ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจ สภ.ฉลองนำ 2 สามีภรรยาชาวยูเครน ชี้จุดเกิดเหตุถูกเชิญตัว ขณะที่ศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติออกหมายจับ 5 ทหารแล้ว
เมื่อเวลา 10 .30 น. วันนี้ ร.ต.อ.ปฏิวัติ ยอดขวัญ พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง นำตัวนางมารีน่า เรียมาดควา อายุ 32 ปี สัญชาติยูเครน และนายอิกอร์ เออมาคูฟ อายุ 37 ปี สัญชาติยูเครน 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กรณีนางมารีนา เข้าแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ให้ช่วยเหลือ หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์และทหารเชิญตัว ไปตกลงเรื่องหนี้สินที่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากมีการแจ้งความดำเนินคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ก็ได้วางแผนดำเนินการจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ตามที่มีการแจ้งความ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 10 คน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไปชี้จุดที่มีการเชิญตัวนายนายอีกอร์ เออมาคูฟ ซึ่งเดินทางไปพักผ่อนที่บริเวณหาดมิตรภาพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
การเดินทางไปชี้จุดที่เกิดเหตุในครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้เสียหาย ออกเดินทางไปด้วยรถเก๋งส่วนตัวไปยังจุดที่เกิดเหตุเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวน ผู้เสียหาย และล่ามแปลภาษา หลังจากชี้จุดที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณชายหาดมิตรภาพ ซึ่งเป็นชายหาดที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปพักผ่อนจำนวนมาก หลังจากชี้จุดที่เกิดเหตุเสร็จทางพนักงานสอบสวนก็ได้นำตัวผู้เสียหายเดินทางกลับมาที่สถานีตำรวจ สภ.ฉลองเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยทางผู้เสียหายไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวได้ยื่นต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 ราย ที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าว โดยศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติออกหมายจับเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่ามา จำนวน 5 หมาย ประกอบด้วย หมายจับ ที่ จ.968 / 2557 ผู้ถูกกว่าวหา คือ จ่าสิบตรี สุมิตร ช่วยบำรุง ,หมายจับที่จ.969/2557 ผู้ต้องหาคือ สิบเอกคเชนพงษ์ บุญมี ,หมายจับ เลขที่ 970 /2557 ผู้ถูกกล่าวหาคือ สิบเอกวิเชียร สุกนุ่น, หมายจับ ที่ จ.971/2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ พลทหารฤทธิชัย พรหมทองแก้ว และหมายจับที่ จ. 972/2557 ผู้ที่ถูกกล่าวหาคือ พลทหารพิสิฎฐ์ แก้ววิหค
โดยตั้งหมดถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน คือ “ ต้องหาว่ากระทำความผิด ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องการทำการนั้น ไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธหรือร่วมกันทำความผิดนั้นตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้คนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
เมื่อเวลา 10 .30 น. วันนี้ ร.ต.อ.ปฏิวัติ ยอดขวัญ พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง นำตัวนางมารีน่า เรียมาดควา อายุ 32 ปี สัญชาติยูเครน และนายอิกอร์ เออมาคูฟ อายุ 37 ปี สัญชาติยูเครน 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กรณีนางมารีนา เข้าแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ให้ช่วยเหลือ หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์และทหารเชิญตัว ไปตกลงเรื่องหนี้สินที่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากมีการแจ้งความดำเนินคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ก็ได้วางแผนดำเนินการจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ตามที่มีการแจ้งความ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 10 คน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไปชี้จุดที่มีการเชิญตัวนายนายอีกอร์ เออมาคูฟ ซึ่งเดินทางไปพักผ่อนที่บริเวณหาดมิตรภาพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
การเดินทางไปชี้จุดที่เกิดเหตุในครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้เสียหาย ออกเดินทางไปด้วยรถเก๋งส่วนตัวไปยังจุดที่เกิดเหตุเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวน ผู้เสียหาย และล่ามแปลภาษา หลังจากชี้จุดที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณชายหาดมิตรภาพ ซึ่งเป็นชายหาดที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปพักผ่อนจำนวนมาก หลังจากชี้จุดที่เกิดเหตุเสร็จทางพนักงานสอบสวนก็ได้นำตัวผู้เสียหายเดินทางกลับมาที่สถานีตำรวจ สภ.ฉลองเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยทางผู้เสียหายไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวได้ยื่นต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 ราย ที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าว โดยศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติออกหมายจับเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่ามา จำนวน 5 หมาย ประกอบด้วย หมายจับ ที่ จ.968 / 2557 ผู้ถูกกว่าวหา คือ จ่าสิบตรี สุมิตร ช่วยบำรุง ,หมายจับที่จ.969/2557 ผู้ต้องหาคือ สิบเอกคเชนพงษ์ บุญมี ,หมายจับ เลขที่ 970 /2557 ผู้ถูกกล่าวหาคือ สิบเอกวิเชียร สุกนุ่น, หมายจับ ที่ จ.971/2557 ผู้ถูกกล่าวหา คือ พลทหารฤทธิชัย พรหมทองแก้ว และหมายจับที่ จ. 972/2557 ผู้ที่ถูกกล่าวหาคือ พลทหารพิสิฎฐ์ แก้ววิหค
โดยตั้งหมดถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน คือ “ ต้องหาว่ากระทำความผิด ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องการทำการนั้น ไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธหรือร่วมกันทำความผิดนั้นตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้คนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ