xs
xsm
sm
md
lg

แนวทางปรองดองคนในชาติของทักษิณสำเร็จด้วยรัฐประหารปี 2557

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์


ประวัติศาสตร์ประเทศไทย คนในชาติไม่เคยแตกแยกกันแบบนี้มาก่อน ช่วง 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 คนในชาติก็ไม่ได้แตกแยกกัน แต่ร่วมมือกันต่อสู้กับทรราชของประเทศ แต่ตั้งแต่ปี 2544 คนในชาติแตกแยกกันอย่างชัดเจน ภาษาทางสถิติบอกว่า แตกแยกกันอย่างมีนัยสำคัญ

เศรษฐกิจสังคม การเมืองมีความเสื่อมลง ตามพุทธทำนาย ไม่ได้เสื่อมเฉพาะประเทศไทย แต่เสื่อมกันทั้งโลก มีน้อยประเทศที่ความเสื่อมค่อยเป็นค่อยไป

กิเลสคือค่าเฉลี่ยความเป็นอยู่ของคนทั้งโลกจึงถูกปกครองและบริหารจัดการด้วยกิเลสของคน ผู้ปกครองมีกิเลสมาก จะบริหารจัดการเพื่อประโยชน์ตนแต่อย่างเดียว ผู้คนในชาติก็จะเดือดร้อนมาก เป็นการยากที่คนไม่มีกิเลสจะมีโอกาสเข้าไปบริหารประเทศ เพราะไม่มีการต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจ เพื่อที่จะเข้าไปบริหารประเทศ แม้จะถูกเชิญเข้าไปบริหารประเทศ ก็ไม่อยากจะเข้าไป

กิเลสทำให้เกิดการแย่งชิง การคิดเอารัดเอาเปรียบ น้อยนักที่คนจะตัดกิเลสได้ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสติและตัดกิเลสได้ เช่น พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เป็นต้น จึงสามารถกล่าวได้ว่า กิเลสคือความเป็นธรรมดาของความสังคมมนุษย์ เป็นเช่นนี้นับเป็นพันปีหรือหมื่นปีมาแล้ว และคงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปชั่วกัปชั่วกัลป์การแย่งชิงการเอารัดเอาเปรียบของผู้ปกครองประเทศ ทำให้สังคมเดือดร้อนไปทั้งระบบ

คำกล่าวที่ฟังแล้วเข้าใจได้ “ทรัพยากรของระบบที่มีอยู่มีพอเลี้ยงคนได้ทั้งโลก แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนมีกิเลสคนเดียว”

ผู้เขียนไม่ตำหนิเด็กและคนระดับล่าง ถึงแม้เด็กและคนระดับล่างจะคุณภาพไม่ดีก็ตาม แต่เด็กและคนระดับล่างไม่ดี เพราะผู้ปกครองและคนระดับบนมากกว่า คุณภาพของผู้ปกครองและคนระดับบนดี จะเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กและคนระดับล่าง ดังนั้นสังคมจะดีผู้ปกครองและคนระดับบนจะต้องดี เพื่อจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กและคนระดับล่าง จะสามารถโน้มนำให้เด็กและคนระดับล่างเป็นคนดีได้

แต่หากผู้ปกครองและคนระดับบนเป็นคนไม่ดี แต่มาออกนโยบาย เน้นการศึกษาออกคำขวัญ 10-20 ข้อให้เด็กและคนระดับล่างจะต้องทำอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ไม่เป็นสาระนัก คล้ายว่าตัวเองพูดอย่าง แต่การกระทำเป็นอีกอย่าง หรือคล้ายกับว่าพ่อบ้านขี้เมาหยำเป ไม่รับผิดชอบครอบครัว แล้วมาพูดสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อนาคตของสังคมยากที่จะดีขึ้น อนาคตของสังคมจะดีขึ้น ถ้าผู้ใหญ่ทุกวันนี้เป็นคนดีจริง เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม และสามารถสั่งสอนและให้คำแนะนำเด็กและคนระดับล่างได้ ก็จะทำให้ตัวเองได้รับความเชื่อถือศรัทธา ไม่อายใครและไม่อายตัวเองด้วย

การสอนสั่งที่ดีคือการทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใช้วาจาสอนสั่ง หรือมอบคำขวัญหรือออกคำสั่งให้คนทำดี

สังคมถูกบริหารด้วยกิเลสของคนระดับบน ถือผลประโยชน์และเงินเป็นใหญ่ เป็นวัตถุนิยมเพิ่มขึ้นตลอดเวลา สังคมจึงเดินหน้าเละเทะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา อาชีพอบายมุขเต็มระบบ ลองศึกษาเรื่องอบายมุขของพระพุทธเจ้ามีอะไรบ้าง และเอามาเปรียบเทียบกับอาชีพที่มีอยู่ในสังคมไทยทุกวันนี้เป็นอย่างไร จะเห็นว่าเต็มไปด้วยอาชีพอบายมุข ไม่ว่าฟุตบอลอาชีพ ที่ไปลอกเลียนตะวันตกมา สลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีการทำกำไรกันหลายต่อ ทำให้ราคาแพง ก็คิดจะออกหวยออนไลน์มาอีก ทำให้เด็กและชาวบ้านหาซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น มอมเมาระบบมากขึ้นไปอีก เขาบอกวิธีป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนซื้อหวยออนไลน์ โดยจะวางเครื่องขายหวยออนไลน์ต้องห่างจากโรงเรียนเท่านั้นเท่านี้เมตร ก็ว่าไปอย่างนั้นแหละ แล้วมันป้องกันเด็กซื้อหวยได้จริงหรือไม่ ตลาดหุ้นคืออบายมุขกองโตที่สุดในประเทศและในโลก เมื่อก่อนคนที่จะสั่งซื้อขายหุ้นได้ต้องมาที่ตลาดหุ้น เพื่อมาทำการซื้อขายหุ้น หรือไม่ก็ฟังหรือดูราคาหุ้นทางวิทยุหรือโทรทัศน์ แล้วก็สั่งซื้อสั่งขายหุ้นทางโทรศัพท์ แต่ทุกวันนี้ตั้งแต่อินเทอร์เน็ตเจริญขึ้น ตลาดหุ้นมีการพัฒนาไปมาก สามารถดูราคาและสั่งซื้อสั่งขายหุ้นได้เองทางอินเทอร์เน็ต ซื้อขายกันได้ทั่วทุกมุมโลก โอนเงินเข้าออกทางอินเทอร์เน็ตในบัญชีตัวเองได้ ตลาดหุ้นมีคนได้มีคนเสีย ได้ก็ได้มาก เสียก็เสียมาก คนที่ได้จริงๆ คือขาใหญ่ทุนสามานย์โลก ที่เสียมากก็ได้แก่คนท้องถิ่น ตลาดหุ้นเป็นต้นเหตุเงินท่วมโลก เงินท่วมโลกแต่โลกยากจนลง เป็นต้นเหตุให้ประเทศเกิดเงินเฟ้อ โลกเกิดเงินเฟ้อ

อาชีพอบายมุขทำเงินได้มากและได้ง่ายกว่าอาชีพใดๆ เอารัดเอาเปรียบระบบง่ายขึ้นมากขึ้น

ตลาดหุ้นยังเป็นแหล่งที่ก่อมิจฉากรรมต่อระบบได้ง่าย เช่นการปล้นทรัพยากรของระบบ และขายสมบัติชาติทำได้ง่ายผ่านตลาดหุ้น

สื่อก็วัตถุนิยมไปด้วยกัน เป็นไปตามค่าเฉลี่ยแห่งกิเลสของระบบ หรืออาจจะก้าวหน้ากว่าระบบด้วยซ้ำไปกระแสทำให้ขายข่าวได้ มีส่วนกระตุ้นกระแสให้สูงขึ้นไปอีกมีส่วนให้อบายมุขกองโตมากขึ้น ละครการละเล่นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าเป็นอบายมุขเช่นกัน ดาราถูกสื่อรุมสัมภาษณ์มากกว่านายกรัฐมนตรีของประเทศเสียอีก มีการแจกซองคนทำข่าวด้วยสร้างดาราเด่นดังเหนืออาชีพอื่น เหนืออาชีพชาวนาชาวไร่

คนที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่ง จะมีความเป็นสื่ออยู่ในตัว พูดอะไร ทำอะไรก็เป็นข่าว

การสื่อทุกวันนี้ไปได้ไกลและได้กว้างมาก มีทั้งสื่อเดิมๆ และสื่อ Social media คนที่มีอิทธิพลเหนือสื่อ ก็ได้สื่อช่วยงาน สื่อแบบตรงไปตรงมามีน้อย สื่อทำมาหากินสื่อที่เบี่ยงมีมาก หนักทางโฆษณาชวนเชื่อนำเสนออย่างแต่การกระทำเป็นอีกอย่าง สื่อคำพูดและภาพดีสวยงาม แต่การปฏิบัติเป็นไปในทางตรงกันข้าม ต่อหน้าเป็นมะพลับ ลับหลังเป็นตะโก หรือแบบหน้าไหว้หลังหลอก หรือแบบปากปราศรัย ใจเชือดคอ

คนในภาพหน้าตาดูดี แต่จิตใจจะดีเหมือนหน้าตาหรือไม่ ภาพแสดงออกว่าร่วมกันหยุดคอร์รัปชัน เบื้องหลังคือคอร์รัปชันมโหฬาร เช่น คอร์รัปชันจำนำข้าว ฯลฯ

มีการพูดถึงการปฏิรูปสื่อ ไม่ทราบว่าเขาจะปฏิรูปแบบไหนกันสื่อจะเป็นผู้ปฏิรูปสังคมมากกว่า ปฏิรูปให้สังคมเข้าใจผิดๆ ในสาระความเป็นจริง และนำพาสู่สังคมให้เป็นอบายมุขมากขึ้น

ปัญหา เศรษฐกิจ สังคม การเมืองไทย ช่วง 13 ปีที่ผ่านมา เสื่อมมากเป็นประวัติการณ์ ผู้เขียนให้น้ำหนักเรียงลำดับความเสื่อมความเสียหายจากมากไปหาน้อยดังนี้

1) เรื่องใหญ่เรื่องแรก คือการแตกแยกของคนในชาติ

อย่างที่นำเสนอไว้ในช่วงต้น ประวัติศาสตร์คนไทยไม่เคยแตกแยกแบบนี้กันมาก่อนเลย ผู้เขียนเคยนำเสนอไว้แล้ว รายการนายกพบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ของรัฐบาลปี 2544 และวิธีปฏิบัติต่อๆ มา คนส่วนหนึ่งทราบว่าเป็นวาทกรรม สร้างคะแนนนิยม มุสา คนรู้ทันไม่ชอบ แต่คนอีกส่วนหนึ่งเชื่อแบบหัวปักหัวปำ จึงเป็นที่มาของการแตกแยกคนในชาติดังกล่าว

คนมาก่อนคือคนต้นเหตุสร้างความแตกแยกคนในชาติ การมาของรัฐบาลทักษิณในปี 2544 เป็นที่มาของปรากฏการณ์สนธิ สนธิจึงไม่ใช่คนสร้างความแตกแยกในชาติ คนที่สร้างความแตกแยกในชาติคือตัวทักษิณเอง

กระบวนการต่อสู้ของประชาชน ไม่ลดละ จากพธม.มาเป็น กปปส.

นอกจากทักษิณมีการใช้สื่ออย่างเข้มข้นแล้ว ยังมีการสร้างมวลชนขึ้นมาปะทะมวลชนคนไทยด้วยกันด้วย เรียกว่าม็อบเติมเงิน คนมีเงิน มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง จึงทำได้อย่างมีพลัง มีเป้าหมาย ทำได้ต่อเนื่อง ไม่หยุด ไม่มีลดละ

ทักษิณเป็นคนสร้างความแตกแยกคนในขาติมากที่สุด แต่เขากลับมาคิดถึงเรื่องการปรองดองคนในชาติมากที่สุดเริ่มกลยุทธ์การตลาด “การปรองดอง”มาตั้งแต่ปลายปี 2553 ดูข้อมูลต่อไปนี้

1.1) เสาร์ที่ 6 พ.ย. 53 โฟนอินถึงกลุ่มซึ่งสนับสนุนตน ที่อุดรฯ

“วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการให้ประเทศไปสู่ความปรองดองให้ได้ใครขัดขวางเรื่องนี้แสดงว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวอย่างบัดซบ”

1.2) หนังสือ Conversations with Thanksin ของนาย Tom Plate ตีพิมพ์คำสนทนาระหว่างกัน โดยโยงไปถึงนายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติและในหลวงเพื่อให้ช่วยสร้างความปรองดองให้กับคนไทย

“ความวุ่นวายและการนองเลือดทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศไทยเลย ทำไมจึงปรองดองกันไม่ได้”

1.3) จันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อสร้างความปรองดองคนในชาติโดยว่าจ้างนายโทนี แบลร์ มาพูดที่กรุงเทพฯ งานของอดีตทักษิณกลมกลืนเป็นงานเดียวกันงานของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ตำแหน่งตอนนั้น) แสดงว่ามีการวางแผนกันมาและมีข่าวว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วย

คำว่า “ปรองดอง” เป็นคำดีความหมายดีดูจาก 3 ตัวอย่างนี้ ทำให้คิดว่าทักษิณเป็นคนดีมาก ไม่ทราบจะใช้คำใดที่จะสื่อถึงความหมายการทำดีของทักษิณได้ ใช้คำดี เสนอเรื่องที่ดี ที่ห่วงใยถึงความแตกแยกของคนในชาติแต่เป็นแบบต่อหน้าเป็นมะพลับ ลับหลังเป็นตะโก มีปัจจัยซ่อนเร้น

ห่วงคนในชาติ หรือว่า ออกแบบมาเพื่อประโยชน์ตน

ช่วง 4-5 ปีมานี้ ทักษิณ เน้นทำงานเรื่องการปรองดองของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ไกลไปถึงระดับโลก ไกลไปถึงนายบันคี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ

ปัจจัยซ่อนเร้น คือจะนำเรื่องการปรองดองคนในชาติ มาประกอบการนิรโทษกรรมให้ตัวเอง ดูได้จากข้อมูล 2 ข้อต่อไปนี้

A) จากคลิปเสียงการสนทนาของชาย 2 คน เชื่อว่าคนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ในกองทัพ อีกคนหนึ่งอยู่ต่างประเทศ

“ให้ดันกฎหมายนิรโทษกรรมออกเป็น พ.ร.ก.ผ่านสภาความมั่นคงฯ ลัดขั้นตอน ส่งให้รัฐบาล”

B) รัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้างปรองดองคนในชาติ

“เสนอพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2556 เข้าสภาฯ”

หากทักษิณไม่สร้างความแตกแยกแก่คนในชาติ ก็ไม่จำเป็นจะมารณรงค์ให้คนในชาติปรองดองกัน

การแตกแยกของคนในชาติ เป็นเรื่องเลวร้ายมากที่สุดในประเทศ อย่างที่ทักษิณเองก็พูดไว้ “ใครขัดขวางเรื่องนี้แสดงว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวอย่างบัดซบ”“ความวุ่นวายและการนองเลือดทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศไทยเลย ทำไมจึงปรองดองกันไม่ได้” ทางที่ควรจะเป็นคือต้องเอาคนต้นเหตุที่ทำให้คนในชาติแตกแยกกันมาลงโทษมากกว่า จึงจะเป็นการถูกต้อง

การปรองดองของคนในชาติตามความต้องการของทักษิณคือต้องการเอามาผูกไว้กับการนิรโทษกรรมให้กับตนเองโดยอ้างว่าถ้าไม่นิรโทษกรรม จะทำให้เกิดความไม่ปรองดอง จะทำให้คนในชาติแตกความสามัคคี

ผู้เขียนไม่เชื่อ

สมมติว่ามีการนิรโทษกรรมให้ทักษิณจริง ซึ่งจะต้องทำผ่าน สนช.และคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มันก็จะไม่ทำให้คนในชาติเกิดความปรองดองขึ้นได้ และทักษิณก็จะสร้างมวลชนขึ้นมาต่อสู้ เพื่อกดดันให้ตนเองได้ประโยชน์ไม่มีที่สิ้นสุด

แต่จะเป็นอะไรไปละจะไปสนใจอะไรกับความแตกแยกของคนในชาติ ในเมื่อทักษิณได้ประโยชน์ส่วนตนไปแล้ว ทักษิณไม่เคยอินังขังขอบกับประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด ประเทศชาติประชาชนเป็นเพียงเครื่องหรือเหยื่อ ที่ต้องมาซื้อสินค้าและบริการของทักษิณที่ราคาสูง ทักษิณหวังแต่อำนาจและความมั่งคั่งของตนแต่อย่างเดียว

นี่คือมิจฉากรรมที่กำลังดำเนินอยู่ของทักษิณ ทักษิณคิดอะไร ทำอะไรที่คนทั่วไปคิดไม่ทัน แม้คดีความที่ศาลจะตัดสินไปแล้ว ว่ามีความผิด แต่ก็ไม่คิดยอมรับผิดแม้แต่น้อยนิด แต่คิดจะนิรโทษกรรมให้ตนเองแต่อย่างเดียว

ระบบยุติธรรมของประเทศไทยคงเละเทะ กลายเป็นว่าทักษิณเป็นคนดีที่สุดในประเทศไทยและในโลก ไม่เคยทำสิ่งใดผิดเลย ซึ่งขัดกับข้อมูลมิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้กับประเทศไทยและประชาชนคนไทย

เป็นไปได้ที่ทักษิณจะได้รับชัยชนะต่อ เรื่องการนิรโทษกรรมให้กับตนเอง ในครม.และสนช.เป็นคนของทักษิณมากกว่าครึ่ง

วิธีการตลาดของทักษิณได้ผล การรัฐประหารของคสช.มีการห้ามพูดถึงทักษิณ ใครพูดถึงทักษิณจะถูกตราหน้าว่า เป็นคนสร้างความแตกแยกของคนในชาติไปโน่นเลย

โทนี แบลร์ เคยมากรุงเทพฯ เคยถูกจ้างมาปาฐกถาพิเศษตามคำเชิญของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2556 เป็นช่วงที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จัดเวทีระดมความคิดเห็น “สร้างความปรองดองคนในชาติ”

ส.ศิวลักษณ์ พูดถึง Tony Blair “ถ้าใครจำนาง Margaret Thatcher ได้ ก็จะทราบได้ว่าเขาปกครองอังกฤษ ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นไปในทางเผด็จการอย่างสุด ๆ และเมื่อ Tony Blair ซึ่งมาจากพรรคตรงกันข้าม มาเป็นนายกรัฐมนตรี คนอังกฤษก็พูดกันว่า เขาคือ Thatcher ที่นุ่งกางเกงเท่านั้นเอง แล้วการสืบทอดสันตติวงศ์ของ Bush พ่อลูกเล่า เลวร้ายขนาดไหนในสหรัฐอเมริกา”

คนมีเงินจะทำอะไรก็ง่าย สามารถจ้างผีโม่แป้งก็ได้ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษก็ถูกจ้างได้

ทักษิณเป็นคนที่เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสให้แก่ตนเองง่าย ช่วงหลัง ดูแล้ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์คงทำอะไรไม่ได้ ไปต่อได้ยาก ล้มทิ้งก็ไม่เลว และเหตุการณ์ต่อมาก็เป็นไป Road map ที่ทักษิณวางไว้ไม่คลาดเคลื่อน

การมาของโทนี แบลร์ บอกว่าประเทศไทยอยู่ภายใต้การควบคุมของคนที่เหนือชั้นที่สุดในประเทศไทย

การเสียกรุงครั้งที่ 2 ประเทศไทยเสียกรุงแก่พม่าข้าศึกเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้นก็สามารถกอบกู้อิสรภาพกลับคืนมาได้ ตอนนี้ประเทศไทยเสียประเทศให้คนไทยในชาติของตนเอง เสียมาตั้งแต่ปี 2544 แล้ว เสียมา 13 ปีแล้ว นอกจากจะกอบกู้อิสรภาพกลับคืนมาแล้ว ยังมีทีท่าว่าจะเสียอิสรภาพมากขึ้นไปอีก

รัฐประหารครั้งนี้ ประเทศไทยไม่ได้เสียของ แต่เสียประเทศ

กองทัพ เคยเป็นที่หวังด่านสุดท้ายในการป้องกันประเทศชาติประชาชน แต่ดูแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ นายพลของทุกเหล่าทัพ ไม่สามารถต่อสู้กับคนคนเดียวได้ คนเหนือชั้นใช้กิเลสสาดใส่ จนไม่มามารถตั้งตัวได้

การตลาดเรื่องการปรองดองคนในชาติที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ร่วมกันทำมาเมื่อปี 2553 หรือเมื่อปี 4 ปีมาแล้ว สำเร็จแล้ว ด้วยการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

งานของทักษิณสำเร็จไปแล้วเปราะหนึ่ง ด้วยการทำรัฐประหารที่อ้างถึงการปรองดองคนในชาติที่ได้วางแผนไว้

คงเหลืองานที่สำคัญที่ต้องทำต่อไป คือนิรโทษกรรมให้ตนเอง

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นเป็นความเหนือชั้นของทักษิณ การจัดราการวิทยุโทรทัศน์ทุกเช้าวันเสาร์ การพูดการให้สัมภาษณ์ต่างกรรมต่างวาระ คนส่วนหนึ่งเห็นว่าหาคะแนนนิยม มุสา นำพามวลชนชื่อในสิ่งผิด

แต่จะมีคนส่วนหนึ่งเชื่อแบบหัวปักหัวปำ ไม่เห็นว่าทักษิณทำอะไรไม่ถูกต้องรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2577 เป็นการทำรัฐประหารที่แปลกประหลาดที่สุดของการรัฐประหารประเทศไทยที่เคยมีมา เป็นการรัฐประหารเพื่อสลายการชุมนุมของมวลชน ทำให้เห็นว่าการชุมนุมของมวลชนเป็นความผิด กล่าวว่าการชุมนุมของมวลชนทำให้ประชาชนไม่มีความสุข ไม่ได้กล่าวถึงว่าเพราะประชาชนไม่มีความสุข จึงออกมาชุมนุมกัน ได้มีการแต่งเพลง จัดรายการบันเทิงทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข

แต่รัฐประหารก็มีการล้มรัฐบาลไปในตัว แต่ไม่ได้มีการกล่าวโทษความผิดอะไรรัฐบาล ก็แปลก เมื่อรัฐบาลไม่มีความผิด แล้วไปล้มรัฐบาลทำไม ความผิดอยู่ที่ประชาชนมาชุมนุมกันแค่นั้นเอง

เพื่อไม่หลงลืมในประเด็น ผู้เขียนบอกไว้ในตอนแรกแล้วว่าทักษิณคือต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ

หลายคนบอกว่าเป้าหมายการทำรัฐประหารของ คสช.เป็นสีเทา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ บอกว่าการทำรัฐประหารปี 2557 ประโยชน์จะเป็นของทักษิณแต่อย่างเดียว การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะ และจะกลับมาปกครองประเทศอีก

ผู้เขียนเห็นด้วยกับคำกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่มีความแตกต่างบ้าง ไม่เห็นเป็นสีเทาหรือสีมัวๆ แต่เห็นเป็นภาพที่กระจ่างชัด เห็นตั้งแต่มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับแรกๆ และต่อๆ มาโดยพิจารณาที่วลี “การปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ”

ดูจากที่นำเสนอเรื่อง การแตกแยกของคนในชาติ และวิธีการตลาดของอดีตนายกฯ ทักษิณ เพื่อการปรองดองกันของคนในชาติ แบบมีปัจจัยซ่อนเร้น จึงบอกได้ว่าทักษิณเป็นผู้ออกแบบการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557กล่าวได้ว่าทักษิณทำรัฐประหารตัวเองรัฐประหารที่ได้มีการเลือกข้างแต่แรกแล้ว ไม่ได้เลือกข้างประชาชน แต่เลือกที่จะล้มประชน

มาถึงตรงนี้ ทำให้หวนคิดไปถึงคำพูดของเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน พูดว่า “ไม่เอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัวของคน”

บรรดาแกนนำ นปช.ทราบว่า รัฐประหารครั้งนี้ออกแบบโดยทักษิณ จึงไม่ได้มีการวิจารณ์การทำรัฐประหารแต่อย่างใด ถึงจะวิจารณ์ก็ทำพอเป็นพิธี บรรดาแกนนำจึงออกมาสนับสนุนกิจกรรมของ คสช.ด้วยความชื่นมื่น ไม่เห็นมีฝ่ายตรงข้ามมาชุมนุมด้วย ทำให้สงสัยว่า การปรองสมานฉันท์ของคนในชาติจะเกิดขึ้นได้อย่างไรเห็นแต่กลุ่มทักษิณได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว

2) เรื่องใหญ่เรื่องที่ 2 การสูญเสียความเป็นเจ้าของทรัพยากรของประเทศชาติการสูงขึ้นของราคาพลังงาน เป็นผลให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา เงินเฟ้อสูงขึ้นมาโดยตลอด และหากเหตุการณ์ยังเป็นอยู่เช่นนี้ อัตราเงินเฟ้อก็จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป เป็นความเดือดร้อนของคนในชาติที่ต่อเนื่องยาวนาน

ความคิดและคำพูดของทักษิณเป็นเรื่องเชื่อได้ แต่เป็นเรื่องของมิจฉาทิฐิ มิจฉาวาจาและมีการแก้กฎหมาย เพื่อแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และขายสมบัติชาติอย่างเอิกเกริก ในภาพแสดงให้เห็นว่าช่วงรัฐบาลทักษิณมีการแปรรูปมากที่สุด เช่น PTT AOT TOP MCOT ในรัฐบาลต่อๆ มาไม่ได้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีกเลย

มีการแก้กฎหมายกิจการโทรคมนาคม จากที่ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ มีความพยายามในการแก้กฎหมายถึง 2 ครั้ง ผ่านวุฒิสภาฯ ครั้งแรกไม่สำเร็จ แต่มาสำเร็จในครั้งที่ 2 และได้มีการขายสัมปทานกิจการโทรคมนาคมของประเทศหรือขายสมบัติชาติประมาณ 49 เปอร์เซ็นต์ SHIN ให้เทมาเส็กแห่งสิงค์โปร เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549

ผู้เขียนไม่เห็นด้วยที่ว่าการขายชินคอร์ปแล้วไม่มีการเสียภาษี ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ความไม่ถูกต้องอยู่ที่การแก้กฎหมายเพื่อขายสมบัติชาติแต่แรกแล้ว
ที่มา : Profile ดังใน Instagram Oak_ptt
โครงสร้างการเป็นเจ้าของทรัพยากรของชาติเสียหายหมด ทรัพยากรของประเทศไทยต้องเป็นของคนไทย ไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หรือเป็นของต่างชาติ สัดส่วนการถือหุ้นระหว่างต่างชาติและคนไทย 49:51 เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดูแทบจะไม่เห็นถึงความแตกต่าง อย่างมากการถือหุ้นของคนทั่วไปและต่างชาติในทรัพยากรของชาติไม่ควรจะเกิน 10-25 เปอร์เซ็นต์

มีการทำมาหากินกับทรัพยากรของประเทศแทบทุกอย่าง ล้วนแต่เป็นกิจการขนาดใหญ่ เช่น กิจการพลังงาน กิจการโทรคมนาคม กิจการสื่อ กิจการโลจิสติกส์และการบิน เป็นรัฐบาลประเทศ 6 ปี ทรัพยากรของชาติถูกฮุบไปเกือบครึ่ง แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาลเอง ก็มีรัฐบาลตัวแทนช่วยจัดการให้

ตารางที่ 1 ทำเป็นข้อมูลปะหน้าว่า กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปตท. แต่เมื่อเอามากระจายข้อมูลออก ตามตารางที่ 2 และหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด พบว่ากิจการพลังงานเป็นของกระทรวงการคลัง หรือเป็นของประเทศชาติประชาชนเพียง 38.90 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซ็นต์แต่อย่างใด

การสูงขึ้นของราคาพลังงาน เป็นต้นเหตุที่สำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการราคาสูงขึ้น หรือเงินเฟ้อสูงขึ้น ช่วง 13 ปีผ่านมาเงินเฟ้อสูงขึ้นมาโดยตลอด เท่านี้ยังไม่พอ มีข่าวว่าจะปรับราคาพลังงานให้สูงขึ้นไปอีก

ราคาก๊าซหุงต้ม เมื่อก่อนถัง 15 ก.ก. ถังละไม่ถึง 200 บาท ทุกวันนี้ราคาเกือบทั้งละ 400 บาทแล้ว ถูกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันก.ก.ละ 4.75 บาท หรือถังละ 71.25 บาท เท่านี้ยังราคายังไม่สูงอีกหรือ หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีที่มาจาก คสช.บอกว่า จะมีการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขึ้นไปอีกแบบขั้นบันได เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดโลกที่เป็นจริง ไม่ทราบราคาตลาดโลกที่ไหน พลังงานของประเทศมาเลเซียราคาถูกกว่าประเทศไทยกว่าครึ่ง

เมื่อพิจารณาสัดส่วนผู้ถือหุ้น ที่เป็นของการทรวงการคลัง 38.90 เปอร์เซ็นต์ การขึ้นราคาพลังงาน หรือการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จึงไม่เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด แต่จะเป็นประโยชน์ต่อเอกชนผู้ถือหุ้นพลังงานแต่อย่างเดียว

มีการหาประโยชน์จากกิจการพลังงานทุกทางที่ทำได้ กิจการพลังงานมีส่วนแบ่งมูลค่าตลาดสูงสุดในระบบมากกว่า 22.22 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลในปี 2544 หรือเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐหรือประเทศชาติประชาชนได้รับภาษีจากกิจการพลังงานน้อยลง เนื่องจากมีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30 เปอร์เซ็นต์เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้กิจการพลังงานมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากการชำระภาษีน้อยลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์

3) เรื่องใหญ่เรื่องที่ 3 คอร์รัปชันในโครงการจำนำข้าว เสียหายและขาดทุน 700,000 ล้านบาท วันนี้เห็นข่าวการเปิดตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ถูกผู้ก่อการร้ายจะจี้เครื่องบิน 2 ลำเข้าพุ่งชนเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 123,500 ล้านบาทใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปีเงินคอร์รัปชันการจำนำข้าว 700,000 ล้านบาทของประเทศไทย สามารถสร้างตึก WTC ได้ถึง 5.67 ตึก ดูว่าเงินคอร์รัปชันมากแค่ไหน

การพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2540 ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็นนายกรัฐมนตรี และมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะไว้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบการเงิน 1.4 ล้านล้านบาท เป็นความเสียหายโดยขาดข้อมูลความรู้ความเช้าใจ ถึงสิ่งผิดปกติของตลาดหุ้นที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่ามีการคอร์รัปชั่นในโครงการรับจำนำข้าว 700,000 ล้านบาท ได้มีการออกพันธบัตรเพื่อใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไปแล้ว ประมาณอีก 40 ปีกว่าจะใช้หนี้กองนี้ได้หมด หนี้กองเก่ายังใช้หนี้ไม่หมด แล้วประเทศไทยกำลังจะออกพันธบัตรกองใหม่ มาใช้หนี้การคอร์รัปชันจากการรับจำนำข้าว

กว่า 10 ปีมานี้ ประเทศไทยต้องออกพันธบัตรมาให้ประชาชนชดใช้หนี้ จากความผิดพลาดทางวิสัยทัศน์และปรัชญา และการคอร์รัปชันรวม 2.1 ล้านล้านบาท ไม่ทีท่าจะหาผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ได้

ผู้เขียนหาความสัมพันธ์ไม่ได้ การขึ้นภาษีวีเอที การขึ้นราคาพลังงาน การขึ้นค่าผ่านทาง การขึ้นราคาค่ารถโดยสาร ว่าจะทำให้ประชาชนมีความสุขได้อย่างไร ขึ้นไปแล้ว ได้งบประมาณมากขึ้น ก็เอาไปคอร์รัปชันต่อ ต้องมีการลดภาษีวีเอที ลดราคาพลังงาน ฯลฯ แบบนี้ต่างหากที่จะทำให้คนในชาติมีความสุขได้ คสช.

รัฐบาลก็ไปทำแต่เรื่องปกติ ที่รัฐบาลปกติเขาทำอยู่แล้ว และดูเหมือนจะทำมากกว่าที่รัฐบาลปกติทำเสียอีก เสียเวลา เสียประเทศชาติ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ไม่ทราบว่าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตรงไหน ต้นทุนการประกอบการ ค่าขนส่ง ค่าเดินทางสูงขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวดีขึ้นได้อย่างไร ทุกวันนี้ไปเที่ยว พบว่าราคาน้ำมันที่ใช้สูงขึ้นมาก เที่ยวครั้งเดียวก็เลิกเที่ยวแล้ว

การรัฐประหารปี 2557 ไม่ได้มีการแก้ปัญหาหลักของประเทศ คือ การแตกแยกของคนในชาติ การสูญเสียความเป็นเจ้าของในทรัพยากรของประเทศชาติ การสูงขึ้นของราคาพลังงาน คอร์รัปชันในโครงการจำนำข้าว เสียหายและขาดทุน 700,000 ล้านบาทแก้แต่ปลายเหตุของปัญหา ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา ปัญหาเหล่านี้ขึ้นเกิดต่อเนื่องยาวนานไม่ต่ำกว่า 10 ปี ที่เลวร้ายอยู่แล้วก็เลวร้ายมากขึ้น ต่อไปรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะมาซ้ำเติมประเทศชาติ ทำให้ประเทศเสื่อมทรุดไปอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น