ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ใกล้ปีใหม่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาเร่งเร้าพรรคพวก โดยเฉพาะครม. ข้าราชการ ให้ช่วยกันตีปี๊บสร้างผลงานแบบมีรูปธรรม เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน นัดส่งการบ้านตรวจงานกลางเดือนธ.ค. ก่อนแถลงข่าว เป็นล่ำเป็นสัน ลบข้อครหา 6 เดือน ยึดอำนาจเสียของ !!!
ร้อนถึงกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ต้องรีบกุลีกุจอ ปั่นงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ประเภทสุกเอาเผารับประทานมากันตรึม ก็ไม่รู้ว่าตอนแถลงข่าว ประชาชนจะฟังด้วยความเคลิบเคลิ้มหรือฟังไปสำลักไป เพราะสำรวจตรวจสอบกันจริงๆ แล้ว มีไม่กี่อย่างที่พอจับต้องได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทเรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง และก็ทำเรื่องเก่าๆ ของรัฐบาลเดิมๆ ที่เคยทำกันมาแล้ว
ประเภทดีเด่นดัง ติดตาตรึงใจประชาชนยังหาไม่เจอ ไม่ค่อยจะสมกับที่ปวารณาว่า จะมาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้เฉิดฉายศิวิไลซ์เยี่ยงประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งๆ ที่มีอำนาจเต็มมือ สามารถชี้นิ้วพลิกโฉมได้หลายต่อหลายเรื่อง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่กล้าแหวกม่านประเพณีใดๆ ดังที่ประชาชนคาดหวังเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบหักดิบ
ถ้ารัฐบาลทหารทำไม่ได้ แล้วรัฐบาลหน้าไหนจะทำได้ ยิ่งมาจากการเลือกตั้ง ยิ่งยากไปใหญ่ ไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่าแน่นอน เพราะเรื่องฐานเสียง ผลประโยชน์กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เต็มพรืดไปหมด
ว่ากันด้วยเรื่องงาน ขอบอกว่าสอบไม่ผ่าน การบริหารประเทศยังไม่รุดหน้า มีแต่ทรงๆ ทรุดๆ จะผ่านก็เฉพาะเพียงแค่การประเมินของสำนักโพลต่างๆ ที่ออกมาเชลียร์กันทุกสัปดาห์ ไม่ได้อายใครเลยจริงๆ ถ้าไม่ถูกจ้างมา ก็ควรประเมินตัวเองกันเสียใหม่ หรือเลิกทำไปเลยดีกว่า ชาวบ้านเขารำคาญ
กระนั้นก็ตาม เหนืออื่นใด เรื่องสำคัญที่สุดนอกจากแก้ปัญหาความขัดแย้งแตกแยก ที่ดูเหมือนว่าถูกกดทับไว้อยู่แล้ว เรื่องการปฏิรูปประเทศสร้างกติกาใหม่ หรือการเขียนรัฐธรรมนูญ นั่นเอง
วันนี้ความเห็นออกมาหลากหลายมากมาย และยังมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดานักคิด นักกฎหมาย นักวิชาการ มีเวทีให้เล่นกันเต็มตัว เลยออกมาแสดงความเห็นกันนัวเนีย ฟุ้งกระจาย จับต้นชนปลายไม่ถูก สงสารก็แต่คนเขียนจะจับความคิดความเห็นตรงไหน จะเริ่มต้นกันอย่างไรชักไม่แน่ใจเสียแล้ว
คสช. เอง พล.อ.ประยุทธ์เอง ก็เหมือนว่าจะปล่อยให้โซโล่ พล่ามเจื้อยแจ้วกันไปเต็มที่ ไม่มีหูรูด พอเลยเถิดไปไกลที ก็เบรกไว้ที ตบๆ เข้ามาในเส้นทาง แต่ก็ยังฟุ้งฝอยเหมือนเดิม นั่นก็เพราะมีความเห็นที่มากเกินไป กรรมการเยอะชุด อนุกรรมาธิการเยอะแยะ แต่ละคนที่มีตำแหน่ง ล้วนมีชื่อ มีเกียรติ จะไปหักดิบไม่ฟังเสียงก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็น้อยใจกลับบ้านไปเลี้ยงหลานหมด ฉะนั้นกว่าจะควบรวม กรองความเห็น ก็นานโข
ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเร่งด่วน แต่ต้วมเตี้ยมอุ้ยอ้ายเหลือเกิน ถึงชั่วโมงนี้อย่างน้อยๆ มันต้องมีช็อตไฮไลต์ ให้ประชาชนฮือฮาไปบ้างแล้ว 3-4 เรื่อง แต่เปล่าเลย ถึงตอนนี้ก็ยังตาบอดคลำช้าง และก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะคลำได้ทั่วตัว เจอจุดโฟกัส ทำช้างคึกเสียที !!!
หลายความคิดเห็นจากนักวิชาการ ขุนนางอำมาตย์ ยังสลัดไม่หลุดมโนภาพของทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ที่ยังตามหลอกหลอนอยู่ตลอด ยังคงเอาอดีตที่ ทักษิณ เคยเป็นผู้บริหารทั้งรัฐบาล รัฐสภา เอาไว้อย่างไร แล้วพยายามจะแก้ลำตรงนั้น เผด็จการเสียงข้างมาก รัฐบาลอำนาจล้น ยังขาดมิติของความเป็นจริงไปอยู่เยอะ ไม่ค่อยได้ลองคิดถึงมิติว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นใหญ่บ้าง พรรคภูมิใจไทยบ้าง ความเห็นที่ออกมาจึงเป็นแบบเดิมๆ
ทำให้ฝ่ายพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายออกมานินทาดูถูกกันสนุกปาก เขียนกติกาแบบเฝ้าระแวง กลัวอำนาจกลับไปสู่มือพวกข้า พวกกู โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้าม กลุ่ม 40 ส.ว. คิดกันแบบนี้ทั้งนั้น มันเลยประหัตประหารกันไม่เลิก
จริงอยู่ว่า ควรเขียนทำนองฆ่าฟัน พวกรัฐบาลขี้ฉ้อ เครือข่ายตระกูลชิน แต่ก็ไม่ควรเน้นหนัก ต้องยึดหลักอนาคต วางหลายๆ โมเดล มีแบบผ่อนสั้น ผ่อนยาว ไม่ใช่จะฆ่าใครทีเดียวให้ตายมันจงใจเกินไป และใช่ว่าจะสำเร็จ อีกฝ่ายพร้อมจุดไฟ ปลุกมวลชนออกมาเผาบ้านล้างเมืองกันอีกรอบ
อย่างว่า บางทีบางครั้งฝ่ายที่ต่อสู้กับเครือข่ายทักษิณอ่อนเอง กระจอกเกินไป ยิ่งสู้ยิ่งแพ้ ยิ่งแพ้ยิ่งขาด ไม่ได้ตีติ้นขึ้นมา แต่ยังทะนงตัว ยโส ทำให้หลายฝ่ายอ่อนอกอ่อนใจ ช่วยแล้วช่วยอีกก็ยังไม่ไหว ยกประเทศนี้ให้เขาไปดีกว่าไหม !!!
แพ้ไม่เป็น รอคอยไม่ได้ บางครั้งบางที ก็อาจเป็นฝ่ายจุดชนวนขัดแย้งขึ้นมาเองได้เช่นเดียวกัน วันนี้มีโมเดลความเห็นออกมาในทำนองว่าจะเปิดโอกาสพรรคการเมืองเล็กๆ ให้เข้ามาสู่สภามากขึ้น ตัดต่อพันธุกรรม ไม่ให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่เติบโตเกินไป ขังเอาไว้ระดับหนึ่ง ก็เป็นความคิดที่ดูเข้าที เผื่อจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้าง
ให้โอกาสพรรคเล็ก พรรคขนาดกลางเข้ามาทำงานบ้าง แต่หลายครั้งที่เข้ามาแล้ว ใช้ไม่ได้ คนนินทาหมาดูถูก ว่าไม่ได้มีบทบาทเด่นช่วยเหลือแก้ไขประเทศชาติ เป็นประเภทกาฝากมาเกาะพรรคใหญ่ มาเกาะเกี่ยวผลประโยชน์ เป็นแบบนี้เรื่อยมา แล้วจะแก้ไขอย่างไร ฝากกรรมาธิการยกร่างไปตรองดู แล้วหาทางยกระดับให้มันดีกว่านี้ได้หรือไม่
พรรคเล็กพรรคน้อยไม่มีคุณภาพ ประชาชนเขาก็มองเห็น มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะไม่เลือก นอกจากเอาปืนไปจี้หัวให้เลือกเข้ามา ถึงได้บอกว่าสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือเรื่อง คุณภาพของคู่แข่งที่จะเข้ามาต่อกรด้วย
เหลียวซ้ายแลขวา ยามนี้ใครจะสู้พรรคเพื่อไทยได้ ถามจริงๆ หลายคนหลายฝ่ายรู้กันอยู่เต็มอก เหลือบไปมองประชาธิปัตย์ ก็แตกแยก ระส่ำระสาย คิดว่าตัวเองเป็นพรรคเทพ เทวดา หัวหน้าพรรคติดภาพแอกอาร์ต จบเมืองนอก เข้าไม่ถึงชาวบ้าน แกนนำก็รู้ สู้ไปก็แพ้ แยกตัวไปตั้งม็อบให้รู้เรื่อง วันนี้จะกลับมาสู้กันในสภา ก็ยังห่างไกล เลือกตั้งรอบหน้าเตรียมใจรับความพ่ายแพ้ได้
แนวทางเลือกใหม่ๆ ก็ยังไม่มีให้เห็น พรรคทหารที่มีข่าวจะตั้ง รวบรวมก๊วนนั้น ก๊วนนี้ ดูดมาจากพรรคเพื่อไทย ก็ยังเป็นเพียงข่าวโคมลอย ทหารยังใจไม่ถึง ไม่ได้แน่ในสนามการเมือง หวั่นว่าจะซ้ำรอย "สนธิ บัง "
แล้วจะทำกันยังไงช่วยบอกที !!! ก็ไม่รู้เหมือนกันเฟ้ย !!!
วันนี้คนเขียนกติกา ก็ขอให้ยึดบ้านเมืองเป็นหลักไว้ อย่าให้เกิดความแตกแยกรอบใหม่ขึ้นมาเป็นสำคัญ แล้วก็พัฒนานักการเมืองใหม่ๆ มาล้างการเมืองเก่าๆ กำหนดขนาดพรรคไม่ให้ใหญ่โต บ้าอำนาจมากเกินไป ถ้าเขียนกันได้ส่วนหนึ่งเหมาะสมแบบนี้ แล้วยังเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ ก็ต้องไปโทษสันดานคนแล้วล่ะ อย่ามาโทษรัฐธรรมนูญ !!!