xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ถอดถอนนักการเมืองชั่วคือการถอดหน้ากากตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: อ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์

อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
หัวหน้าสาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย คณะสถิติประยุกต์
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)


แล้วสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ตัดสินใจลงมติลับและตัดสินใจยื้อเกมส์ถอดถอนนักการเมืองชั่ว ซึ่งจะเป็นการประหารชีวิตนักการเมืองชั่วสองคนที่ไม่อยากจะเอ่ยชื่อให้เป็นอัปมงคล การถอดถอนนี้ไม่ใช่การตัดสิทธิ์ทางการเมืองชั่วคราวห้าปีอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์หรือพวกสมาชิกบ้านเลขที่ 111 แต่มีแนวโน้มที่จะเป็นการประหารชีวิตทางการเมืองกันทีเดียว ดังที่อดีตวุฒิสมาชิกคุณคำนูณ สิทธิสมานได้อธิบายประเด็นกฎหมายเอาไว้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2557 มาตรา 8 ได้เขียนระบุเอาไว้ชัดเจนว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และ มาตรา 20 ที่ระบุเอาไว้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8 ด้วย

ดังนั้นการถอดถอนนักการเมืองชั่วสองคนนี้จึงจะมีผลกระทบต่อทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง อดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พวกนักการเมือง ส.ส. ที่เคยมีปัญหาเรื่องการถูกถอดถอนทั้งจากคดีจำนำข้าวและคดีอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะโดนหางเลขนี้ทั้งหมด เรียกว่าเป็นการจำคุกตลอดชีวิตนักการเมืองน้ำเน่าแทบสิ้นซากประเทศไทยกันเลยทีเดียว ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผม ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ สนช. ควรจะต้องกล้าตัดสินและทำในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักคุณธรรมและหลักนิติรัฐ เพื่อรักษาความยุติธรรมไว้ในแผ่นดินนี้ แต่แล้ว สนช. ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับไม่กล้าทำในสิ่งควรต้องทำตามหน้าที่ อาศัยเวลายื้อเกมต่อไป ทั้งนี้เริ่มจากมี คสช. บางท่านคือพลเอกนพดล อินทปัญญาออกมาพูดตีปลาหน้าไซว่าหากทำเช่นนั้นความขัดแย้งจะไม่จบสิ้นและไม่อาจจะปรองดองได้

ผมไม่ทราบว่าการปรองดองกับความไม่ถูกต้องคืออะไร แต่ผมทราบเพียงว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อแผ่นดินนี้มีความยุติธรรม ใครทำอะไรลงไปก็ต้องรับผลกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ กปปส. พันธมิตรฯ พรรคเพื่อไทย นปช. สนช. สปช. หรือ คสช. เองก็ควรจะอยู่ภายใต้หลักความยุติธรรมนี้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองคงจะไม่มีวันสงบและปรองดองได้

การพยายามยืดเยื้อจึงทำให้ชวนคิดได้ว่า นี่เป็นการประสานประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่อยากจะแตกหักกับระบอบทักษิณ เมื่อประสานประโยชน์กันลงตัวก็อะลุ่มอล่วยกันไป เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เป็นแค่สมบัติผลัดกันชม ประเทศไทยก็บอบช้ำต่อไปไม่สิ้นสุด แล้วเราจะไปหวังปฏิรูปประเทศชาติได้อย่างไรในเมื่อ สนช. ที่ตั้งมาโดยคสช. กับมือไม่ทำหน้าที่เช่นนี้

การไม่ยอมถอดถอนนักการเมืองเลว หรือเว้นโทษประหารชีวิตทางการเมืองนักการเมืองชั่ว ทำให้เป็นการถอดหน้ากากให้ประชาชนเห็นธาตุแท้อันล่อนจ้อนของคนมีอำนาจในแผ่นดิน ที่ไม่ได้คิดทำเพื่อแผ่นดิน แต่คิดทำเพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตนไว้มากกว่าประเทศชาติ แล้วประชาชนที่ออกมาต่อสู้บนท้องถนนกันเป็นหลายเดือนหลายล้านคนก็คงจะคาดหวังอะไรไม่ได้มากว่าจะได้เห็นประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น การรัฐประหารเป็นแค่ยาสลบชั่วคราวที่ไม่ให้สองฝ่ายต้องฆ่ากันตายหรือเกิดเหตุการณ์นองเลือด แต่การปฏิรูปประเทศไทยที่มีปัญหาหมักหมมมานานจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คนที่ออกมาเป็นล้านๆ คน สู้กันเป็นเดือน เขาลงแรงลงใจไปมากขนาดนั้น เขาย่อมคาดหวังการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในประเทศนี้สูงมาก หากเป็นมวยล้มต้มคนดูแล้วแผ่นดินย่อมลุกเป็นไฟในไม่ช้า

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คงจะบอกเราได้ในไม่ช้าว่าคสช. จะทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินได้ดีแค่ไหน หรือจะเป็นเหมือนรัฐประหารในอดีตที่ผ่านมาที่ล้วนแล้วแต่เสียของ และไม่ได้ทำให้ประเทศไทยดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ผมก็ได้แต่ฝากความหวังใจว่า สนช. และ คสช. จะคิดได้ และไม่ประนีประนอมกับความไม่ถูกต้องเพื่อรักษาหลักนิติรัฐและหลักคุณธรรมให้คงอยู่บนแผ่นดินนี้ หากผู้ปกครองใดละเลยความสำคัญของสองหลักการดังกล่าวแล้วไซร้ ก็ยากที่จะคงอยู่ในอำนาจไปได้อย่างยั่งยืน เมื่อท่านไม่รักษาหลักการและความถูกต้องแล้วไซร้ ประชาชนก็จะรวมตัวกันเพราะมีศัตรูคนเดียวกันคือผู้ปกครองที่ขาดธรรมะ ขอให้ท่านสำนึกด้วยว่า “อันประชาสามัคคีมีจิตตั้ง เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล มิอาจต้านแรงมหาประชาชน” กลอนบทนี้ของศรีบูรพาจะยังคงมีพลังอำนาจเป็นจริงอยู่ต่อไป หากผู้ปกครองใดไร้ซึ่งคุณธรรม ขอฝากแผ่นดินนี้ไว้ในมือของผู้มีอำนาจด้วยจิตคารวะ!
กำลังโหลดความคิดเห็น