ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นข่าวครึกโครมที่เบียดพื้นที่ข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์แทรกไปกับข่าวคดีนายตำรวจใหญ่อ้างเบื้องสูงแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
“OHO บายปูนิ่ม” คืออะไร ทำไมร่ำรวยปานนั้น ทำไมต้องถูกเจ้าหน้าที่ทางการ สนธิกำลังมากมาย ทั้งตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ สรรพกร สาธารณสุข เข้าตรวจค้นและยึดโกดังสินค้าที่มีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ขณะที่ เจ้าของถูกออกหมายเรียกเพื่อดำเนินคดี
สำหรับคนในโลกออนไลน์โดยเฉพาะสุภาพสตรีผู้รักสวยรักงามอยากผอม นี่นับเป็นข่าวใหญ่สะท้านวงการ เพราะ OHO บายปูนิ่ม เป็นผลิตภัณฑ์ยาลดความอ้วนที่ในช่วง 2-3ปีมีชื่อคุ้นหูค้นตาบรรดานักท่องอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี
เจ้าหน้าที่ระบุเหตุผลต้องดำเนินคดีกับ OHO เนื่องจากพบว่า ผลิตภัณฑ์ของOHO มีสารต้องห้าม คือ “ไซบูทรามีน” ซึ่งไม่ได้ใช้กันแล้วทั่วโลกตั้งแต่ปี 2553 สารนี้มีอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้ความดันโลหิตสูง ใจสั่น คอแห้ง
นอกจากพบสารอันตรายในตัวยาลดความอ้วน เจ้าหน้าที่ทางการได้เปิดเผยก่อนจะลงมือปฏิบัติการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ OHO มาโดยละเอียด ทราบว่า เป็นยาลดความอ้วนที่มียอดขายถล่มทลายในเฟซบุ๊ก มีคำสั่งซื้อชนิดที่ไปรษณีย์ต้องทำงานหนักต่อการรับส่งพัสดุวันละ 3-4 พันกล่อง มีพนักงานขายมากถึง 3-4 พันคน ความร่ำรวยของธุรกิจและผู้เป็นเจ้าของถูกโพสต์ ถูกแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมากในโซเชียลมีเดีย
จากความโด่งดัง ความร่ำรวย ดังกล่าว กลับพลิกผันเป็นธุรกิจค้าความสวยอันตราย! เบื้องหลัง “โอ้โห(OHO) บายปูนิ่ม หรือ “คลับโอ้โห” จึงยิ่งมีผู้สนใจใคร่รู้มากเป็นลำดับ
ธุรกิจของ OHO ต้องบอกว่า เริ่มต้นขึ้นจาก ปูนิ่ม หรือ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน สาวพิษณุโลกวัย 27 ปี เคยให้สัมภาษณ์ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เองถึงชีวิตสุดดราม่า ล้มลุกคลุกคลานจากแม่ค้าตลาดนัด เร่ขายของตามงานวัด จนกลับบ้านพิษณุโลกช่วยสามีหาสินค้าขายในอินเตอร์เน็ต จากสินค้าประเภทเสื้อผ้า จนเห็นช่องทางมาขายยาลดความอ้วน ขายดิบขายดีกระทั่งขยับขยายอัพฐานะตัวเองขึ้นเป็นประธานบริษัท โอ้โห สลิม พลัส จำกัด จำหน่ายยาลดความอ้วนยี่ห้อ“โอ้โห” (OHO)มียอดขายสินค้าเดือนละประมาณ 30 ล้าน
เธอบอกว่า OHOขายเฉพาะในออนไลน์ผ่านไประยะเวลา 3 ปีทำรายได้ถึง 500 ล้านบาท
“ปูนิ่มใช้แต่เฟซบุ๊กอย่างเดียวค่ะ ตลอดเวลาที่ทำแบรนด์โอ้โหขึ้นมา ไม่มีการจ้างพรีเซ็นเตอร์ดารา สาเหตุที่เราไม่จ้าง คือ ตอนนั้นเราไม่มีเงินด้วย เราก็เลยใช้ตัวเรา และ ลูกค้าของเราเป็นพรีเซ็นเตอร์ทั้งหมดเลย และ อธิบาย คือ เราเน้นในการอธิบายการใช้สินค้าให้เกิดผลมากที่สุด เหมือนการดูแลลูกค้า พอปีหนึ่งผ่านไปเราเห็นว่า ประมาณเดือนที่ 8 ที่ 9 นี่ก็มียอดขายแตะหลักล้านแล้ว”
ปูนิ่มเล่าถึงเคล็ดลับที่ทำให้ OHO มียอดขายสูง
เมื่อธุรกิจเติบโต ฐานะเจ้าของก็ล่ำซำตาม ทุกวันนี้ของปูนิ่ม เธอบอกว่า ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจ จนใครๆ ต้องอิจฉา จากวันที่ไม่มีอะไร มาวันนี้เธอมีรถสปอร์ตครอบครองหลายคัน แค่เฉพาะรถก็รวมมูลค่ารวมกว่า 40 ล้าน ยังไม่นับรวมกับกระเป๋าแบรนด์เนมอีกที่เธอซื้อนับคร่าวๆ ก็รวม10 กว่าล้านบาทแล้ว
คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ไม่มีใครคาดคิด วันนี้ของปูนิ่มและสามีตกเป็นผู้ต้องหาถูกออกหมายเรียกเพื่อดำเนินคดีด้วยข้อหา ผลิตภัณฑ์มีฉลาก และ แผ่นพับโฆษณาไม่ถูกต้อง และ ผลิตภัณฑ์มีไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารต้องห้ามปะปนอยู่
แจกแจงออกมาแล้ว OHO ต้องข้อหาผิดพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ฐานจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และ ปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานโฆษณาคุณประโยชน์และคุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 ฐานขายเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นคดีอาญา แต่จะจำหรือปรับขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
“ตอนนี้ยังงง และ สับสนอยู่เลยค่ะว่ามันคืออะไร สินค้าที่ถูกจับนี้ โรงงานเพิ่งเอาสินค้ามาส่งตอนสี่ทุ่ม พอตอนเช้าเรากำลังแพ็คของอยู่ ตอนบ่ายก็มีตำรวจมาขอตรวจสอบเลย เราเลยงงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็เคยไม่มีปัญหาอะไร โรงงานที่เราจ้างให้ผลิตสินค้าก็มีใบตรวจ อย.สินค้าให้เราดูตลอด จนมาตอนหลังมีกี่ส่งสินค้าถี่ขึ้น เพราะ ยอดขายมันโตขึ้น ถึงเพิ่งเริ่มมีปัญหา ก็เลยงงนิดนึงว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีการมาตรวจสอบแบบนี้ แสดงว่าอยู่ดีๆ คงมีอะไรผิดปกติ เพราะเขาไม่เคยมาตรวจสอบแบบนี้ ” ปูนิ่มเล่าให้ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ วันเดียวกับที่ถูกหมายเรียกดำเนินคดี
มาถึงตรงนี้ ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นการรูดม่านปิดฉากสำหรับยาลดความอ้วนOHO ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายบนโลกออนไลน์เลยหรือไม่ ปูนิ่มยังยืนยันจะทำต่อ
“อย่างที่บอกว่าเราเป็นเพียงร้านค้าออนไลน์ เราทำแบรนด์ขึ้นมา เพื่อจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ดังนั้นถ้าสินค้าตัวไหนมีปัญหา เราก็คงต้องตัดสินค้าตัวนั้นออกไป เพราะธุรกิจก็ต้องเดินหน้าต่อไป”
ทว่า คดีความที่เกิดขึ้น ข้อกล่าวหาที่รุนแรง ผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนสารอันตราย ได้ส่งผลต่อลูกค้าที่โอนเงินแล้วขอเงินคืน พนักงานขายที่มีหลายพันคนระส่ำระสาย เฟซบุ๊กตัวแทนขายที่เคยเปิดขายมากมายทยอยปิด มิหนำซ้ำยัง ต้องเผชิญการสาวไส้เพิ่มเติมจากคู่แข่งในทางธุรกิจผ่านโซเชียลมีเดีย
มองอย่างไรยาลดความอ้วน “OHO บายปูนิ่ม” ไม่ปิดฉากก็เหมือนปิดฉากไปแล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะมีการรีแบรนด์ใหม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักและต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร