เจ้าของธุรกิจนำเข้าส่งออก เหยื่อมีดปาดคออาการปลอดภัย ชี้ภาพยืนยันอดีตลูกจ้างเป็นคนร้าย ชิงรถเบนซ์รวมทรัพย์สินไปราว 9 ล้านบาท ปฏิเสธข่าวบริษัทค้างจ่ายเงินเดือน ระบุยังมอบเงินช่วยเหลือตอบแทนก่อนลาออกไป ด้าน ตร.เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเป็นการด่วนหลังศาลอนุมัติหมายจับแล้ว
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวถึงกรณีที่นางรัตนา เมธีพุทธิ อายุ 54 ปี เจ้าของบริษัท อะคูเท็คท์ จำกัด ประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้า ถูกนายธีรพัฒน์ หรือต้น แก้วไชอินทร์ อายุ 38 ปี อดีตคนขับรถ วางแผนชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธคัตเตอร์ปาดคอ แต่มีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือไว้ทัน ก่อนที่นายธีพัฒน์ขับรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่นเอส 300 สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 1 กน 8855 กรุงเทพมหานคร พร้อมทรัพย์สินที่อยู่ในรถของอดีตเจ้านายหลบหนี บริเวณลานจอดรถชั้นพี 4 ของอาคารโมเดิร์นทาวน์ ถนนสุขุมวิท 63 ซอยเอกมัย 3 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ว่าขณะนี้ผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ รพ.กรุงเทพ แพทย์ได้ทำการรักษาเย็บและปิดบาดแผลไว้ อาการปลอดภัยดี ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุนำรถเบนซ์มาจอดไว้และขณะที่กำลังเก็บของอยู่ท้ายรถไม่ทันระวังตัว คนร้ายเข้ามาจากด้านหลังใช้แขนขวาล็อกคอ ส่วนมือซ้ายถือมีด พยายามขัดขืนแต่สู้แรงคนร้ายไม่ไหว ระหว่างกำลังชุลมุนก็ถูกมีดของคนร้ายปาดเข้าที่คอ จังหวะนั้นมีพลเมืองดีมาเห็น คนร้ายจึงปล่อยแล้ววิ่งขึ้นรถติดเครื่องขับหลบหนีไป ทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป คือ รถเบนซ์ กระเป๋าแบรนด์เนม ยี่ห้อมิว มิว แหวนเพชร 3 กะรัต 1 วง มูลค่า 1.5 ล้านบาท ต่างหูเพชร โทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส และเงินสด 10,000 บาท มูลค่าประมาณ 9 ล้านบาท ในด้านของภาพกล้องวงจรปิดของอาคาร สามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ชัดเจน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้นำภาพไปให้ผู้บาดเจ็บและพยานชี้ตัวยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่ก่อเหตุ จึงทำการรวบรวมหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับนายธีรพัฒน์ ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร พร้อมกับเมื่อวาน (3 พ.ย.) มีการประชุมชุดคลี่คลายคดีร่วมกันระหว่าง กก.สส.บก.น.5 และชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ โดย พ.ต.อ.ชวลิต ประสบศิลป รรท.ผบก.น.5 กำชับให้เร่งคลี่คลายคดี สั่งการให้ กก.สส.บก.น.5 ดูแลในเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ โดยรอบที่อาจเป็นเส้นทางของคนร้ายใช้หลบหนี และติดตามรถของผู้เสียหาย ส่วนชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา ความเป็นมา และกล้องวงจรปิดในพื้นที่
พ.ต.อ.ชูตระกูลกล่าวต่อว่า คนร้ายได้มีการมาดูลาดเลา และดักรอผู้เสียหายอยู่ก่อนแล้ว รู้เวลา และจุดจอดรถของผู้เสียหาย โดยจะมุ่งประเด็นไปที่ความประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้เสียหาย เนื่องจากรู้ว่าผู้เสียหายมีทรัพย์สินติดตัวมีมูลค่ามาก ไม่น่าจะเจตนาทำร้ายร่างกายหรือประสงค์ชีวิต เนื่องจากระหว่างที่คนร้ายก่อเหตุผู้เสียหายขัดขืน มีดที่ถืออยู่จึงไปถูกบริเวณคอของเหยื่อ ระหว่างนี้ให้ผู้เสียหายพักรักษาบาดแผลให้หายดีก่อนในความดูแลของแพทย์ ก่อนที่จะมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับประวัติคนร้ายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียักยอกทรัพย์ ของ สภ.คลอง 5 เมื่อปี 2557 หลังจากนี้ขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ จากแนวทางแนวการสืบสวน กรณีที่มีกระแสข่าวว่าคนร้ายก่อเหตุ เพราะไม่ได้รับเงินเดือนนั้น พยานให้การว่าคนร้ายเข้าออกหลายครั้ง และกลับมาขอทำงาน สาเหตุล่าสุดที่ขอลาออกไปเพราะอ้างว่ามีปัญหาสุขภาพ ขอไปพักรักษาตัว จึงมีการมอบเงินช่วยเหลือในการรักษาให้แก่คนร้ายไปอีกด้วย แต่ก็ยังย้อนกลับมาก่อเหตุอีก