xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.สส.เหล่าทัพหนุนรัฐบาล มั่นใจปฏิรูปสำเร็จ-ไร้ปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (20 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งแรก หลังการแต่งตั้งโยกย้าย เดือนตุลาคม 2557 โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกองบัญชาการกองทัพไทย
สำหรับวาระการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ได้มอบนโยบายการทำงานให้กับทุกเหล่าทัพเพื่อความเป็นเอกภาพและเป็นทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งเน้นย้ำการทำหน้าที่ปกป้องเทิดทูนสถาบันฯ พัฒนากองทัพให้ทันสมัย และช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งเป็นการหารือร่วมกันในประเด็นต่างๆ ด้านความมั่นคง การดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน รวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการเน้นย้ำความร่วมมือของทุกเหล่าทัพในการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
หลังจากนั้นเวลา 11.30 น. พล.อ.วรพงษ์ พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมว่า การประชุม ผบ.เหล่าทัพในครั้งนี้ ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะงานที่ทำอยู่ยังคงปฏิบัติเหมือนเดิม โดยเน้นเรื่องผลผลิต ผลลัพธ์ และตัวชี้วัดให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น สามารถจับต้องได้
ทั้งนี้ นายกฯได้ให้แนวทางไว้ว่า ใน 3 ,6,9 เดือน ต้องมีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่วนนโยบายของเหล่าทัพในการสนับสนุนงานของรัฐบาล และ คสช.นั้น เหล่าทัพมีหน้าที่สนับสนุนงานรัฐบาลอยู่ ซึ่งเป็นภารกิจของกองทัพและส่วนราชการ และในปีนี้ถือว่ามีความสำคัญเพราะมีความต่อเนื่องในการทำงานของ คสช. ในโรดแมปที่ 2 โดยกองทัพถือเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ทั้ง คสช. สภานิติบัญญัติ (สนช.) สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยให้ความร่วมมือสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า กองทัพจะมีส่วนเข้าไปดูแลทำความเข้าใจกับประชาชนที่มีความเห็นต่างอย่างไร พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในสปช. ที่จะต้องดูแล ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกันมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ เน้นการทำความเข้าใจ พูดคุยกัน ชี้ประเด็นต่างๆให้เห็นเพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ประเทศชาติมั่นคงเจริญรุ่งเรือง ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรเมื่อเราเดินไปจุดหมายเดียวกัน สามารถร่วมมือร่วมใจในการทำงานได้
เมื่อถามว่า ได้ประเมินปัญหาเรื่องคลื่นใต้น้ำอย่างไร พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เรียกว่าคลื่นใต้น้ำ เป็นเพียงคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับ คสช.และรัฐบาล 100% อาจจะมีบางประเด็นไม่ตรงกัน แม้แต่ใน สนช.เอง ก็ยังมีความเห็นไม่เหมือนกันเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะเอาความเห็นของทุกคนมาทำเป็นความเห็นร่วมกันได้ เท่าที่ดูไม่มีปัญหาอะไรมาก สามารถดำเนินการได้ตามโรดแมปที่วางไว้
" จริงๆแล้วกองทัพไม่ได้อยู่จุดยอดสูงสุด แต่อยู่อยู่กลางๆ มีหน้าที่สนับสนุนรัฐบาล ส่วนบุคคลที่ไปทำหน้าที่อื่นทั้งในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือแม้แต่ คสช. ก็ทำไปตามหน้าที่ และบทบาทตัวเอง แต่ทุกอย่างต้องมาบูรณาการ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย คือมีการเลือกตั้งที่ถูกต้องและเหมาะสม " พล.อ.วรพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่มีประชาชนไปร่วมงานศพ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เป็นงานศพธรรมดา ที่มีคนรู้จักชอบพอมาร่วมงานมาก ซึ่ง พ.อ.อภิวันท์ ได้รับพระราชทานโกฏิ และพระราชทานเพลิงศพ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ก็เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า กองทัพอยากให้รัฐบาล และ สปช. ปฎิรูปเรื่องใดในกองทัพที่เห็นว่าสำคัญที่สุด พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า กองทัพมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วในเรื่องการปฏิรูปประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมดำเนินการ วางกรอบ11 ด้าน ซึ่งเราก็อยู่ในนั้นด้วย ทั้งเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุงโครงสร้าง การปรับปรุงแกไขกฎหมายต่างๆ ซึ่งทั้ง 11 ด้านได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องว่ามีความสำคัญใน 10 ด้าน และอื่นๆ อีก1ด้าน ก็แล้วแต่จะเพิ่มเติมขึ้นมา
" การปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน ต้องทำพร้อมๆ กัน จะมุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เหมือนร่างกายต้องฟิตทุกจุดจะไปเน้นแต่เล่นกล้ามอย่างเดียวไม่ได้ แขน ขา ตับ ไต ปอด หัวใจ ต้องแข็งแรง ทั้งนี้มองว่า 11ด้าน ที่คิดกันมาสมบูรณ์แล้ว แต่ก็จะมีด้านอื่นไว้ เผื่อช่วงเวลาจำกัด ไม่ครอบคลุม ด้านอื่นๆก็จะเป็นตัวเสริมให้สมบูรณ์ ทั้งนี้การปฏิรูปกองทัพ อยู่ในส่วนการบริหารราชการอยู่แล้ว เราไม่ได้แปลกแยกจากส่วนอื่น กองทัพถือเป็นส่วนราชการของรัฐบาล เหมือน กระทรวง ส่วนราชการที่รับเงินเดือนหลวงเหมือนกัน กองทัพจึงไม่จำเป็นต้องแยก เว้นแต่มีปัญหาหนักๆต้องยกขึ้นมา " พล.อ.วรพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ควรปฏิรูปส่วนไหนของกองทัพก่อน พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า นโยบายที่ให้เหล่าทัพไปก็คือ การพัฒนาคน เรามองว่าประเทศไทยมีปัญหาก็เพราะคน ถ้าคนดี คิดดี ทำดี ปัญหาจะลดลงไปมากกว่าครึ่ง เช่นเรื่องการคอรัปชั่น ถ้ามีคนดีปัญหาจะลดลง เราไม่ต้องไปแก้ที่ปลายเหตุโดยการออกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่น เพราะคนดี จะรู้หน้าที่ ความรับผิดชอบ เขาสามารถทำให้ปัญหาลดลงเกินครึ่ง เมื่อถามว่า ถ้าปฏิรูปสำเร็จ การรัฐประหารก็จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วใช่ไหม พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ถ้าปฏิรูปได้ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะเราเขียนโรดแม็ปเอาไว้เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ได้นักการเมืองที่ดีมาบริหารประเทศ ถ้านักการเมืองบริหารประเทศดีก็ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ถ้าเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานไป 1 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น ทหารจะมีบทบาทอะไรหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ท่านบริหารประเทศได้อยู่แล้วตามโรดแมปที่วางไว้ ซึ่งตนมั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรี และกองทัพ ก็ให้การสนับสนุนงานเต็มที่อยู่แล้ว เพราะเราเป็นข้าราชการ ส่วนกำลังใจเราให้ท่านนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่เราต้องทำงานสนับสนุนท่านด้วย ไม่ใช่เชียร์อย่างเดียว นายกรัฐมนตรีสั่งมาก็ต้องทำงานให้สำเร็จด้วย เพราะที่ท่านสั่งมาเกี่ยวข้องกับ หลายกระทรวง ทบวง กรม ถ้าของใครคนใดคนหนึ่งไม่สำเร็จก็จะมีปัญหา เหมือนจิ๊กซอร์ ที่มีตัวต่อเป็นร้อย ถ้าแต่ละตัวมีปัญหาภาพก็ไม่เหมือนที่ต้องการ เราต้องทำของเราให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า มีอะไรอยากเสนอหรือติชมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า มีแต่คำชม ไม่มีคำติ
กำลังโหลดความคิดเห็น