ประธาน สนช. เผยที่ประชุมส่วนใหญ่ถกหลักกฎหมายถอดถอน “สมศักดิ์ - นิคม” ก่อนมีมติถอดถอน คาด 24 - 25 พ.ย. แถลงเปิดคดี ปัดตอบรับก่อนค่อยปล่อยผีที่หลัง “หมอเจตน์” เผยความเห็นแบ่งสองเสียง ฝ่ายหนึ่งชี้มีมูล แต่อีกฝ่ายอ้าง รธน. เก่าถูกฉีกไปแล้ว แจงประชุมลับเพราะพาดพิงบุคคลที่สาม ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ลงมติอิสระ “นิคม” เหิมลั่นสงครามยังไม่จบ รอดูมติก่อน ยังไม่ยื่นฟ้องศาล
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงภายหลังที่ สนช. มีมติรับสำนวนไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เข้าสู่กระบวนการ ว่า มีสมาชิก สนช. อภิปรายในที่ประชุมถึง 24 คน ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะรับนายสมศักดิ์และนายนิคมไว้ถอดถอน โดยส่วนใหญ่จะพูดถึงหลักกฎหมายในทุกแง่มุม ก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติด้วยคะแนนลับเห็นด้วย 87 เสียง ไม่เห็นด้วย 75 เสียง และงดออกเสียง 15 เสียง โดยมีผู้ร่วมเข้าการประชุม 177 คน ดังนั้น จากวันนี้ไปตนจะสั่งให้นำสำนวนของ ป.ป.ช. เข้าสู่กระบวนการถอดถอนตามข้อบังคับของ สนช. โดยจะต้องส่งเอกสารให้กับ สนช. ทุกท่าน รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาให้ทราบล่วงหน้า 15 วัน ดังนั้นคาดว่า วันที่ 24 - 25 พ.ย. จะเป็นวันแถลงเปิดคดีของนายนิคมและนายสมศักดิ์
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธนานนท์ สนช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการประสานงาน สนช. กล่าวว่า ที่ประชุมอภิปรายกันอย่างหลากหลาย โดยส่วนใหญ่อภิปรายในข้อกฎหมาย เนื่องจากข้อเท็จจริงอภิปรายกันมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ มีอำนาจที่จะรับถอดถอน เพราะกฎหมาย ป.ป.ช. ยังคงอยู่ โดยอ้างมาตรา 58 และ 64 ที่บัญญัติไว้ว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าข้อกล่าวหาที่มาจากการเข้าชื่อร้องขอเพื่อให้วุฒิสภามีมติให้ถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่งมีมูล และได้รายงานไปยังประธานวุฒิสภาแล้ว ให้ประธานวุฒิสภาจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณามีมติโดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยมองว่า สนช. ไม่มีอำนาจถอดถอน เพราะฐานความผิดได้สิ้นสุดไปตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ทั้งนี้ สาเหตุที่ประชุมลับ เนื่องจากสมาชิกกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายพาดพิงบุคคลที่ 3 และไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกผู้อภิปราย รวมทั้งยืนยันสมาชิกไม่ได้กลัวถูกหมายหัวหรือถูกฟ้องร้อง แต่ต้องการลงมติอย่างอิสระปราศจากความกดดัน
เมื่อถามว่า สาเหตุที่รับถอดถอนเพราะกลัวผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ใช่หรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้กลัวผิดกฎหมาย เพราะทุกอย่างดำเนินการตามหลักกฎหมายที่ถูกต้องอยู่แล้ว สมาชิกทุกคนลงความเห็นด้วยความสุจริตใจ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยในวันนี้จะเป็นมาตรฐานให้กับประธานในการดำเนินการเรื่องต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับกรณีนี้ให้ง่ายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายพรเพชรไม่ตอบคำถามที่ระบุว่า ให้ สนช. รับถอดถอนไปก่อนแล้วค่อยปล่อยนายนิคมและนายสมศักดิ์ในภายหลัง
ด้าน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้ต้องรอหนังสือจาก สนช. ที่จะกำหนดวันให้ตนเข้าไปชี้แจง ซึ่งต้องดูรายละเอียดของหนังสือดังกล่าวก่อน โดยมติที่ออกมาก็เป็นแนวทางหนึ่ง เนื่องจากมีเพียง 2 แนวทางว่า สนช. จะรับหรือไม่รับไว้พิจารณา ทั้งนี้ คิดว่าสงครามยังไม่จบก็คงต้องสู้ต่อไป ซึ่งก็คงต้องไปชี้แจง อย่างไรก็ตาม สำหรับการยื่นร้องต่อศาลยุติธรรม ขณะนี้ตนต้องรอดูอีกครั้งหนึ่งจะไม่ผลีผลาม เพราะผลมติที่ออกมาคะแนนรับกับไม่รับไว้พิจารณานั้น ไม่ห่างกันมากนัก ซึ่งบ่งชี้ถึงนัยยะบางอย่าง