกระทรวงต้องทำตามให้ได้ ให้เห็นให้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลง และเมื่อทุกกระทรวงได้กำหนดสิ่งที่ต้องการไว้แล้วจะต้องทำให้ได้ อะไรที่ทำได้ ก็ให้เร่งทำ เช่นเรื่องของมาตรการทางภาษี แต่อะไรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนก็สามารถชะลอได้ รวมถึงการปรับงบประมาณลงเพื่อนำไปสร้างโครงการที่จะเกิดประโยชน์ เช่น การปรับพื้นที่สร้างชลประทาน ระบบไอซีที การศึกษาด้านกีฬา ศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งเรื่องของการแก้โครงสร้างพลังงานให้สอดคล้องกับปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่งจะเห็นว่าทุกเรื่องรัฐบาลจะต้องเป็นผู้สนับสนุน ส่วนภาคเอกชนจะต้องเป็นผู้หาตลาดร่วม และช่วยผลักดันให้ประเทศเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน ทำทุกอย่างให้ยั่งยืนส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปสามารถทำงานได้

อย่างไรก็ตาม ก่อนการจบแถลงผลงาน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวความรู้สึกถึงการเข้ามาทำรัฐประหารในวันที่ 22 พ.ค.ว่า ลูกตนเองไม่ได้ออกจากบ้านมากี่เดือนแล้วก็ไม่รู้ และในวันที่ 22 พ.ค. บ้านตนร้องไห้กันทั้งบ้าน ไม่อยากให้ตนเป็นอย่างนี้เลย ไม่ได้บอกใครทั้งสิ้น บรรดาพี่ๆ ก็บอกทีหลังทั้งนั้น แต่วันนี้ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้วันหน้ามันจะยิ่งเสียไปกว่านี้















กำลังโหลดความคิดเห็น