นายกฯ ยันการดำเนินการต่อบิ๊กตำรวจทุจริตรับส่วยเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่มีอำนาจใดปกป้องคนผิดได้ ใหญ่เล็กถ้าทำผิดก็ต้องผิด บอกอย่าโยงการเมือง คาดหวังปฏิรูปปลอดทุจริต พร้อมแนะยึดหลักปฏิรูป ต้องตัดคำว่า “อำนาจเพื่อผลประโยชน์” ออก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการคอร์รัปชันในวงการตำรวจว่า เป็นการตรวจสอบตามกลไกกฎหมายทุกประการ เป็นไปตามกระบวนการเข้าสู่การร้องทุกข์กล่าวโทษ ไม่ต้องไปเร่งดีกรีหรืออยู่ดีๆ จะไปจี้ตรงนั้นตรงนี้ ต้องมีการร้องเรียนระบบการทำงาน ติดตามโดยคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ดูว่าตรงนี้เริ่มมีการทุจริต แต่ถ้ายังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ยังไม่อยู่ในกระบวนการ ยังไม่จ่ายเงิน เหล่านี้ยังไม่ถึงขั้นการทุจริต เอากฎหมายมาดู ถ้ามองว่าทุจริตแล้วไปสอบ แต่ไม่ทุจริตยังไงก็ไม่ทุจริต ถ้าไม่มีก็ไม่ผิด ถ้าผิดจะให้ไม่ผิดไม่ได้ หรือถ้าไม่ผิดจะให้เป็นผิดก็ไม่ได้ และอย่าพูดว่าวงการตำรวจ ใช้คำว่าตำรวจบางนายหรือใครก็ได้บางคน บางกลุ่มบางพวก บางผลประโยชน์ ไปว่าเอาอย่างนั้น ไปพูดว่าวงการตำรวจ เขาก็ตายกันสิ ตำรวจที่ดีๆ มีเยอะไป
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะขยายผลอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การขยายผลก็ต้องไปสอบต่อว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง “ผมบอกแล้วไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ ผิดคือผิด อย่าเอาการเมืองมาเกี่ยว มันไม่ได้ มันต้องถอดตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายว่าคนๆ นี้ได้กระทำความผิดแล้ว อย่างไรก็ต้องผิด ก็ไปสู้คดีกันไป”
ส่วนการแต่งตั้งตำรวจจะเป็นระบบคุณธรรมมากขึ้นใช่หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันต้องมีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเรียนเลยว่าถ้าการเมืองไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ตนว่ามันดีหมด เพราะฉะนั้นการเมืองก็ต้องอยู่ในการเมือง ฝ่ายบริหารก็อยู่ฝ่ายบริหาร เส้นอำนาจระหว่างการบริหารและการปกครองมันชิดกันมาก ฝ่ายบริหารก็บอกว่าต้องมีอำนาจในการแต่งตั้งบ้าง เพราะจะได้มีการปกครองต่อไป ทำงานร่วมกัน แต่ต้องดูว่าหน่วยเขาตั้งใครมา เราจะไปชี้ว่าต้องเป็นคนนั้นคนนี้ไม่ได้ ถ้าเขาเสนอมาและการเมืองเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ให้กลับไปทบทวนเป็นคนนั้นคนนี้ได้ไหม ซึ่งตนก็ทำไม่ได้ และก็ไม่เคยทำ ถ้าสมมติตนเป็น ผบ.ทบ. เขาตั้งแม่ทัพมา หรือตั้ง ผบ.พล.ขึ้นมา แล้วคนคนนี้ดีหรือเปล่า ถ้าไม่ดีแต่หน่วยเสนอมาแล้วต้องไปดูว่าหน่วยแต่ละหน่วยส่งใครขึ้นมา ต้องดูจากตรงนั้น เพราะผ่านคณะกรรมการมา ถ้าเราให้สิทธิเขา ถ้าเขาตั้งแบบปัจจุบัน แล้วให้คณะกรรมการตำรวจเป็นคนแต่งตั้งถ้าไม่ดีเขาต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเราเป็นคนตั้งเขา เราต้องรับผิดชอบ เพราะเราเป็นคนเลือก
ผู้สื่อข่าวถามว่าการจับรับส่วยจากการค้าน้ำมันเถื่อน จะมีการสาวไปถึงตัวการใหญ่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มันต้องมี เกี่ยวพันใครก็ถึงคนนั้น ตนไปเกี่ยวข้องไหมละ คงไม่มีใครเกี่ยว ถ้าใครไปเกี่ยวก็จับกุมหมดจะยากอะไร อย่าไปคิด เป็นไปตามหลักฐาน
ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะมีการปฏิรูปตำรวจอย่างไร เพื่อไม่ให้ตำรวจส่วนน้อยทำลายตำรวจส่วนใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันมีทุกองค์กรแหละ การปฏิรูปก็อยู่ในขั้นตอน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีขั้นตอนปฏิรูปอยู่แล้ว เป็นการปฏิรูประยะที่สอง จากระยะแรกที่ดำเนินอย่างไรให้กลไกปัจจุบันดำเนินการไปได้ มีระบบคุณธรรมในการแต่งตั้ง ในการบังคับใช้กฎหมาย เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน ผู้ที่ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือโดนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้มีการตั้งกองทุนยุติธรรมเพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีเงินได้ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่เคยมีใครตั้ง หาเงินใส่เข้าไป นี้เป็นระยะแรกช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางด้านกฎหมาย เป็นการเข้าถึง ตนฝันการปฏิรูปในทุกองค์กร ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ ปฎิรูปให้ทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ทำอย่างไรไม่ให้เกิดกระบวนการทุจริต ผิดกฎหมาย แสวงประโยชน์ หรือการใช้อำนาจไปสู่ผลประโยชน์ ถ้าเราตัดคำว่าอำนาจเพื่อผลประโยชน์ มีอำนาจเฉพาะอำนาจปกครอง บังคับบัญชา และให้ความดีความชอบ คนที่ทำความดี และลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย อย่างถูกต้องและเป็นธรรม ตนว่าประเทศไทยไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปฏิรูปกองทัพด้วยหรือไม่ ประธาน คสช.กล่าวว่า ปฏิรูปหมดก็เห็นเขาเขียนไว้ การปฎิรูปไม่ใช่ไปยึด ไปรื้อ ไปเลิก ทั้งหมด ไปดูว่าอะไรที่ดูแล้วเป็นประโยชน์ และทำให้มันดีขึ้น ได้รับความเชื่อถือ ความไว้ใจมากขึ้น บางอย่างเป็นเรื่องของความมั่นคงก็ต้องไปดูว่ามั่นคงแค่ไหน เพียงพอหรือไม่ ควรจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเท่าไร และกระบวนการจัดซื้อจัดหาวันนี้เพียงพอหรือยัง ถ้ายังไม่พอต้องเพิ่มตรงไหนก็ไปว่ากันมา อยากเรียนว่าทุกคนมันมีกติกาหมดอยู่แล้ว เพียงแต่จะใช้กติกานั้นเท่าไร อย่างไร สร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือให้สังคมภายนอกได้มากน้อยแค่ไหน และพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบได้มากน้อยเพียงใด
“จริงๆ แล้วกฎหมายไม่ค่อยผิดเท่าไร ยิ่งเขียนกฎหมายยิ่งทำงานยาก เพราะคนไม่ดี ยังไงมันก็ไม่ดี มีกฎหมายอย่างไรก็เลี่ยงกฎหมายได้หมดแหละ กับคนไม่ดี เอากฎหมายไปเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นวันนี้คิดว่ากฎหมายไม่ใช่เอาเป็นเอาตาย จนแก้อะไรไม่ได้ จนอำนวยความยุติธรรมไม่ได้ มันก็มีกฎหมายเหล่านี้มาเข้าข้างตัวเราเอง เพราะฉะนั้นถ้ามีกฎหมายที่เขียนมาแล้วสังคมยอมรับได้ และต่างชาติใช้กันอยู่เอาเหล่านั้นมาดู แต่ถ้าเราเขียนของเราเองเราก็จะมโนของเราไปเรื่อยว่าต้องอย่างนี้อย่างนั้น ต้องแรงขนาดนี้จะได้ไม่มีการทุจริต วันนี้เรากวดขันเข้มงวดขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีข่าวคนมุ่งจะโกง ไม่ว่าจะเอาเงินเท่าไรไปช่วยชาวนา เป็นข่าวตลอด ก็เช็คอยู่ถ้ามีก็ลงโทษสถานหนัก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังเรื่องส่วยจะลดลงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คาดหวัง บอกแล้วถ้าตราบใดคนให้กับคนรับไม่เอื้อต่อกัน ไม่สมยอมกัน มันเกิดไม่ได้อยู่แล้ว ต้องโทษทั้งผู้ให้ และผู้รับ เมื่อคนให้สมยอมเพราะผลประโยชน์แล้วมันผิด ไปยอมเขาทำไม ก็น่าจะผิดทั้งคู่ ไปซื้อตำแหน่งอะไรต่างๆ เหล่านี้
ต่อข้อถามว่า กรณีดังกล่าวเหมือนมีความรู้สึกว่าบ้านเรามีอะไรดำมืดอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไปหาดู วันนี้ก็ค่อยๆ เปิดขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว อย่าไปคิดว่าเกี่ยวกับตรงนั้นตรงนี้ อย่าไปคิดเอาเอง บางอย่างมันเป็นกระแส นี้ไงออกมาให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอำนาจใดมาปกป้องได้ ถ้ากระทำความผิด ตำรวจใหญ่ขนาดไหน ถ้าทำความผิดมีหลักฐานก็ต้องถูกดำเนินคดี อย่าไปคิดว่าถ้ามีใครปกป้องเขา แล้วจะดำเนินคดีได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ไง แสดงว่าโอเคที่พูดมาทั้งหมด หรือที่เข้าใจที่คิดมาทั้งหมดมันไม่ใช่อย่างนั้น มันถึงทำได้ แต่ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ บางอย่างต้องใช้เวลานาน เวลามาก เวลาน้อย อย่าไปยึดโยงซึ่งกันและกันได้ไหม