ตร.ภูเก็ตรวบยกแก๊งอุ้มชาวต่างชาติทวงหนี้

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.สภ.ฉลอง ร่วม ตร.ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต วางแผนจับกุมแก๊งอุ้มชาวยูเครนทวงหนี้ หลังเหยื่อสาวซึ่งถูกปล่อยตัวมาเบิกเงินที่ธนาคาร เข้าแจ้งความขอความช่วยเหลือจาก ตร. ในพื้นที่ รวบได้ 10 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรฉลอง ได้รับแจ้งจาก นางมาร์มา เรียมาดควา อายุ 32 ปี สัญชาติยูเครน ว่า ถูกผู้หญิงไทย และกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง พร้อมถืออาวุธปืนครบมือบังคับนำตัวออกจากบ้านพักในพื้นที่ฉลอง และพาไปพบกับสามี คือ นายอีกอร์ เออมาคูฟ อายุ 37 ปี ที่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกนำตัวมาจากชายหาดมิตรภาพ ต.ราไวย์ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นได้แจ้งว่า นายอีกอร์ ยืมเงิน จำนวน 500,000 ดอลลาร์ จากชาวยูเครนด้วยกัน และให้นางมาร์มา นำเงินมาคืนซึ่งผู้เสียหายก็ได้ตกลง และนัดส่งมอบเงิน จำนวน 200,000 ดอลลาร์ กันที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้าแยกฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้รับการปล่อยตัว หลังได้รับการปล่อยตัวนางมาร์มา ก็ตัดสินใจแจ้งให้สถานทูตทราบ และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 19 ธ.ค.เพื่อให้ช่วยเหลือ

หลังจากรับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต วางแผนเข้าจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด โดยนางมาร์มา แจ้งกลับไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ ว่า จะเบิกเงินสดให้ในวันที่ 19 ธ.ค. จำนวน 200,000 ดอลลาร์ โดยส่งมอบกันที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้าแยกฉลอง ห่างจาก สภ.ฉลองราว 300 เมตร แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำตัว นายอีกอร์ มาพบกันที่ธนาคารด้วย เนื่องจาก นายอีกอร์ เป็นเจ้าของบัญชี

เมื่อถึงเวลานัดหมาย กลุ่มชายฉกรรจ์นำนายอีกอร์ มายังบริเวณธนาคารสาขาดังกล่าว และเดินเข้าไปเบิกเงินที่ธนาคาร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ นำโดย พ.ต.อ.พินิจ สิริชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เฝ้าสังเกตการณ์ เมื่อเห็นผู้เสียหายเข้ามาในธนาคารพร้อมกลุ่มชายฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จู่โจมเข้าจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่อยู่ภายในธนาคาร และบริเวณรอบนอก โดยสามารถจับกุมได้ จำนวน 10 คน พร้อมกับช่วยเหลือนายอีกอร์ไว้ได้อย่างปลอดภัย

จากนั้นได้ควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.ฉลอง ซึ่งประกอบด้วย นายประวัตร์ เอียดยาว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/2 ม.8 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง น.ส.อรนุช ติยพงศ์พัฒนา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1ม.9 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเขมติชัย ปันเสาร์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ม.7 ต.นาทะลุง อ.นาหมื่น จ.น่าน นายบันดาล อินมัง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 ม.4 ต.เฉวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี นายสมพร ชัยสิทธิ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ม.9 ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จ.ส.ต.สุมิตร ช่วยบำรุง อายุ 49 ปี สังกัดร้อย รส.มทบ.41 ที่อยู่ 49 ม.4 ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ส.อ.คเชนพงศ์ บุญมี อายุ 43 ปี สังกัดร้อย รส.มทบ.41 ที่อยู่ 38 ม.1 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ส.อ.วิเชียร สุกนุ่น สังกัดร้อย รส.มทบ.41 ที่อยู่ 44 ม.1 ต.ควนชุม อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช พลทหารพิสิฎฐ์ แก้ววิหค อายุ 26 ปี สังกัดร้อย มทบ.41 ที่อยู่ 238 ม.1 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

หลังจากสอบสวนในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกล่าวหาว่าร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องการทำการนั้น ไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธหรือร่วมกันทำความผิดนั้นตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ยอม หรือยอมจะให้ตกหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง