xs
xsm
sm
md
lg

สนช.พฤติกรรมลับๆล่อๆ เรื่องถอดถอน"ยิ่งลักษณ์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**อาการยึกยักของสมาชิกสภานิติบัญญัตแห่งชาติ หรือ สนช. เกี่ยวกับการเดินหน้ากระบวนการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีคิวรอการสอยอยู่ 3 สำนวน คือ
กรณี นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญปมที่มาส.ว.โดยมิชอบ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประเด็นจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ที่ทำท่าว่า คนผิดจะรอด ส่วนสนช.กำลังจะจอดไม่ได้แจวต่อ หากปล่อยให้คนชั่วลอยนวล
สถานการณ์ในขณะนี้ทำให้ สนช.ถูกตั้งคำถามจากสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ปกปิดข้อมูลกับประชาชน ตั้งแต่การประชุมลับ กรณี นิคม-สมศักดิ์ กว่าจะมีมติแบบฉิวเฉียด ให้รับสำนวนไว้พิจารณา ก็ลากยาวจนคนขาดความเชื่อมั่นไปแล้ว
กระทั่งล่าสุด ยังมีประเด็นให้ทนายความยิ่งลักษณ์ ใช้โต้แย้งในเรื่องการส่งเอกสารไม่ครบ 15 วัน จนนำมาเป็นเหตุเรียกร้องให้เลื่อนการพิจารณาสำนวนถอดถอนยิ่งลักษณ์ จากที่กำหนดประชุมในวันที่ 12 พ.ย.57 ออกไปอีก 30 วัน โดยวิป สนช.ออกมาขานรับว่า จะให้ความเป็นธรรมด้วยการเลื่อนการประชุมออกไปตามข้อเรียกร้องเป็นวันที่ 28 พ.ย. ก็ยิ่งทำให้สังคมไทยเกิดความคลางแคลงใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสนช. มากขึ้นไปอีก
ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสนช.ทำตัวเอง ไม่ปฏิบัติตนให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 บัญญัติไว้ในมาตรา 11 ให้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องอุทิศตนให้แก่การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย
**ถ้าสนช.ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทยจริง ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ตีขลุม สร้างความสับสนจนนำไปสู่การปฏิบัติที่เกินอำนาจหน้าที่ของตนเอง อย่างที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 64 กำหนดไว้ว่า "เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าข้อกล่าวหาที่มาจากการเข้าชื่อร้องขอเพื่อให้วุฒิสภามีมติให้ถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่งมีมูล และได้รายงานไปยังประธานวุฒิสภา ตามมาตรา 56 (1) แล้ว ให้ประธานวุฒิสภา จัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณามีมติโดยเร็ว"
ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนถอดถอน นิคม-สมศักดิ์-ยิ่งลักษณ์ ตามช่องทางของกฎหมายป.ป.ช. หน้าที่ของ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนประธานวุฒิสภา มีแนวทางปฏิบัติได้เพียงอย่างเดียว คือ “จัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณามีมติโดยเร็ว”ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 64 เท่านั้น ไม่สามารถใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่นได้
แต่ พรเพชร กลับใช้ดุลพินิจของตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ป.ป.ช. ด้วยการพิจารณาลงไปในสำนวนตามข้อกล่าวหาของป.ป.ช. แล้วตัดสินว่า กรณีของ นิคม-สมศักดิ์ จะมีปัญหาในเรื่องฐานความผิดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ยกเลิกไปแล้ว ทำให้มีปัญหาข้อกฎหมายว่า อาจจะไม่สามารถถอดถอนได้ จึงมีการนำสองสำนวนนี้ไปประชุมลับ ขยายกรอบเวลาที่ต้องบรรจุวาระภายใน 30 วัน ตามข้อบังคับออกไปอย่างไม่มีกำหนด กระทั่งมาประชุมอีกรอบ ลงมติว่าจะรับไว้ดำเนินการ ก่อนที่จะบรรจุวาระในการประชุมวันที่ 27 พ.ย.นี้
นับเป็นกระบวนการพิจารณาที่ผิดมาตั้งแต่ต้น ไล่ตั้งแต่ พรเพชร มาจนถึงที่ประชุมสนช. ที่ไปมีมติว่าจะรับไว้ดำเนินการ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ เนื่องจากตามกฎหมายป.ป.ช. ประธานสนช. มีหน้าที่ต้องบรรจุสำนวนที่ป.ป.ช.ส่งมาโดยเร็วเท่านั้น จากนั้นจึงไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาสำนวน ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ว่าจะถอดถอนได้หรือไม่ ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 65 ที่ระบุว่า “สมาชิกวุฒิสภามีอิสระในการออกเสียงลงคะแนน ซึ่งต้องกระทบโดยวิธีลงคะแนนลับ มติที่ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่ง ให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้า ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา...”
ประเด็นก็มีอยู่เท่านี้แต่ พรเพชร และสนช. ได้ทำให้เรื่องที่ไม่มีปัญหากลายเป็นปัญหา ทำเรื่องธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องสลับซับซ้อน จนน่าสงสัยว่า ขาดปัญญา หรือจงใจกันแน่
**ถ้าพรเพชร และ สนช.ยึดกฎหมาย ป.ป.ช.เป็นหลัก นอกจากจะไม่เกิดความล่าช้าในการพิจารณาสำนวนของ นิคม-สมศักดิ์ แล้ว ก็จะไม่มีประเด็นให้ยิ่งลักษณ์ ใช้เป็นข้ออ้างในการขอเลื่อนการพิจารณาสำนวนถอดถอนคดีจำนำข้าวออกไปด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะข้อโต้แย้งของทนายความยิ่งลักษณ์ คือการไม่ส่งเอกสารก่อนการประชุม 15 วัน ซึ่งเมื่อย้อนดูกระบวนการถอดถอนจากป.ป.ช. มาถึงมือ พรเพชร คือ วันที่ 14 ตุลาคม 2557 ในขณะที่ พรเพชร แจกจ่ายเอกสารให้ สนช. และผู้ถูกกล่าวหา ในวันที่ 27 ตุลาคม 2557 และนัดประชุมพิจารณานัดแรกในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557
เรื่องของเงื่อนเวลาส่งเอกสาร 15 วัน ตามข้อบังคับจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าพรเพชร จะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ป.ป.ช. คือเมื่อได้รับสำนวนมา ก็บรรจุโดยเร็ว ตามกรอบเวลาที่กำหนดในข้อบังคับ คือ 30 วัน หากนับตั้งต้นวันที่ 14 ตุลาคม ก็จะบรรจุไม่เกินวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 เป็นเงื่อนเวลาที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทำไมจึงไม่ส่งเอกสารให้คนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว หลังได้รับสำนวนจากป.ป.ช. แต่กลับทอดเวลาออกไปถึง 13 วัน ก่อนที่จะแจกจ่ายเอกสาร จนเกิดการโต้แย้งอยู่ในขณะนี้
ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการถอดถอนในสนช.ทั้งหมด ทั้งคดี นิคม-สมศักดิ์ และยิ่งลักษณ์ จึงมีสาเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่บิดเบี้ยว ด้วยความไม่กล้าหาญของ สนช. ทั้งสิ้น
** และที่สำคัญคือ ต้นตอของปัญหาที่กำลังจะทำให้การถอดถอนล่มคือ คสช. ที่ฉีกรัฐธรรมนูญ 50 ทิ้ง แล้วไม่เขียนกฎหมายรองรับให้คดีถอดถอนที่ค้างอยู่เดินหน้าได้ จนเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การอ้างว่า ถอดถอนไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญยกเลิกไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น