ผ่าประเด็นร้อน
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า เวลานี้เริ่มมีคำถามแบบตั้งข้อสังเกตมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าแท้ที่จริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจเบ็ดเสร็จจริงหรือไม่ ทั้งอำนาจในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และในฐานะผู้นำรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรี เพราะสงสัยกันว่าบุคคลที่มีทรงอำนาจ มีบารมีอยู่เบื้องหลังแท้จริงก็คือ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เวลานี้บทบาทเริ่มเด่นชัดบดบังมากขึ้นทุกวัน ทั้งใน คสช.จากเดิมที่เป็นประธานที่ปรึกษาเวลานี้ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น “หนึ่งในทีม” เรียบร้อยแล้ว
สำหรับในรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลด้านความมั่นคงทั้งหมด รวมไปถึงดูแลปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด ความหมายก็คือ เมื่อนายกฯ มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ คนที่รักษาการนายกฯ ก็คือ พล.อ.ประวิตร นี่แหละ
นอกจากนี้ หากพิจารณาตามเส้นทางที่ผ่านมายังปรากฏเส้นสายเครือข่ายของ พล.อ.ประวิตร เข้ามาเป็นแผงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งผ่านทางน้องชาย คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตำแหน่งหลักๆ ตั้งแต่ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงลงไป หรือแม้แต่ ผบ.ตร.ในอนาคตที่วางตัว พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็ล้วนอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
ในส่วนของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ทำนองเดียวกัน มีบุคคลที่อยู่ในสายของ พล.อ.ประวิตร กันเต็มพรืดไปหมด ไม่ว่าญาติ เพื่อนพ้องน้องพี่ รวมไปถึงคนใกล้ชิดอย่าง พล.อ.นพดล อินทปัญญา อดีตเลขาฯ ส่วนตัวก็หอบหิ้วกันมาและนับวันยิ่งมีบทบาทเข้มข้น โดยเฉพาะเริ่มติดหูติดปากตั้งแต่นำทีม 28 สนช.ร้องศาลปกครองให้ขัดขวางการเปิดเผยทรัพย์สิน และล่าสุดออกมาส่งสัญญาณ ก่อนการประชุม สนช.ยื้อถอดถอนสองอดีตประธานสภา คือสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และนิคม ไวยรัชพานิช ออกมาไปแบบไม่มีกำหนด ซึ่งบทบาทแบบนี้เป็นบวกหรือลบก็ต้องพิจารณากันเอาเอง
ในความสงสัยดังกล่าวยังต่อเนื่องมาถึงเรื่องบทบาทในการคัดเลือกรัฐมนตรีสำคัญในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย โดยเฉพาะตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่มาในสาย “เซนต์คาเบรียล คอนเนกชัน” ที่ล่าสุดเตรียมออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 8 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่เวลานี้ตามข่าวรายงานว่าได้อนุมัติเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เรียบร้อยแล้ว ล้วนมาในสายเดียวกัน ยังไม่นับถึงกรรมการสรรหา สปช.ด้านพลังงาน ประธานและกรรมการบอร์ดของ ปตท.
ที่น่าตกใจก็คือ คำถามและข้อสงสัยที่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สามารถ “เชื่อมต่อ” ไปถึงระบอบทักษิณได้ ซึ่งยังไม่มีคำตอบออกมาอย่างชัดเจนเลย
นั่นเป็นคำถามและข้อสงสัยถึงขุมข่ายอำนาจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคำถามต่อเนื่องว่าแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจแท้จริงหรือไม่ แม้ว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เคยอธิบายให้ฟังบ้างแล้วถึงสาเหตุที่ต้องตั้งพรรคพวกคนใกล้ชิดเข้ามาในทำนองว่าต้องใช้ “คนที่รู้ใจ” เพราะมีช่วงเวลาจำกัด
ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือว่าสำคัญและอ่อนไหว เพราะต้องไม่ลืมว่าชาวบ้านเขาให้โอกาสเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ยอมอดทนเฝ้ามองให้บริหารราชการแผ่นดิน ปฏิรูปบ้านเมืองให้เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ใช่ต้องการให้อำนาจกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น หากชาวบ้านไม่แน่ใจว่าเขามีอำนาจแท้จริงหรือไม่ และภาพลักษณ์ในทางลบที่เริ่มก่อตัวก็ย่อมส่งผลไปถึงตัวเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!