xs
xsm
sm
md
lg

สนช.ประชุมลับอีกแล้วถกแค่จะถอดไม่ถอด “นิคม-สมศักดิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สนช.ถกรับเรื่องถอดถอน “สมศักดิ์-นิคม” หรือไม่รอบสอง “พรเพชร” ย้ำวางตัวเป็นกลาง “สมชาย” เสนอประชุมลับ “วัลลภ” ค้านระบุเคยคุยมาแล้ว ยันสาระเหลือแค่รับไม่รับ “หมอเจตน์-กิตติศักดิ์-ตวง” เห็นด้วย ก่อนแพ้โหวต 96 ต่อ 1 งดออกเสียง 75

วันนี้ (6 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เลื่อนวาระเรื่องรายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีกล่าวหานายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และกล่าวหานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีดำเนินการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เกี่ยวกับที่มา ส.ว.เป็นการกระทำที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่าเป็นความผิดที่อยู่ในอำนาจของ สนช.ที่จะถอดถอน ตามข้อบังคับการประชุม สนช.หรือไม่ ซึ่งวันนี้ (6 พ.ย.) พิจารณาต่อจากการประชุม สนช.เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ในประเด็นเดิม คือ ความผิดตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนี้มีความผิดตามอำนาจที่ สนช.ไถ่ถอนได้หรือไม่

โดยนายพรเพชรได้ย้ำต่อสมาชิกว่า เมื่อเรื่องถอดถอนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของ สนช.แล้ว ตามข้อบังคับสมาชิก สนช.ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมข้อ 161 โดยต้องวางตัวเป็นกลาง เที่ยงธรรม ไม่กล่าวหรือแสดงไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ซึ่งจะทำให้การพิจารณาและการวินิจฉัยของที่ประชุมต้องเสียความยุติธรรม โดย 1. วิพากษ์ต่อสาธารณะในลักษณะไม่เหมาะสมต่อความเป็นกลาง 2. การให้ความเห็นต่อสาธารณะโดยประสงค์จะบ่งบอกว่าตนจะมีมติเช่นใด 3. ให้ความเห็นในหมู่สมาชิกอันเป็นการผิดจากข้อเท็จจริงหรือวิพากษ์โดยไม่เที่ยงธรรมที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลที่เกี่ยวข้อง และ 4. ชักจูงหรือชี้แนะให้สมาชิกมีมติไปในทางใดในลักษณะเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของการเป็นสมาชิก

จากนั้น นายสมชาย แสวงการ สนช. เลขานุการวิสามัญกิจการสภาการวิป สนช.ได้เสนอญัตติให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นการประชุมลับตามข้อบังคับที่ 13 เพื่อให้สมาชิกมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ในกรณีที่พาดพิงถึงบุคคลภายนอกเมื่อมีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ และวิทยุกระจายเสียง จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง จึงจำเป็นที่ต้องมีการประชุมลับ โดยมีสมาชิกยกมือรับรอง

แต่สมาชิก สนช.บางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะมีการประชุมลับ อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช.เห็นแย้งว่าตนเข้าใจว่ามีความห่วงใยหากมีการเปิดให้ประชุมเปิดเผยก็อาจจะมีการพูดพาดพิงกระทบบุคคลอื่น และห่วงเรื่องการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งตนได้ขอสงวนสิทธิ์ที่จะอภิปรายไม่เห็นด้วย เนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 17 ต.ค. มีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมลับมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างหมดเปลือก แต่ที่ประชุมยังสงสัยว่าเรายังไม่ได้รับเอกสารสำนวนและมีการแจกให้สมาชิกไปอ่านกันหมดแล้ว ซึ่งเอกสารต่างๆทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องและผู้คัดค้าน เราได้อ่านกันหมดแล้วและล้วนเป็นเรื่องซ้ำๆกับสาระที่พูดกันในการประชุมลับครั้งที่แล้ว ถือว่าไม่มีความลับอีกต่อไปแล้ว วันนี้มีสาระเดียวว่าจะรับหรือไม่รับเท่านั้น

“ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นหินรองทองของเรา สังคมกำลังจับตามองพวกเราอยู่ เราทำอะไรกันอยู่ สมมุติมีการประชุมลับ 3 ชั่วโมง เปิดประชุมมาที่ประชุมมีมติรับ หรือไม่รับ แล้วมันคืออะไร ผมจึงอยากให้มีการประชุมอย่างเปิดเผย สาธารณชนกำลังรอฟังว่าที่เราไม่รับเพราะสาเหตุใด เขาจะได้ชั่งใจ ผมเชื่อว่าสำนวนที่อ่านทั้งหมดไม่ต้องชังใจแล้ว เพียงพูดแต่กระบวนการว่ารับไม่รับเข้าสู่การถอดถอนเท่านั้น จึงจำเป็นต้องประชุมอย่างเปิดเผย” นายวัลลภกล่าว

ด้าน นพ.เจตน์ ศิระธรานนท์ สมาชิก สนช.กล่าวเสริมว่า แม้สมาชิกกังวลใจ แต่เรามีวุฒิภาวะเพียงพอและรู้ว่าถ้าพูดพาดพิงบุคคลอื่นก็จะถูกฟ้องร้องได้ จึงเป็นเรื่องการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน เมื่อมีการพูดกันมากมายไปแล้วในการประชุมลับครั้งที่แล้ว วันนี้จะมีการอภิปรายในประเด็นข้อกฎหมายก็ไม่ควรที่จะกลับไปอภิปรายข้อเท็จจริงอีก แม้จะติดว่าสมาชิกมีเวลาพิจารณาสำนวนไม่เพียงพอเพราะเอกสารจำนวนมากเกินกว่าจะใช้เวลาสั้นๆเข้าใจในสำนวน แต่เมื่อวันนี้เป็นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายและไม่ได้มีส่วนอะไรจะพาดพิงบุคคลอื่น จึงไม่เห็นด้วยที่ต้องประชุมลับ เพราะการประชุมลับมีทั้งข้อดีข้อเสีย เป็นเหรียญสองด้าน แม้มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทำให้สมาชิกจะอภิปรายได้เต็มที่ แต่ก็ควรเป็นเรื่องข้อเท็จจริงมากกว่าข้อกฎหมาย แต่หากประชุมโดยเปิดเผย ประชาชนจะได้ทราบว่าทางสภามีประเด็นอย่างไรและอำนาจในการตกลงวันนี้ว่าในคดีของบุคคลทั้งสองนี้เรามีอำนาจหรือไม่อย่างไรภายใต้ข้อกฎหมายที่มี ตนเชื่อว่าความเห็นก็คงจะต่างระหว่างสองขั้วทั้งเห็นว่ามีอำนาจถอดถอนได้ และไม่ได้ เชื่อว่าเหตุผลเหล่านี้จะไปถึงหูประชาชนได้ แม้วันนี้ประธานจะนำแถลงข่าวเอง แต่ไม่สามารถเก็บรายละเอียดการอภิปรายสมาชิกได้มากพอที่จะสะท้อนความเห็นของสมาชิกผ่านไปถึงประชาชนได้หมด และวันนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนอย่างมากมายกว้างขวาง จึงจำเป็นต้องประชุมเปิดเผย หากกำหนดกติกาให้อภิปรายเฉพาะข้อกฎหมายก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช.กล่าวว่า สภาต้องรับผิดชอบร่วมกัน มีอะไรประชาชนต้องมีส่วนรับรู้ประกอบการตัดสินใจว่าสิ่งไหนผิดถูก จะผิดถูกไม่ว่าแต่ต้องให้ประชาชนรับทราบ เรามาทำหน้าที่ตรงนี้ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิต ฉะนั้นไม่ต้องกลัว ทุกอย่างที่สมาชิกจะอภิปรายออกไป ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมาย ทุกคนต้องรับผิดชอบ หากตนพูดอะไรออกไป ถ้าจะต้องถูกดำเนินคดีก็ยินดีน้อมรับ แต่ที่สำคัญจะต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่าสิ่งที่เรากระทำมีอะไรที่ปกปิดหมกเม็ดหรือไม่

นายตวง อันธะไชย สมาชิก สนช.กล่าวว่า หากสภาจะพิจารณาเฉพาะข้อกฎหมายก็ไม่ควรประชุมลับ ควรให้ประชานได้เรียนรู้ข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะเป็นประโยชน์มากกว่า และประธานไม่ต้องตอบคำถามใครว่าทำไมสภาพิจารณาแบบนี้ แต่เราทำภายใต้ พ.ร.บ.ลูกที่ คสช.รับรองอยู่ ต้องเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้เพราะไม่ได้กล่าวหาใคร แต่ถ้าจำเป็นต้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริงบางอย่างอีกครั้งค่อยให้มีการประชุมลับ

หลังสมาชิกได้แสดงความเห็นแล้ว นายพรเพชรให้สมาชิกลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติด้วยคะแนน 96 ต่อ 1 คะแนน ให้ประชุมลับ และไม่ลงคะแนน 75 คะแนน ทำให้ที่ประชุมต้องพิจารณาวาระดังกล่าวเป็นการประชุมลับ เริ่มเวลา 10.50 น.


















กำลังโหลดความคิดเห็น