ตร.พหลโยธิน ขอหมายจับเพิ่ม"พงศ์พัฒน์"กับพวกรวม 5คน คดีพนันบอลออนไลน์ ช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติหมายจับ 5 ทหาร สังกัดมทบ. 41 หลังถูกจับพร้อมชายฉกรรจ์ อุ้ม 2 สามีภรรยาชาวยูเครนเคลียร์หนี้ 15 ล้านบาท "ถาวร" จี้้"บิ๊กตู่" พิสูจน์ความจริงใจปราบปรามทุจริตจัดการ "ทหาร-ตำรวจ" เอี่ยวนักฟอกเงินต่างชาติ ชี้ทำภาพลักษณ์เสื่อม
วานนี้ (21 ธ.ค.) มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน โดย พันตำรวจโท สมนึก สันติภาตะนันฐ์ พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน เดินทางไปขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รองผบช.ก. พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล อดีต ผกก1.บก.ปอศ. พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี อดีต รอง ผกก.6.ป.และนายวิฑูรย์ ตระการพฤกษ์ รวม5คน ในข้อหา ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ,ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต (คดีพนันฟุตบอลออนไลน์) กรณีมีหลักฐาน สมควรให้นำตัวพลตำรวจโท พงพัฒน์ และพวกรวม5คน ไปส่งที่ สน.พหลโยธิน ภายในอายุความ 20ปี นับตั้งแต่วันที่1 มกราคม2558 เป็นต้นไป
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการแทน ผบช.ก กล่าวว่า การออกหมายจับในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการออกหมายจับในคดีการทายผลพนันฟุตบอลออนไลน์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์และพล.ต.ต.โกวิทย์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนสอบสวนไปในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบไม่ตำกว่า 100ล้านบาท และเชื่อว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพล.ต.ต.โกวิทย์ มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกรวม5คน มาดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
***หมายจับ5ทหารอุ้มทวงหนี้ชาวยูเครน
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (21 ธ.ค.) ร.ต.อ.ปฏิวัติ ขวัญเมือง พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นำตัวนางมารีน่า เรียมาดควา อายุ 32 ปี และนายอิกอร์ เออมาคูฟ อายุ 37 ปี สัญชาติยูเครน สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กรณีนางมารีนาเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ฉลอง ให้ช่วยเหลือหลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์และทหาร เชิญตัวไปตกลงเรื่องหนี้สินที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้วางแผนจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ 10 คน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ไปชี้จุดที่มีการเชิญตัวนายนายอีกอร์ เออมาคูฟ ขณะไปพักผ่อนที่บริเวณหาดมิตรภาพ ต.ราไวย์ อ.เมือง
โดยพนักงานสอบสวนได้นำผู้เสียหายเดินทางไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวรวม 4 คนเท่านั้น ประกอบด้วยพนักงานสอบสวน ผู้เสียหาย และล่ามแปลภาษา หลังจากชี้จุดเกิดเหตุบริเวณชายหาดมิตรภาพ ได้นำตัวผู้เสียหายกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.ฉลอง โดยผู้เสียหายไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ
ข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้ขอนุมัติต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง 5 ที่ก่อนหน้านี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหา ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. จำนวน 5 หมาย ประกอบด้วย หมายจับ ที่ จ.968 / 2557 ผู้ถูกกว่าวหา คือ จ.ส.ต.สุมิตร ช่วยบำรุง หมายจับที่ จ.969/2557 ผู้ต้องหา คือ ส.อ.คเชนพงษ์ บุญมี หมายจับที่ จ.970 /2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ ส.อ.วิเชียร สุขนุ่น หมายจับที่ จ.971/2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ พลทหารฤทธิชัย พรหมทองแก้ว และหมายจับที่ จ. 972/2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ พลทหารพิสิฎฐ์ แก้ววิหค
ทั้งหมดถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน คือ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องการทำการนั้น ไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธหรือร่วมกันทำความผิดนั้นตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
หรือร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้คนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ตำรวจสภ.ฉลอง รับแจ้งจากนางมารีน่าว่าถูกผู้หญิงไทยและชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือ บังคับนำตัวจากบ้านพักในต.ฉลอง พาไปพบนายอิกอร์ ซึ่งถูกนำตัวมาจากชายหาดมิตรภาพ ที่บ้านแห่งหนึ่ง เหตุเกิดวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นได้แจ้งว่านายอิกอร์ยืมเงิน 500,000 ดอลลาร์จากชาวยูเครนด้วยกัน และให้นางมารีน่านำเงินมาคืน ซึ่งนางมารีน่าได้ตกลง และนัดส่งมอบเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้าแยกฉลอง จึงได้รับการปล่อยตัว จากนั้นตัดสินใจแจ้งให้สถานทูตทราบ และเข้าแจ้งความในวันต่อมา
หลังจากรับแจ้งตำรวจสภ.ฉลอง ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต วางแผนจับกุมกลุ่ม โดยให้นางมารีน่าแจ้งกลับไปว่า จะเบิกเงินสดให้วันที่ 19 ธ.ค. แต่ะต้องนำตัวนายอิกอร์มาพบที่ธนาคารด้วย เนื่องจากเป็นเจ้าของบัญชี เมื่อเป็นไปตามที่นัดหมาย ตำรวจจึงจู่โจมจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ 10 คน ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่สภ.ฉลอง ปรากฏว่ามีทหารรวมอยู่ด้วย 5 นาย สังกัดมลฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกล่าวหาพลเรือน 5 คน ฐานความผิดเดียวกับที่ศาลอนุมัติหมายจับทหารทั้ง 5 นาย
ต่อมา วันที่ 20 ธ.ค. พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผบ.มทบ.ที่ 41 แถลงที่ห้องประชุมศาลากกลางจังหวัดภูเก็ต ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะทหารได้รับการแจ้งว่ามีชาวต่างชาติลักษณะคล้ายอาชญากรข้ามชาติเข้ามาหลบซ่อนอยู่ในจ.ภูเก็ต จึงขอให้ทหารเข้าไปตรวจสอบ โดยผู้แจ้งเป็นชาวยูเครนกลัวว่าบุคคลดังกล่าวจะหลบหนี จึงขอความอนุเคราะห์จากทหารเป็นกรณีพิเศษ และตัวแทนผู้ร้องซึ่งเป็นผู้เสียหายนำทหารไปพบกับผู้ที่เขากล่าวหา ซึ่งเป็นชาวยูเครนด้วยกัน ทหารจึงเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาตกลงกัน ซึ่งพอทราบได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาโกงเงินของผู้ร้องคิดเป็นเงินไทยประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งยินดีชดใช้ โดยวันที่ 19 ธ.ค.มีการจ่ายเงินกัน ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าจบแล้ว แต่ทหารยังมีภารกิจที่ต้องติดตามผู้ถูกกล่าวหา เพราะกระทำความผิดแล้วหลบหนีเข้ามา โดยหลังจากตกลงจ่ายเงินกันได้ประสานให้ทหารเป็นคนกลาง ซึ่งทหารก็ตกลงโดยไม่ทราบว่าภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาไปแจ้งความ เมื่อตำรวจเข้าจับกุมจึงคิดว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่ากัน ตำรวจก็ว่าไปตามกฎหมาย.
***"ถาวร" จี้้"บิ๊กตู่" พิสูจน์จริงใจปราบโกง
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และอายัดทรัพย์สิน ร่วมกับนักฟอกเงินชาวยูเครนว่า วันนี้สิ่งที่ประชาชนรับทราบมีเพียงข้อมูลจากสื่อต่างๆ ประชาชนยังไม่มั่นใจว่า เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หรือ ตำรวจ ที่เป็นผู้เรียกรับผลประโยชน์ในการกระทำอันทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า มีการวางแผนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ผู้กระทำความผิด ไปเบิกเงินที่ธนาคารและให้คนร้ายที่เรียกรับเงินจากชาวยูเครนไปรอรับเงินที่ธนาคาร พร้อมกันนั้นตำรวจซ้อนแผนโดยนำผู้สื่อข่าวไปด้วย และเข้าจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ในขณะที่มีการส่งมอบเงิน แต่ขณะที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งทหาร และตำรวจ กล่าวคือกองทัพภาค 4 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พยายามที่จะปิดบังข่าว เพื่อไม่ใช้เกิดความเสียหายกับส่วนราชการทั้ง 2 ส่วนนี้
นายถาวรกล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันว่ามีการขู่กรรโชก เรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งประชาชนกำลังจับตามอง จะเป็นเจ้าหน้าทหารหรือตำรวจนั้น ตนมองว่าวันนี้เป็นหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และคณะคสช. ที่มีทั้งทหารและตำรวจ เพราะประกาศชัดเจนในการรัฐประหารยึดอำนาจว่า ต้องการกวาดล้างการทุจริต ขณะนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นทหาร และตำรวจ ถูกจับตามองว่า กระทำความผิด ใช้อำนาจทุจริต เรียกรับผลประโยนช์ในการปฏิบัติหน้าที่
"การที่ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายกำลังรักษาภาพลักษณ์ของหน่วยงานไว้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในคณะคสช. ช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาและปิดบัง เพราะห่วงภาพลักษณ์นั้นผมขอแจ้งให้ทราบว่าภาพลักษณ์ของทั้งสองหน่วยงานวันนี้ ก็เสียหายอยู่แล้ว ประชาชนในพื้นที่ทราบข้อเท็จจริงดี ดังนั้นก่อนที่ผมจะนำเสนอรายละเอียดของเรื่องนี้ ขอฝากไปยัง พล.ต.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 และ พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ หัวหน้าคสช. ต้องแสดงความจริงใจ ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส นำคนกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหารมาลงโทษให้ได้ และแถลงข่าวให้ประชาชนรับทราบถึงขั้นตอนการดำเนินคดีนี้อย่างชัดเจนและโปร่งใส" นายถาวรกล่าว.
วานนี้ (21 ธ.ค.) มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน โดย พันตำรวจโท สมนึก สันติภาตะนันฐ์ พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน เดินทางไปขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รองผบช.ก. พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล อดีต ผกก1.บก.ปอศ. พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี อดีต รอง ผกก.6.ป.และนายวิฑูรย์ ตระการพฤกษ์ รวม5คน ในข้อหา ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ,ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต (คดีพนันฟุตบอลออนไลน์) กรณีมีหลักฐาน สมควรให้นำตัวพลตำรวจโท พงพัฒน์ และพวกรวม5คน ไปส่งที่ สน.พหลโยธิน ภายในอายุความ 20ปี นับตั้งแต่วันที่1 มกราคม2558 เป็นต้นไป
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการแทน ผบช.ก กล่าวว่า การออกหมายจับในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการออกหมายจับในคดีการทายผลพนันฟุตบอลออนไลน์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์และพล.ต.ต.โกวิทย์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนสอบสวนไปในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบไม่ตำกว่า 100ล้านบาท และเชื่อว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพล.ต.ต.โกวิทย์ มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกรวม5คน มาดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
***หมายจับ5ทหารอุ้มทวงหนี้ชาวยูเครน
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (21 ธ.ค.) ร.ต.อ.ปฏิวัติ ขวัญเมือง พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นำตัวนางมารีน่า เรียมาดควา อายุ 32 ปี และนายอิกอร์ เออมาคูฟ อายุ 37 ปี สัญชาติยูเครน สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กรณีนางมารีนาเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ฉลอง ให้ช่วยเหลือหลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์และทหาร เชิญตัวไปตกลงเรื่องหนี้สินที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้วางแผนจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ 10 คน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ไปชี้จุดที่มีการเชิญตัวนายนายอีกอร์ เออมาคูฟ ขณะไปพักผ่อนที่บริเวณหาดมิตรภาพ ต.ราไวย์ อ.เมือง
โดยพนักงานสอบสวนได้นำผู้เสียหายเดินทางไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวรวม 4 คนเท่านั้น ประกอบด้วยพนักงานสอบสวน ผู้เสียหาย และล่ามแปลภาษา หลังจากชี้จุดเกิดเหตุบริเวณชายหาดมิตรภาพ ได้นำตัวผู้เสียหายกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.ฉลอง โดยผู้เสียหายไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ
ข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้ขอนุมัติต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง 5 ที่ก่อนหน้านี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหา ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. จำนวน 5 หมาย ประกอบด้วย หมายจับ ที่ จ.968 / 2557 ผู้ถูกกว่าวหา คือ จ.ส.ต.สุมิตร ช่วยบำรุง หมายจับที่ จ.969/2557 ผู้ต้องหา คือ ส.อ.คเชนพงษ์ บุญมี หมายจับที่ จ.970 /2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ ส.อ.วิเชียร สุขนุ่น หมายจับที่ จ.971/2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ พลทหารฤทธิชัย พรหมทองแก้ว และหมายจับที่ จ. 972/2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ พลทหารพิสิฎฐ์ แก้ววิหค
ทั้งหมดถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน คือ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องการทำการนั้น ไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธหรือร่วมกันทำความผิดนั้นตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
หรือร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้คนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ตำรวจสภ.ฉลอง รับแจ้งจากนางมารีน่าว่าถูกผู้หญิงไทยและชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือ บังคับนำตัวจากบ้านพักในต.ฉลอง พาไปพบนายอิกอร์ ซึ่งถูกนำตัวมาจากชายหาดมิตรภาพ ที่บ้านแห่งหนึ่ง เหตุเกิดวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นได้แจ้งว่านายอิกอร์ยืมเงิน 500,000 ดอลลาร์จากชาวยูเครนด้วยกัน และให้นางมารีน่านำเงินมาคืน ซึ่งนางมารีน่าได้ตกลง และนัดส่งมอบเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้าแยกฉลอง จึงได้รับการปล่อยตัว จากนั้นตัดสินใจแจ้งให้สถานทูตทราบ และเข้าแจ้งความในวันต่อมา
หลังจากรับแจ้งตำรวจสภ.ฉลอง ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต วางแผนจับกุมกลุ่ม โดยให้นางมารีน่าแจ้งกลับไปว่า จะเบิกเงินสดให้วันที่ 19 ธ.ค. แต่ะต้องนำตัวนายอิกอร์มาพบที่ธนาคารด้วย เนื่องจากเป็นเจ้าของบัญชี เมื่อเป็นไปตามที่นัดหมาย ตำรวจจึงจู่โจมจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ 10 คน ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่สภ.ฉลอง ปรากฏว่ามีทหารรวมอยู่ด้วย 5 นาย สังกัดมลฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกล่าวหาพลเรือน 5 คน ฐานความผิดเดียวกับที่ศาลอนุมัติหมายจับทหารทั้ง 5 นาย
ต่อมา วันที่ 20 ธ.ค. พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผบ.มทบ.ที่ 41 แถลงที่ห้องประชุมศาลากกลางจังหวัดภูเก็ต ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะทหารได้รับการแจ้งว่ามีชาวต่างชาติลักษณะคล้ายอาชญากรข้ามชาติเข้ามาหลบซ่อนอยู่ในจ.ภูเก็ต จึงขอให้ทหารเข้าไปตรวจสอบ โดยผู้แจ้งเป็นชาวยูเครนกลัวว่าบุคคลดังกล่าวจะหลบหนี จึงขอความอนุเคราะห์จากทหารเป็นกรณีพิเศษ และตัวแทนผู้ร้องซึ่งเป็นผู้เสียหายนำทหารไปพบกับผู้ที่เขากล่าวหา ซึ่งเป็นชาวยูเครนด้วยกัน ทหารจึงเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาตกลงกัน ซึ่งพอทราบได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาโกงเงินของผู้ร้องคิดเป็นเงินไทยประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งยินดีชดใช้ โดยวันที่ 19 ธ.ค.มีการจ่ายเงินกัน ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าจบแล้ว แต่ทหารยังมีภารกิจที่ต้องติดตามผู้ถูกกล่าวหา เพราะกระทำความผิดแล้วหลบหนีเข้ามา โดยหลังจากตกลงจ่ายเงินกันได้ประสานให้ทหารเป็นคนกลาง ซึ่งทหารก็ตกลงโดยไม่ทราบว่าภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาไปแจ้งความ เมื่อตำรวจเข้าจับกุมจึงคิดว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่ากัน ตำรวจก็ว่าไปตามกฎหมาย.
***"ถาวร" จี้้"บิ๊กตู่" พิสูจน์จริงใจปราบโกง
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และอายัดทรัพย์สิน ร่วมกับนักฟอกเงินชาวยูเครนว่า วันนี้สิ่งที่ประชาชนรับทราบมีเพียงข้อมูลจากสื่อต่างๆ ประชาชนยังไม่มั่นใจว่า เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หรือ ตำรวจ ที่เป็นผู้เรียกรับผลประโยชน์ในการกระทำอันทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า มีการวางแผนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ผู้กระทำความผิด ไปเบิกเงินที่ธนาคารและให้คนร้ายที่เรียกรับเงินจากชาวยูเครนไปรอรับเงินที่ธนาคาร พร้อมกันนั้นตำรวจซ้อนแผนโดยนำผู้สื่อข่าวไปด้วย และเข้าจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ในขณะที่มีการส่งมอบเงิน แต่ขณะที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งทหาร และตำรวจ กล่าวคือกองทัพภาค 4 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พยายามที่จะปิดบังข่าว เพื่อไม่ใช้เกิดความเสียหายกับส่วนราชการทั้ง 2 ส่วนนี้
นายถาวรกล่าวต่อว่า ตนขอยืนยันว่ามีการขู่กรรโชก เรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งประชาชนกำลังจับตามอง จะเป็นเจ้าหน้าทหารหรือตำรวจนั้น ตนมองว่าวันนี้เป็นหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และคณะคสช. ที่มีทั้งทหารและตำรวจ เพราะประกาศชัดเจนในการรัฐประหารยึดอำนาจว่า ต้องการกวาดล้างการทุจริต ขณะนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นทหาร และตำรวจ ถูกจับตามองว่า กระทำความผิด ใช้อำนาจทุจริต เรียกรับผลประโยนช์ในการปฏิบัติหน้าที่
"การที่ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายกำลังรักษาภาพลักษณ์ของหน่วยงานไว้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในคณะคสช. ช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาและปิดบัง เพราะห่วงภาพลักษณ์นั้นผมขอแจ้งให้ทราบว่าภาพลักษณ์ของทั้งสองหน่วยงานวันนี้ ก็เสียหายอยู่แล้ว ประชาชนในพื้นที่ทราบข้อเท็จจริงดี ดังนั้นก่อนที่ผมจะนำเสนอรายละเอียดของเรื่องนี้ ขอฝากไปยัง พล.ต.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 และ พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ หัวหน้าคสช. ต้องแสดงความจริงใจ ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส นำคนกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหารมาลงโทษให้ได้ และแถลงข่าวให้ประชาชนรับทราบถึงขั้นตอนการดำเนินคดีนี้อย่างชัดเจนและโปร่งใส" นายถาวรกล่าว.