“ปูนิ่ม - ศิรินทรา เส็งสิน” เจ้าของผลิตภัณฑ์ OHO ยันไม่รู้เรื่องสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์ ยังงงว่ามาจากไหน ระบุตนเองเป็นเพียงผู้จำหน่าย ส่วนหน้าที่ผลิตเป็นของโรงงาน บอกเป็นบทเรียนราคาแพงและพร้อมตัดสินค้าที่มีปัญหาออกจากการจำหน่าย
หลังจากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการ พล.ร.4 จำนวน 50 นาย พร้อม สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก สรรพากรจังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจภูธรเมือง บุกยึดโกดังผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “โอ้โห บายปูนิ่ม มายแสลมมี่ รสมิกซ์ ฟรุ้ต” เลขที่ 918/54 หมู่ 7 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ก่อนขนย้ายและยึดสินค้าใส่รถบรรทุกทหาร 2 คัน โดยทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่าให้ยึดสินค้าผลิตภัณฑ์อาหาร “โอ้โห บายปูนิ่ม” และยุติเฟซบุ๊กปูนิ่ม พร้อมแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคยุติการบริโภคอาหารเป็นการด่วน
ทั้งนี้สาธารณสุขพบว่า ผลิตภัณฑ์อาหาร “โอ้โห” มีสารต้องห้าม คือ “ไซบูทรามีน” ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพ กล่าวคือ ทำให้ความดันโลหิตสูง ใจสั่น คอแห้ง ส่งผลให้ล่าสุด ตำรวจออกหมายเรียก “ปูนิ่มและสามี” เจ้าของผลิตภัณฑ์ OHO รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยระบุว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ฐานจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานโฆษณาคุณประโยชน์และคุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 ฐานขายเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นคดีอาญา แต่จะจำหรือปรับขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ด้าน “ปูนิ่ม - ศิรินทรา เส็งสิน” ประธานบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า
“ตอนนี้ยังงง และสับสนอยู่เลยค่ะว่ามันคืออะไร สินค้าที่ถูกจับนี้ โรงงานเพิ่งเอาสินค้ามาส่งตอนสี่ทุ่ม พอตอนเช้าเรากำลังแพ็คของอยู่ ตอนบ่ายก็มีตำรวจมาขอตรวจสอบเลย เราเลยงงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็เคยไม่มีปัญหาอะไร โรงงานที่เราจ้างให้ผลิตสินค้าก็มีใบตรวจอย.สินค้าให้เราดูตลอด จนมาตอนหลังมีกี่ส่งสินค้าถี่ขึ้น เพราะยอดขายมันโตขึ้น ถึงเพิ่งเริ่มมีปัญหา ก็เลยงงนิดนึงว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีการมาตรวจสอบแบบนี้ แสดงว่าอยู่ดีๆ คงมีอะไรผิดปกติ เพราะเขาไม่เคยมาตรวจสอบแบบนี้ ” ปูนิ่มเล่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผลิตภัณฑ์อาหาร “โอ้โห” มีสารต้องห้าม คือ “ไซบูทรามีน” ซึ่งมีผลอันตรายต่อสุขภาพนั้น ปูนิ่มตอบว่า
“ปูนิ่มไม่ทราบตรงนี้จริงๆเพราะตอนตกลงผลิตสินค้ากับโรงงาน ก็มีการคุยทุกอย่างแล้ว ซึ่งไม่ได้มีสารตัวนี้อยู่ด้วย ช่วงแรกๆ ที่ตรวจก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อยู่ดีๆ มีสารตัวนี้เข้ามาในผลิตภัณฑ์เราได้อย่างไร เราก็ไม่รู้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนผลิต เราเป็นเพียงผู้จำหน่าย แต่ที่ผ่านมา โรงงานก็โชว์มาตรฐานการผลิตให้เราดูตลอด ไม่เคยมีปัญหาอะไร
“ตอนนี้สินค้ามีปัญหาคือ “ยู-สลิม ยู เบอร์รี่ “ ดังนั้นเราก็คงจะระงับการผลิตสินค้าทุกตัวจากโรงงานนี้ไปก่อน ส่วนสินค้าตัวอื่นที่ไม่มีปัญหา เราก็คงต้องพิจารณาอีกทีว่าจะยังขายต่อหรือจะยกเลิกทั้งหมดค่ะ
“อย่างที่บอกว่าเราเป็นเพียงร้านค้าออนไลน์ เราทำแบรนด์ขึ้นมา เพื่อจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ดังนั้นถ้าสินค้าตัวไหนมีปัญหา เราก็คงต้องตัดสินค้าตัวนั้นออกไป เพราะธุรกิจก็ต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนเรื่องการเลือกรับสินค้าเข้ามาจำหน่าย ยอมรับว่าคงต้องเข้มงวดมากกว่านี้ เรื่องนี้เป็นบทเรียนราคาแพงว่า เราอาจพลาดเรื่องการตรวจสอบสินค้าให้ถี่ขึ้น หรือดูให้เรียบร้อยมากกว่าเดิม และแค่ดูเอกสารอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้นเราต้องตรวจในส่วนของเราด้วย เพื่อให้ได้มาตรฐานมากที่สุด”
นอกจากนั้น ปูนิ่มยังระบุว่าปัญหาเรื่องฉลาก อย. ไม่ถูกต้องนั้น เกิดจากตนเองไม่มีความเข้าใจในเรื่องของฉลากว่าต้องใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับชื่อที่ขอ อย. เนื่องจากเป็นเรื่องของการออกแบบดีไซน์ให้ผลิตภัณฑ์ดูสวยงาม จึงไม่ได้ใส่ชื่อเต็มที่ถูกต้องทั้งหมดลงในผลิตภัณฑ์ จึงเป็นสาเหตุให้ฉลากไม่ถูกต้องตามหลัก อย.
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าสรรพากรพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกจะตรวจสอบบัญชีย้อนหลังกับบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด เพื่อตรวจสอบว่ามีการแจ้งเสียภาษีตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ปูนิ่มยืนยันว่าทุกอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบบัญชีการเงินของบริษัทได้
“เรามีการเสียภาษีตามปกติ สามารถตรวจสอบได้ เพราะเราโชว์ยอดขายอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนที่มีข่าวว่าจะตรวจสอบการเงินของเอเย่นต์เราด้วยนั้น ปกติเราจะมีเอกสารการหักเงินให้แก่ตัวแทนทุกคนอยู่แล้ว จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเรามีหลักฐานชัดเจนว่าลูกค้าชำระเงินยังไงบ้าง”
ด้านคนใกล้ชิดของปูนิ่มกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้ปู่นิ่มคิดมาก จนถึงกับล้มป่วย ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลขณะนี้
“ตัวเองป่วย เพราะคิดมากค่ะ ในใจตอนนี้แคร์ลูกค้ามากกว่า เพราะเราไม่อยากขายของไม่ดีให้ลูกค้า อย่างที่บอกว่าเรายังเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่คิดว่าขายสินค้าด้วยมาตรฐานและการดูแลอย่างดี ซึ่งเราก็ตั้งใจจะดูแลมาตรฐานสินค้าของเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
” ฉะนั้นธุรกิจก็คงต้องเดินหน้าต่อไป เราเน้นทำธุรกิจออนไลน์ ดังนั้นข้อมูลเราจะต้องไว มาตรการต่อไปของเราคือ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ไหนที่เข้ามาใหม่ เราก็จะมีการคุมเข้มหลายครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนอีกค่ะ”
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์